ดูแลสุขอนามัยของสะดือ ด้วยการทำความสะอาดแบบง่ายๆ

เผยแพร่ครั้งแรก 28 มี.ค. 2017 อัปเดตล่าสุด 11 ก.พ. 2020 เวลาอ่านประมาณ 2 นาที

ในแต่ละวันสะดือของเราต้องเผชิญหน้ากับเชื้อโรคมากมาย ทั้งจากสิ่งสกปรกบนเสื้อผ้าและที่มากับฝุ่นควัน รวมไปถึงการหมักหมมของเหงื่อไคล โลชั่น และสบู่ที่เราใช้ด้วย ทำให้สะดือของเรากลายเป็นแหล่งที่อยู่ของเชื้อโรคกว่า 2,000 สายพันธุ์ ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมสะดือของคนส่วนใหญ่จึงมีสีดำและมีกลิ่นเหม็นมาก ซึ่งหากปล่อยไว้นาน เชื้อโรคเหล่านี้จะฝังตัวแน่นจนกลายเป็นก้อนไตแข็งๆ และทำให้สะดือเน่าได้ในที่สุด การดูแลสุขอนามัยของสะดือจึงเป็นสิ่งที่เราไม่ควรมองข้ามในชีวิตประจำวัน

การดูแลสุขอนามัยของสะดือ

การดูแลความสะอาดของสะดือนั้นสำคัญไม่น้อยไปกว่าการดูแลอวัยวะส่วนอื่นๆเลย และเราสามารถเลือกปฏิบัติได้ด้วยตนเอง ไม่ว่าจะเป็น (1)อาบน้ำเป็นประจำ (2)ทำความสะอาดด้านในสะดือโดยเฉพาะ (3)ล้างด้วยน้ำเกลือในกรณีที่มีการเจาะสะดือ และ (4)หลีกเลี่ยงการสัมผัสสะดือให้มากที่สุด

1. อาบน้ำเป็นประจำ

การดูแลความสะอาดของสะดือที่ง่ายที่สุดเลยก็คือการอาบน้ำ นี่อาจเป็นคำแนะนำที่ฟังแล้วไม่สร้างสรรค์หรือแปลกใหม่เท่าไหร่นัก แต่การอาบน้ำนั้นถือเป็นข้อปฏิบัติขั้นพื้นฐานในการรักษาความสะอาดของสะดือ โดยเราควรอาบน้ำทุกวัน อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง

วิธีปฏิบัติ: ในขณะอาบน้ำ แนะนำให้ใช้สบู่ในการทำความสะอาดสะดือด้วย ซึ่งสบู่ที่ใช้ควรเป็นแบบก้อน เพราะสามารถล้างออกได้ง่ายกว่า จากนั้นให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาด และใช้นิ้วลูบวนเบาๆให้ทั่วสะดือจนมั่นใจว่าสิ่งสกปรกและคราบสบู่หลุดออกจนหมด แต่ไม่ควรถูหรือเกา

2. เช็ดด้านในสะดือ

หากสะดือไม่ได้มีคราบดำฝังแน่น ให้ใช้เพียงผ้าสะอาดหรือสำลีเช็ดหน้าเช็ดด้านในสะดือเบาๆหลังจากการอาบน้ำเพื่อไม่ให้เกิดความอับชื้น

[caption id="" align="aligncenter" width="654"] เช็ดสะดือด้วยคอตตอตบัต[/caption]

แต่หากไม่ได้ทำความสะอาดสะดือมานานมากในรอบหลายเดือนหรือไม่เคยทำความสะอาดสะดือเลย จนสะดือมีคราบฝังแน่นที่ไม่สามารถหลุดออกเองได้จากการอาบน้ำธรรมดา ให้ปฏิบัติตาม 5 ขั้นตอนดังต่อไปนี้

วิธีปฏิบัติ:

  1. เตรียมอุปกรณ์การทำความสะอาด คือ สำลีปั่นหู ผ้าสะอาดหรือสำลีแบบแผ่น เบบี้ออยล์ (baby oil) แอลกอฮอล์ และที่คีบสำลี
  2. ชุบหัวสำลีปั่นหูในเบบี้ออยล์ แล้วถูวนให้รอบสะดือ โดยสัมผัสบริเวณตรงกลางสะดืออย่างเบาบางที่สุด เบบี้ออยล์จะทำให้สิ่งสกปรกอ่อนตัวลงและหลุดออกมาได้ง่าย
  3. หากสิ่งสกปรกฝังตัวอยู่เป็นก้อน ให้เช็ดที่คีบสำลีด้วยแอลกอฮอล์แล้วค่อยๆคีบเอาก้อนสกปรกออก 
  4. ทำซ้ำขั้นตอนที่ 2 จนคราบดำหลุดออกจนหมด
  5. ชุบผ้าสะอาดหรือสำลีแบบแผ่นด้วยแอลกอฮอล์ แล้วเช็ดให้ทั่วบริเวณสะดือจนไม่มีคราบเบบี้ออยล์หลงเหลืออยู่

หมายเหตุ: ในกรณีที่คราบสกปรกจับตัวกันแน่นจนกลายเป็นก้อนสีดำหรือสีเขียวขนาดค่อนข้างใหญ่ แนะนำให้พบแพทย์เพื่อทำการกำจัดสิ่งสกปรกออกจากผู้ที่ได้รับการฝึกฝน

3. ล้างด้วยน้ำเกลือ

การล้างสะดือด้วยน้ำเกลือนั้นเหมาะสำหรับผู้ที่เจาะสะดือ เพราะการถอดเครื่องประดับออกมาทำความสะอาดนั้นทำให้เสี่ยงทำให้บริเวณที่ถูกเจาะเกิดการอักเสบได้ น้ำเกลือจึงเป็นตัวช่วยในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้โดยไม่ต้องถอดเครื่องประดับออก

วิธีปฏิบัติ: ผสมเกลือทะเลกับน้ำอุ่นเข้าด้วยกันในแก้วน้ำสะอาด จากนั้นประกบแก้วน้ำเข้ากับหน้าท้องให้ครอบคุมบริเวณสะดือ ทำค้างไว้ประมาณ 2-3 นาที จากนั้นให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาดและเช็ดให้แห้ง

4. เลี่ยงการสัมผัสสะดือ

สะดือของเรามีความอ่อนบางและทำให้เกิดการบอบช้ำหรืออักเสบได้ง่ายมาก อีกทั้งนิ้วมือของเรายังเต็มไปด้วยแบคทีเรียกต่างๆมากมาย เราจึงควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสสะดือให้มากที่สุด แม้กระทัั่งการทำความสะอาดสะดือที่แนะนำไว้ข้างต้นก็ไม่ควรเกิดขึ้นบ่อยครั้งมากนัก ไม่ว่าจะเป็นการเช็ดด้านในสะดือด้วยผ้าสะอาดหรือการล้างด้วยน้ำเกลือ แต่การลูบหรือเขี่ยเบาๆเพื่อเอาสิ่งสกปรกออกในขณะอาบน้ำสามารถทำได้ทุกวันและไม่ก่อให้เกิดผลเสียอะไร


10 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)