ความผิดปกติของการสื่อความหมาย (Disorder of Communication)

ความผิดปกติของการสื่อความหมาย เป็นภาวะที่ทำให้ผู้ป่วยมีปัญหาต่อการสื่อสาร และการทำความเข้าใจเรื่องต่างๆ แต่ถ้าหากรักษาเร็ว ก็สามารถหายเป็นปกติได้
เผยแพร่ครั้งแรก 23 พ.ค. 2019 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 3 นาที
ความผิดปกติของการสื่อความหมาย (Disorder of Communication)

ความผิดปกติของการสื่อความหมาย เป็นภาวะที่ทำให้ผู้ป่วยมีปัญหาต่อการสื่อสาร และการทำความเข้าใจเรื่องต่างๆ แต่ถ้าหากรักษาเร็ว ก็สามารถหายเป็นปกติได้

ความผิดปกติของการสื่อความหมาย (Disorder of Communication หรือ Communication Disorder) คือภาวะที่มีผลกระทบต่อการรับรู้ สื่อความ ประมวลข้อมูล และทำความเข้าใจเรื่องต่างๆ รวมถึงอาจทำผู้ป่วยมีความผิดปกติในการพูดและการใช้ภาษา หรือทำให้ความสามารถในการได้ยินและเข้าใจเนื้อหาผิดไปด้วย

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

ความผิดปกติของการสื่อความหมาย สามารถจำแนกเป็นกลุ่มต่างๆ ได้ ดังนี้  

  • ความผิดปกติด้านการพูด : เป็นภาวะที่กระทบต่อการออกเสียงขณะพูด เช่น
    • การออกเสียงผิดปกติ (Articulation Disorder) : คำพูดที่เปล่งออกมาจะไม่ชัดหรือไม่ถูกต้อง จนข้อความที่สื่อสารยากแก่การเข้าใจ
    • การพูดติดอ่าง (Fluency Disorder) : การพูดด้วยความเร็วหรือจังหวะที่ผิดไปจากปกติ
    • การมีเสียงผิดปกติ (Voice Disorder) : การมีระดับเสียง ความดัง และความยาวของคำพูดผิดปกติ
  • ความผิดปกติด้านภาษา : เป็นภาวะที่กระทบต่อการใช้คำพูดหรือการเขียนเพื่อสื่อความหมาย ได้แก่
    • สัทวิทยา หรือระบบเสียง : การใช้เสียงที่สร้างระบบภาษา
    • ลักษณะโครงสร้าง : โครงสร้างและองค์ประกอบของคำ
    • วากยสัมพันธ์ : วิธีการสร้างประโยค
    • เนื้อหาของภาษา : ซึ่งส่งผลต่อความหมายของคำหรือประโยคที่สื่อสาร
    • วิธีการใช้ภาษา : ซึ่งส่งผลต่อการเลือกใช้ข้อความในการสื่อสารที่เหมาะสม
  • ความผิดปกติด้านการได้ยิน : หมายถึง ภาวะหูหนวก หรือการได้ยินไม่ชัดเจน คนที่หูหนวกจะไม่สามารถใช้การฟังเป็นส่วนหนึ่งของการสื่อสารได้ ส่วนคนที่มีการได้ยินไม่ชัดเจน จะมีความสามารถในการฟังอย่างจำกัด ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการสื่อสาร เพราะอาจส่งผลต่อความสามารถในการพูดและการใช้ภาษาด้วย
  • ความผิดปกติด้านการประมวลข้อมูล : ส่งผลต่อการวิเคราะห์ ตีความ และการใช้ข้อมูลในการสื่อสาร

อาการของภาวะความผิดปกติของการสื่อความหมาย

อาการของโรคจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับชนิดและสาเหตุของความผิดปกติ ซึ่งอาการที่พบบ่อย ได้แก่

  • การพูดหรือออกเสียงซ้ำๆ
  • การใช้คำผิดความหมาย
  • ไม่สามารถสื่อสารให้ผู้อื่นเข้าใจได้
  • ไม่สามารถตีความหรือทำความเข้าใจข้อความได้

สาเหตุของภาวะความผิดปกติของการสื่อความหมาย

บ่อยครั้งที่ความผิดปกติของการสื่อความหมายเกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ แต่ก็มีภาวะบางอย่างที่อาจส่งผลให้เกิดความผิดปกติดังกล่าวได้ เช่น

  • การมีพัฒนาการของสมองผิดปกติ
  • การสัมผัสกับสารพิษบางชนิดของทารกขณะอยู่ในครรภ์
  • ภาวะปากแหว่งเพดานโหว่
  • ปัจจัยทางพันธุกรรม
  • สมองได้รับบาดเจ็บหรือกระทบกระเทือน
  • มีความผิดปกติของระบบประสาท
  • เส้นเลือดในสมองแตก
  • เกิดเนื้องอกหรือมะเร็งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสาร

การวินิจฉัยภาวะความผิดปกติของการสื่อความหมาย

การวินิจฉัยภาวะนี้อย่างถูกต้องจำเป็นต้องใช้หลายวิธีร่วมกัน โดยการวินิจฉัยอาจประกอบไปด้วย

  • การตรวจร่างกายอย่างละเอียด
  • การทดสอบทางจิตวิทยา เพื่อวัดทักษะการคิดและการให้เหตุผล
  • การทดสอบการพูดและการใช้ภาษา
  • การตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI)
  • การสแกนคอมพิวเตอร์ (CT)
  • การประเมินความคิดและพฤติกรรม

การรักษาโรคความผิดปกติของการสื่อความหมาย

คนส่วนใหญ่ที่มีความผิดปกติของการสื่อความหมาย จะมีอาการดีขึ้นเมื่อได้รับการบำบัดด้านการพูดและการใช้ภาษา ซึ่งขึ้นอยู่กับชนิดและความรุนแรงของความผิดปกติ หากโรคเกิดจากสาเหตุจำเพาะ เช่น การติดเชื้อ ก็ต้องรักษาที่สาเหตุนั้นก่อน

ในเด็กที่มีความผิดปกติ ควรรับการรักษาให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ โดยนักอรรถบำบัดจะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถสร้างจุดเด่น รวมถึงอาจให้ผู้ป่วยเรียนรู้รูปแบบการสื่อสารทางเลือกอื่นๆ หากจำเป็นด้วย เช่น การใช้ภาษาสัญลักษณ์ นอกจากนี้การบำบัดร่วมกันเป็นกลุ่มกับผู้ป่วยคนอื่นๆ จะช่วยให้ผู้ป่วยได้ลองทดสอบทักษะการสื่อสารของตนในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย ซึ่งจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ป่วยได้อีกด้วย

การป้องกันโรคความผิดปกติของการสื่อความหมาย

ภาวะความผิดปกติของการสื่อความหมายไม่สามารถป้องกันได้ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง แต่การหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่ เช่น การป้องกันไม่ให้สมองบาดเจ็บกระทบกระเทือน หรือการปรับพฤติกรรมเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเส้นเลือดในสมองแตก ก็สามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อความผิดปกติดังกล่าวได้

ที่มาของข้อมูล

Anna Zernone Giorgi, What Causes Disorders of Communication? (https://www.healthline.com/symptom/disorders-of-communication), August 2013


3 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
Speech Disorders | Communication Disorders. MedlinePlus. (https://medlineplus.gov/speechandcommunicationdisorders.html)
Autism Spectrum Disorder: Communication Problems in Children. The National Institute on Deafness and Other Communication Disorders (NIDCD). (https://www.nidcd.nih.gov/health/autism-spectrum-disorder-communication-problems-children)
Communication Skills and Disorders. Healthline. (https://www.healthline.com/health/communication-skills-and-disorders)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

บทความต่อไป
หลอดเลือดสมองแตก เกิดขึ้นและป้องกันได้อย่างไร
หลอดเลือดสมองแตก เกิดขึ้นและป้องกันได้อย่างไร

หลอดเลือดสมองแตก อาการจากโรคหลอดเลือดสมองที่อันตรายถึงชีวิต

อ่านเพิ่ม