อาการปวดข้อ (Joint pain) เป็นอาการที่พบได้ในทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ และอาการปวดอาจเกิดขึ้นแบบเฉียบพลัน หรือแบบเรื้อรังก็ได้
ความรุนแรงของอาการปวดข้อนั้นขึ้นอยู่กับสาเหตุ และปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ทำให้หลายครั้ง อาการปวดข้ออาจรบกวนการทำงาน การใช้ชีวิตประจำวัน หรืออาจถึงขั้นทำให้เคลื่อนไหวลำบาก
รักษา ผ่าตัด กระดูกและข้อวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 1,673 บาท ลดสูงสุด 80%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ดังนั้นเมื่อเกิดอาการปวดข้อแล้ว ควรรีบรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะนอกจากจะสร้างความทรมานแล้ว ยังส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาวอีกด้วย
ลักษณะของอาการปวดข้อ
อาการปวดข้อนั้นเกิดขึ้นได้กับข้อต่อทั่วร่างกาย ตั้งแต่ข้อต่อเล็กๆ อย่างนิ้วมือ นิ้วเท้า ข้อมือ ไปจนถึงข้อต่อขนาดใหญ่อย่างข้อไหล่ ข้อเข่า ข้อสะโพก
ความรุนแรงของอาการปวดข้อนั้นจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล บางคนอาจปวดเฉพาะเวลาขยับข้อต่อดังกล่าว และปวดแบบเป็นๆ หายๆ ในขณะที่บางคนอาจรู้สึกปวดตลอดเวลา
นอกจากนี้อาการปวดข้อยังอาจมาพร้อมกับอาการอื่นๆ ที่สัมพันธ์กับสาเหตุของโรคได้ เช่น มีไข้จากการติดเชื้อ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามร่างกาย ข้อต่อบวม แดง หรือร้อน เป็นต้น
สาเหตุของอาการปวดข้อ
อาการปวดข้อเกิดได้จากหลายสาเหตุ ได้แก่
- เกิดอุบัติเหตุ เช่น ลื่นล้ม โดยอาการปวดจะเกิดกับข้อต่อที่กระทบกระเทือนเท่านั้น
- เป็นความเสื่อมตามอายุ ซึ่งอาการปวดพบได้กับข้อต่อทั่วร่างกาย โดยเฉพาะข้อเข่า และข้อกระดูกสันหลัง จะพบอาการปวดบ่อยในผู้สูงอายุ
- การทำงาน หรือออกแรงที่ข้อต่อซ้ำๆ เป็นเวลานาน เช่น ผู้ที่ทำงานกับคอมพิวเตอร์ จะพบอาการปวดข้อมือ ข้อนิ้ว และข้อหัวไหล่ได้บ่อย
- การเล่นกีฬาหรือออกกำลังกายอย่างหนัก ทำให้ข้อต่อเฉพาะส่วนถูกใช้งานมาก เช่น คนเล่นเทนนิสอาจพบอาการปวดข้อไหล่กับข้อศอกได้
- ข้อต่อรับน้ำหนักมากเกินไป พบในคนที่ยกของหนักบ่อยๆ หรือคนที่มีน้ำหนักตัวมาก
- มีการติดเชื้อที่ข้อต่อ ทำให้ข้ออักเสบ ซึ่งเชื้อโรคมักลุกลามมาจากแผลที่ผิวหนัง
- อาการจากการติดเชื้อบางชนิด เช่น ไวรัสไข้หวัดใหญ่ หรือแบคทีเรียโรคหนองใน
- โรคออโตอิมมูน หรือโรคภูมิต้านทานตัวเอง เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid arthritis)
- โรคเกาต์ (Gout) หรือเกาต์เทียม
- มีความผิดปกติของกระดูก เช่น โรคกระดูกพรุน หรือมะเร็งกระดูก
- เป็นผลข้างเคียงจากยาบางชนิด เช่น ยาปฏิชีวนะไอโซไนอาซิด (Isoniazid)
การรักษาอาการปวดข้อ
การรักษาอาการปวดข้อจะแบ่งเป็น 2 ส่วนหลักๆ ได้แก่ การประคับประคองตามอาการ และการรักษาที่ต้นเหตุของอาการ ซึ่งสามารถใช้การรักษาแบบผสมผสานทั้ง 2 ส่วนได้
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
1. การประคับประคองตามอาการ
การประคับประคองตามอาการ คือการดูแลรักษาโดยมีเป้าหมายในการลดความทุกข์ทรมานจากอาการที่เกิดขึ้น มีหลายวิธี เช่น
- ใช้ยาบรรเทาอาการปวด มีทั้งรูปแบบยากิน ยาทา ยาพ่น และแผ่นแปะแก้ปวด สามารถลดอาการได้ในระยะหนึ่ง
- รับประทานยาคลายกล้ามเนื้อ ใช้เมื่อเกิดกล้ามเนื้อหดเกร็ง ทำให้ข้อต่อถูกกดทับ และมีอาการปวด
- ทำกายภาพบำบัด เพื่อบริหารกล้ามเนื้อและข้อต่อ รวมถึงช่วยให้การเคลื่อนไหวข้อต่อดีขึ้น
2. การรักษาที่ต้นเหตุของอาการ
วิธีการรักษาจะขึ้นอยู่กับโรคที่เป็นสาเหตุ เช่น
- หากอาการปวดเกิดจากโรคไข้หวัดใหญ่ รักษาด้วยยาต้านไวรัส และยาแก้ปวดลดไข้
- หากเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย รักษาด้วยยาปฏิชีวนะ
- หากเกิดจากข้อต่อเสื่อม รักษาด้วยการทำกายภาพบำบัดเพื่อบริหารข้อต่อ และอาจจำเป็นต้องทำการผ่าตัดด้วย
การดูแลตัวเองเมื่อมีอาการปวดข้อ
- พักใช้ข้อต่อที่มีอาการปวด โดยเฉพาะหากข้อบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ หรือจากการทำงาน
- หากมีอาการข้ออักเสบ บวมแดง แบบเฉียบพลัน ให้ประคบเย็นที่ข้อต่อเพื่อลดอาการบวม และบรรเทาอาการปวด
- หากมีอาการข้ออักเสบเรื้อรัง ให้ใช้การประคบร้อนวันละ 2-3 ครั้ง เพื่อให้เลือดไหลเวียนบริเวณข้อต่อได้ดี และช่วยให้การเคลื่อนไหวดีขึ้น
- หากมีอาการปวดข้อรุนแรง สามารถรับประทานยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอล ได้
- ออกกำลังกายเบาๆ เพื่อบริหารข้อต่อ ตามคำแนะนำของแพทย์ หรือนักกายภาพบำบัด ไม่ควรไม่ออกกำลังกายเลย เพราะจะทำให้อาการปวดข้อรุนแรงขึ้นได้ โดยจะทำให้สูญเสียความยืดหยุ่น และทำให้กล้ามเนื้อที่รองรับและป้องกันข้อต่ออ่อนแรงลง
- รักษา หรือควบคุมโรคที่เป็นสาเหตุของอาการปวดอย่างเหมาะสม
การป้องกันอาการปวดข้อ
- ระมัดระวังไม่ให้เกิดอุบัติเหตุที่กระทบกระเทือนข้อต่อ หากต้องเล่นกีฬาหรือทำงานที่เสี่ยงต่ออุบัติเหตุ ควรใช้อุปกรณ์ป้องกัน เช่น สนับ หรือตัวพยุงข้อ
- หลีกเลี่ยงการออกแรงที่ข้อ หรือการทำงานที่ต้องใช้ข้ออย่างต่อเนื่องโดยไม่หยุดพัก
- หลีกเลี่ยงการยกของหนักเป็นประจำ
- ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
- ออกกำลังกายอย่างถูกวิธี เพื่อบริหารข้อต่อให้แข็งแรงและยืดหยุ่น โดยผู้ที่มีอาการปวดข้อ ควรเลือกออกกำลังกายที่มีแรงกระแทกต่ำ เช่น ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน เดินบนพื้นราบ
- ในช่วงที่มีอาการปวดข้อ ควรหลีกเลี่ยงท่าออกกำลังกายที่ส่งผลกระทบต่อข้อเข่ามาก เช่น สควอท (Squats) หรือเดดลิฟต์ (Deadlift)
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะอาหารที่ช่วยบำรุงกระดูกและข้อ เช่น นมที่มีแคลเซียมสูง
จะเห็นได้ว่า สาเหตุของอาการปวดข้อส่วนใหญ่มักเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม การหลีกเลี่ยงการทำพฤติกรรมดังกล่าวจึงช่วยป้องกันการเกิดอาการปวดข้อได้มาก
นอกจากการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมแล้ว ทุกคนควรที่จะดูแลตนเองควบคู่ไปด้วย โดยการออกกำลังกายอยู่เสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และเข้ารับการตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี
เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจรักษา หรือผ่าตัดกระดูกและข้อ จากคลินิกและโรงพยาบาลใกล้คุณ และไม่พลาดทุกการอัปเดตเรื่องสุขภาพและโปรโมชั่นเมื่อกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android