กำจัดไขมันถาวรด้วย CoolSculpting ให้คุณสวย หล่อ ดูดีได้ โดยไม่ต้องผ่าตัด

ทำความรู้จักเทคโนโลยีกำจัดไขมันถาวรล่าสุดจากสหรัฐอเมริกา CoolSculpting ที่จะทำให้คุณหุ่นเฟิร์มกระชับได้ภายใน 1 ชั่วโมงโดยไม่ต้องพักฟื้น!
เผยแพร่ครั้งแรก 2 ต.ค. 2019 อัปเดตล่าสุด 17 ม.ค. 2023 เวลาอ่านประมาณ 7 นาที
กำจัดไขมันถาวรด้วย CoolSculpting ให้คุณสวย หล่อ ดูดีได้ โดยไม่ต้องผ่าตัด

เคยไหมที่รู้สึกรำคาญใจกับเหนียง หนอก หน้าท้องยื่นๆ พุงใหญ่ๆ เอวหนาๆ ต้นแขนต้นขาใหญ่ ขาเบียด ฯลฯ จะใส่อะไรก็แน่นไปหมด ต้องเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก บ้างครั้งถึงขั้นขาดความมั่นใจไปเลยก็มี แต่ไม่ว่าจะพยายามควบคุมอาหาร ออกกำลังกายอย่างไร ก็ไม่สามารถลดไขมันส่วนเกินเหล่านั้นออกไปได้ตามที่ใจต้องการสักที ยิ่งถ้าอายุเข้าสู่เลข 3-4-5-6 ด้วยแล้ว ยิ่งต้องใช้ความพยายามมากขึ้นไปอีก

ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องการกำจัดไขมันส่วนเกินออกไปแบบถาวร อยากมีรูปร่างฟิต เฟิร์ม ดูดี และใช้เวลาไม่นานก็เห็นผล ที่สำคัญไม่อยากเจ็บตัว ไม่ว่าจะด้วยการฉีด การดูด การเจาะ หรือการผ่าตัด ขอแนะนำ การกำจัดไขมัน กระชับสัดส่วนด้วยเทคโนโลยีกำจัดไขมันด้วยความเย็น (CoolSculpting) จากประเทศสหรัฐอเมริกา ทางเลือกที่น่าจะตอบโจทย์ความต้องการได้ครอบคลุมที่สุดแล้ว ณ ตอนนี้

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง

เทคโนโลยี CoolSculpting กำจัดไขมันได้อย่างไร

ดอกเตอร์อาร์. รอกซ์ เอนเดอสัน (R.Rox Anderson) และนายแพทย์ไดเทอร์ แมนสไตน์ (Dieter Manstein) จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ประเทศสหรัฐอเมริกา ร่วมกับบริษัท ZELTIQ ในการคิดค้น และพัฒนาเทคโนโลยี CoolSculpting ขึ้นเพื่อกำจัดเซลล์ไขมันออกจากร่างกายอย่างถาวร

กลไกสำคัญชองเทคโนโลยีนี้สอดคล้องกับชื่อ CoolSculpting เนื่องจากเป็นการส่งผ่านความเย็นอุณหภูมิติดลบตั้งแต่ -11 ถึง -13 องศาเซลเซียสลงไปยังชั้นไขมันใต้ผิวหนังบริเวณที่ต้องการโดยใช้เวลา 35-45 นาที วิธีการนี้ทำได้ง่ายๆ ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องดูด ไม่ต้องเจาะ และไม่ต้องฉีด เพียงแค่ใช้ applicator (หัวเครื่องส่วนที่ปล่อยความเย็น) ติดตั้งบริเวณที่ต้องการเท่านั้น

เมื่อเซลล์ไขมันบริเวณที่ทำได้รับความเย็นอุณหภูมิติดลบติดต่อกันเป็นเวลานาน ๆ เซลล์ไขมันก็จะแข็งตัว หยุดการเจริญเติบโตแล้วก็จะตายลง จากนั้นเม็ดเลือดขาวจะค่อยๆ ย่อยสลายซากเซลล์ไขมันและขับออกจากร่างกาย ผ่านกลไกตามธรรมชาติ

สัมผัสความแตกต่างของรูปร่างได้ แม้ในครั้งแรก

เทคโนโลยี CoolSculpting สามารถกำจัดไขมันส่วนเกินจากบริเวณที่ต้องการได้ราว 20-30% ของปริมาณไขมัน

สะสมที่มีอยู่ในบริเวณนั้นๆ โดยเราสามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงจากการทำ CoolSculpting ได้หลังจากนั้นเพียง 20 วัน เมื่อเซลล์ไขมันค่อยๆ ลดจำนวนลง ชั้นไขมันที่เคยเรียงตัวกันหนาจึงบางเบาลงตามไปด้วย ทำให้เริ่มเห็นผลความเปลี่ยนแปลงชัดเจนขึ้นภายในระยะเวลา 1 – 3 เดือน ซึ่งหากต้องการทำซ้ำอีกก็สามารถทำซ้ำได้ ทั้งนี้ผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับเพศ ปริมาณไขมันสะสม ความหนาแน่นของไขมัน และตำแหน่งของไขมันสะสม ดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ผู้ผลิตเครื่อง CoolSculpting

คราวนี้ความฝันที่จะสลายไขมันส่วนเกินที่กวนใจก็เริ่มส่อเค้าเป็นจริง ไม่ใช่เพียงความฝันลางเลือนอีกต่อไป

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

นอกจากนี้เทคโนโลยี CoolSculpting ยังผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา ประเทศสหรัฐอเมริกา (U.S.FDA) ว่า สามารถกำจัดไขมันได้อย่างมีประสิทธิภาพจริง และได้รับเลือกให้เป็นวิธีกำจัดไขมันถาวรยอดนิยมอันดับ 1 จากสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา (American Society for Dermatologic Surgery: ASDS) อีกทั้งยังได้รับรางวัล Best Body Treatment จากนิตยสาร NewBeauty จากประเทศสหรัฐอเมริกาติดต่อกันถึง 3 ปีซ้อน

ปัญหาแบบไหนบ้างที่สามารถแก้ได้ด้วยการทำ CoolSculpting

  • ผู้ที่มีปัญหาไขมันสะสมในบริเวณต่างๆ ของร่างกาย
  • ผู้ที่ต้องการลดไขมันสะสมเฉพาะส่วน เช่น ใต้คาง (เหนียง) สันคอ (หนอก) หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา สะโพก หรือแม้แต่บริเวณหลัง
  • คุณแม่หลังคลอดบุตรที่ต้องการรูปร่างที่ดีกลับคืนมาในเวลาไม่นาน
  • ผู้ที่ไม่สามารถลดไขมันสะสมได้เองด้วยวิธีลดน้ำหนัก หรือการออกกำลังกาย

มีข้อห้ามการทำ CoolSculpting สำหรับคนกลุ่มต่อไปนี้

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

  • ผู้ที่มีภาวะแพ้ความเย็นอย่างรุนแรง
  • ผู้ที่มีภาวะเลือดออกผิดปกติ หรือใช้ยาป้องกันการแข็งตัวของเลือด
  • ผู้ที่เพิ่งผ่านการผ่าตัดซึ่งต้องให้ความใส่ใจเป็นพิเศษ โดยหากมีการผ่าตัดบริเวณที่ทำ CoolSculpting จะต้องเว้นระยะในการทำ CoolSculpting อย่างน้อย 6 เดือนก่อนจึงจะสามารถทำได้ ส่วนบริเวณอื่นๆ ที่ไม่ได้ผ่าตัดสามารถทำ CoolSculpting ได้ตามปกติ ขณะที่ผู้เป็นโรคใส้เลื่อนซึ่งไม่สามารถทำ CoolSculpting บริเวณหน้าท้องได้ แต่ยังสามารถทำในบริเวณอื่นๆ ได้

ขั้นตอนการทำ CoolSculpting

  1. ก่อนตัดสินใจเข้ารับบริการกำจัดไขมันด้วยเทคโนโลยี CoolSculpting ควรศึกษาหาข้อมูลเบื้องต้น หรือสอบถามข้อสงสัยกับผู้เชี่ยวชาญ (CoolSculpting Specialist) โดยตรง เพื่อซักถามประวัติสุขภาพ ประเมินจุดที่ต้องการกำจัดไขมัน คาดการณ์ผลลัพธ์ที่จะได้ เพื่อเพิ่มความมั่นใจและความคุ้มค่าสุงสุดในการรักษา
  2. ผู้เชี่ยวชาญจะวางแผนการวาง Applicator (หัวเครื่องที่ใช้ในการรักษา) ตามจุดที่ลูกค้าต้องการ และเลือกขนาด applicator ที่เหมาะสมเพื่อช่วยให้การกำจัดเซลล์ไขมันมีประสิทธิภาพสูงสุด ที่สำคัญได้รูปร่างตามต้องการ  ไม่ผิดส่วน และมีส่วนเว้าส่วนโค้งที่สมมาตร
  3. เริ่มวาง Applicator ลงบนบริเวณที่ต้องการ โดยไม่ต้องผ่าตัด หรือเจาะผิวหนัง ในช่วง 5 นาทีแรกอาจรู้สึกไม่สบายผิวเล็กน้อยเพราะแรงดูดจาก Applicator จากนั้นจะรู้สึกเย็นจัดที่ผิวหนังบริเวณนั้นและรู้สึกชาไปตลอด 35 นาทีที่ทำ หลังจากถอด Applicator ออก อาจมีรอยช้ำ นูนแดงบริเวณผิวหนังเล็กน้อยเท่านั้น

ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า หลังจากทำ CoolSculpting เสร็จ ควรนวดผิวหนังบริเวณนั้นทันทีเป็นเวลา 2 นาที แม้การนวดอาจทำให้รู้สึกไม่สบายผิวเพราะยังรู้สึกชาๆ จากความเย็นอยู่ แต่มีผลวิจัยแสดงให้เห็นว่า การนวดหลังทำ CoolSculpting จะช่วยเสริมประสิทธิภาพการกำจัดไขมันได้มากขึ้นถึง 68%

ข้อดีของการทำ CoolSculpting

  • ปลอดภัยเพราะไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องดูด ไม่ต้องเจาะ ไม่ต้องฉีด หรือมีแผลเปิดใดๆ ทั้งสิ้น
  • ผลลัพธ์ในการลดไขมันดีกว่า “การนวดด้วยเครื่อง” เพราะการนวดด้วยเครื่องสามารถกระชับสัดส่วนได้ระยะสั้นๆ และไม่สามารถกำจัดเซลล์ไขมันออกไปได้
  • ปลอดภัยกว่า “การอดอาหาร” เพราะไม่ส่งผลกระทบต่อระบบการทำงานของร่างกาย
  • กำจัดเฉพาะเซลล์ไขมัน ไม่ส่งผลกระทบต่อเซลล์เนื้อเยื่ออื่นๆ เพราะเซลล์ไขมันเป็นเซลล์ที่ไวต่อความเย็นที่สุด
  • ใช้เวลาน้อยเพียง 35-60 นาที และสามารถกลับไปทำกิจกรรมอื่นๆ ต่อได้ตามปกติโดยไม่ต้องพักฟื้น
  • เห็นผลได้จริง สัมผัสความแตกต่างได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ 

ผลลัพธ์และความปลอดภัยของการทำ CoolSculpting เมื่อเปรียบเทียบกับวิธีอื่นๆ

  • ผลลัพธ์ในการลดไขมันดีกว่า “การทำเทอร์มาจ เอฟแอลเอ็กซ์ (Thermage FLX)” เพราะเป็นการกำจัดไขมันถาวร ไม่ใช่แค่การยกกระชับผิว
  • ปลอดภัยกว่า “การทำไฮฟู บอดี้ (HIFU Body)” เพราะไม่ทำลายเนื้อเยื่อข้างเคียงอื่นๆ และไม่เสี่ยงต่อการเกิดแผลไหม้
  • ปลอดภัยกว่า “การทำสคลัพชัวร์ (Sculpsure)” เพราะไม่เสี่ยงต่อการเกิดแผลไหม้
  • ปลอดภัยกว่า “การดูดไขมัน” เพราะไม่ต้องวางยาสลบ ไม่ต้องผ่าตัด ไม่เจ็บตัว ไม่เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ และไม่ทำให้ผิวเป็นคลื่น หรือมีรอยฟกช้ำ 
  • ปลอดภัยกว่า “การใช้ยาลดน้ำหนัก” เพราะไม่ส่งผลกระทบต่อระบบการทำงานของร่างกาย

ควรทำ CoolSculpting ที่ไหนดี

ปัจจุบันการกำจัดไขมันด้วยเทคโนโลยี CoolSculpting เป็นที่นิยมค่อนข้างมากในประเทศไทยเพราะมีความปลอดภัย ไม่เสี่ยง ไม่ต้องพักฟื้น และได้ผลจริง แม้เครื่อง CoolSculpting พระเอกของการกำจัดไขมันวิธีนี้จะมีคุณลักษณะเหมือนกัน มีซอฟท์แวร์เชื่อมโยงเพื่อเก็บข้อมูลและมีการอัพเดทโปรแกรมใหม่ๆ เช่นเดียวกัน แต่สถาบันความงามแต่ละแห่งก็มีจุดเด่นในการให้บริการแตกต่างกัน 

หากสนใจกำจัดไขมันด้วยเทคโนโลยี CoolSculpting ที่เอเพ็กซ์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ (Apex Medical Center) ศูนย์ บริการด้านความงาม ผิวพรรณ และเรือนร่าง ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีระดับโลก ก็มีให้บริการเช่นกัน โดยเอเพ็กซ์นับเป็นผู้ให้บริการ CoolSculpting ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย และเป็นแห่งแรกในประเทศไทยที่มีการทำ CoolSculpting จากสถิติในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เอเพ็กซ์มีเคสการทำ CoolSculpting มากกว่า 10,000 และถือว่า มีเคสการทำ CoolSculpting สูงที่สุดในเอเชีย  

ในส่วนของเครื่องมือ นอกเอเพ็กซ์จะมี applicator หลากหลายขนาดทำให้สามารถตอบรับความต้องการของผู้ใช้บริการได้มากและให้ประสิทธิภาพได้สูงสุดแล้ว ที่นี่ยังมี applicator รุ่นใหม่ล่าสุดที่มีชื่อว่า Petite ให้บริการ โดย Petite ใช้สำหรับพื้นที่ขนาดเล็ก เช่น ใต้แก้มก้น บริเวณแขนผู้ที่มีรูปร่างเล็กแต่มีไขมันสะสมเฉพาะส่วน  ปัจจุบัน applicator รุ่น Petite นี้ในเมืองไทยยังมีให้บริการไม่กี่แห่ง

เอเพ็กซ์ยังพร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญ (CoolSculpting Specialist) ประจำทุกสาขา ที่สำคัญผู้เชี่ยวชาญทุกคนจะได้รับการฝึกอบรมอย่างต่อเนื่อง มีประสบการณ์ในการใช้เครื่องและการประเมินจุดกำจัดไขมัน

เอเพ็กซ์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ ยังมีบริการไอซ์แล็บ  (Ice Lab) นวัตกรรมบำบัดความบาดเจ็บในร่างกายด้วยความเย็นสุดขั้ว (Cryotherapy) ระดับอุณหภูมิ -110 องศาเซลเซียส นอกจากบำบัดความบาดเจ็บในร่างกายแล้วยังสามารถช่วยเผาผลาญพลังงานได้ด้วย หากทำควบคู่ไปกับการกำจัดไขมันด้วยเทคโนโลยี CoolSculpting จะช่วยเสริมประสิทธิภาพได้ดียิ่งขึ้น รับรองสวย หล่อ ดูดี ฟิตแอนด์เฟิร์มทันใจ แน่นอน

บทสรุป

ไม่ว่ากำจัดไขมันด้วยวิธีไหนก็ตาม ขอให้หาข้อมูล ศึกษาข้อดี-ข้อเสีย และข้อมูลความปลอดภัยจริงๆ ก่อนตัดสินใจทำ เมื่อตัดสินใจทำแล้ว หากอยากให้หุ่นฟิตแอนด์เฟิร์มอยู่กับเราไปนาน ๆ ต้องหมั่นดูแลรักษาสุขภาพตั้งแต่ต้นทาง ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกินที่มีประโยชน์ถูกสุขลักษณะ การออกกำลังกายอย่างเหมาะสมและต่อเนื่อง และพักผ่อนให้เพียงพอ ก่อนที่ไขมันจะกลับมาสะสมตามส่วนต่างๆ ของร่างกายอีกครั้ง

ถ้าทำได้อย่างนี้หุ่นฟิตแอนด์เฟิร์มไม่หนีไปไหนแน่ สุขภาพก็จะดีตามไปด้วย

เลือกดูดีลและจองคิวเอเพ็กซ์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ (Apex Medical Center) ได้ที่นี่ หรือสอบถามได้ทางไลน์ @hdcoth

บทความที่เกี่ยวข้อง
คืนหุ่นฟิตด้วยนวัตกรรม CoolSculpting


12 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
CoolSculpting: Does it work and is it safe?. Medical News Today. (https://www.medicalnewstoday.com/articles/322060)
CoolSculpting: Risks, Side Effects, and Does It Really Work?. WebMD. (https://www.webmd.com/beauty/coolsculpting#1)
CoolSculpting: Does It Work?. Healthline. (https://www.healthline.com/health/coolsculpting-does-it-work)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)