เทคโนโลยีที่จะช่วยผู้ดูแลในครอบครัว

หุ่นยนต์ไม่สามารถแทนที่สัมผัสของมนุษย์ได้ แต่!
เผยแพร่ครั้งแรก 17 ก.ค. 2017 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 3 นาที
เทคโนโลยีที่จะช่วยผู้ดูแลในครอบครัว

การดูแลสุขภาพดูจะเป็นสิ่งเดียวทางสังคมที่แก่นแท้ของมันอยู่ที่การสัมผัสของมนุษย์ แต่เราก็อยู่ในยุคที่ผู้คนกำลังพัฒนาหุ่นยนต์เพื่อให้เป็นผู้ดูแล ถึงแม้ว่างานวิจัยจะแสดงให้เห็นว่าผู้ที่ได้รับการดูแลดังกล่าวจะได้ประโยชน์ แต่การจ้างหุ่นยนต์ก็ไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะสำหรับตัวเองหรือคนที่รัก มาดู

เทคโนโลยีบางอย่างที่สามารถเป็นประโยชน์ต่อผู้ดูแลในครอบครัวดีกว่า

กล่าวคือ เทคโนโลยีและบริการดูแลที่บ้านอย่างผู้เชี่ยวชาญนั้นมีบทบาทในสังคมปัจจุบัน และอุปกรณ์เทคโนโลยีจะช่วยแบ่งเบาภาระของผู้ดูแลในครอบครัวได้

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

หากจะพิจารณาเรื่องอะไรก็ตามของการดูแล สิ่งแรกที่ควรจะนึกถึงถือผู้ที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษและปัจจัยของความต้องการจำเพาะนั้น ต่อมาคือความปลอดภัยของพวกเขาและการพึ่งพาตนเอง ซึ่งควรจะคุยกันอย่างตรงไปตรงมา และแน่นอนว่าราคาของตัวเลือกแต่ละชนิดในการดูแลก็เป็นอีกส่วนที่สำคัญเช่นกัน รวมถึงราคาสำหรับผู้ดูแลในครอบครัวที่อาจต้องใช้เวลานอกเหนือจากเวลางานมาให้การดูแลด้วย

 

เมื่อคุณไม่สามารถอยู่ที่นั่นได้

งานวิจัยแสดงให้เห็นว่า 75% ของผู้ที่ได้รับการดูแลอาศัยอยู่ห่างจากผู้ให้การดูแลในครอบครัวในระยะที่เดินทางมาถึงได้ภายใน 20 นาที (AARP/National Alliance for

caregiving “Caregiving in the U.S.” 2015) จากความใกล้ชิดดังกล่าว 6 ใน 10 ของผู้ดูแลในครอบครัวบอกว่าพวกเขาก็ยังคงทำงานไปด้วย ดังนั้นการมีเทคโนโลยีที่มาแทนที่ได้ก็จะเป็นประโยชน์ จำไว้ว่าผู้ดูแลในครอบครัวได้รับผลกระทบในทางลบต่อสุขภาพของตนเองมากกว่าประชากรส่วนใหญ่ 17% ของพวกเขาบอกว่าสุขภาพของพวกเขาอยู่ในระดับ “แย่หรือแค่พอใช้ได้” เทียบกับ 10% จากประชากรทั่วไป

การจัดการการกินยาเป็นความท้าทายสำหรับผู้ดูแลในครอบครัวบางคน เนื่องจากผู้เป็นที่รักอาจมีโรคประจำตัวเรื้อรังมากมากที่ทำให้การกินยาเป็นประจำเป็นเรื่องยาก เมื่อกินยาอย่างไม่เหมาะสมหรือลืมกิน ก็อาจมีผลร้ายแรงตามมาได้ และหากต้องกินยานั้นหลายครั้งต่อวัน ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อช่วงเวลาทำงานปกติของผู้ดูแลได้ด้วย

 

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

ทางแก้ปัญหาสำหรับหลาย ๆ คนคืออุปกรณ์ที่แจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาที่ต้องกินยา และจ่ายยาให้เฉพาะขนาดที่ต้องการ ในกรณีที่ผู้รับการดูแลพลาดการเตือน ข้อความจะถูกส่งไปยังผู้ดูแลเพื่อที่พวกเขาจะยังติดตามคนที่รักได้

 

ระบบตอบสนองฉุกเฉินส่วนบุคคล (Personal Emergency Response System-PERS) เป็นที่รู้จักและใช้กันอย่างกว้างขวาง ซึ่งสามารถสวมใส่ติดตัวและเปิดการทำงานเมื่อเกิดอุบัติเหตุได้ ถึงแม้ว่าจะมีใครล้มลงและไม่สามารถไปถึงโทรศัพท์ได้ ก็ยังสามารถกดปุ่มโทรออกเพื่อขอความช่วยเหลือ และทำให้ผู้ดูแลทราบได้ว่าเกิดอะไรขึ้น

เราสามารถติดตั้งระบบติดตามดูแลภายในบ้านที่ซับซ้อนขึ้น เพื่อให้สามารถตรวจสอบดูพ่อแม่จากระยะไกลได้ การสำรวจต่อ ๆ มาแสดงให้เห็นว่าคนส่วนใหญ่ต้องการจะ “แก่ชราอยู่ที่บ้าน” นั่นคืออยู่ที่บ้านและสิ่งแวดล้อมที่คุ้นเคยมากกว่าที่จะย้ายเข้าศูนย์ดูแล เทคโนโลยีประเภทนี้ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ทำให้อยู่ได้ด้วยตนเองอย่างปลอดภัย ถึงแม้ว่าอาจมีคำถามด้านความเป็นส่วนตัวอยู่บ้างก็ตาม

 

ฉันรู้น่ะว่าต้องใช้มันยังไง!

ลืมความคิดเดิม ๆ ไปได้เลยว่าเทคโนโลยีนั้นเป็นเรื่องของคนวัยหนุ่มสาวเท่านั้น ผู้สูงอายุเองก็ใช้อุปกรณ์ทันสมัยมากพอ ๆ กับคนหนุ่มสาวนั่นแหละ การศึกษาในปี 2014 ของ Pew research center พบว่า 59% ของผู้ที่มีอายุเกิน 65 ปี ใช้อินเทอร์เน็ต และ 77% มีโทรศัพท์มือถือ ซึ่งตัวเลขทั้งคู่ก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ มาตั้งแต่ปี 2012

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

ยิ่งไปกว่านั้น แอปพลิเคชั่นที่ใช้กับสมาร์ทโฟน iPad หรืออุปกรณ์ที่คล้าย ๆ กันก็สามารถใช้ในทางการแพทย์หรือความบันเทิงก็ได้ ตัวอย่างเช่น มีแอปพลิเคชั่นที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถตรวจอัตราการเต้นของหัวใจหรือระดับความเครียดของตนเองได้ โดยมีการเตือนให้หัวเราะหรือหายใจหากจำเป็น และการติดตามนับก้าวเมื่อออกไปเดินในแต่ละวัน ยังมีแอปพลิเคชั่นที่มีเกมและกิจกรรมเพื่อผ่อนคลายอีก ทั้งหมดนี้ทำให้ผู้คนเอาใจใส่กับความเป็นอยู่ของตนเองและทำให้ผู้ดูแลในครอบครัวมีโอกาสที่จะตรวจสอบกิจกรรมของพวกเขาด้วย

ผู้ใช้สามารถปรับขนาดอักษรในสมาร์ทโฟนและ iPad ได้ตามต้องการ เมื่อสายตาเปลี่ยนไป

และต้องอ่านนาน ๆ หลายแห่งมีชั้นเรียนที่นักศึกษามหาวิทยาลัยสอนผู้สูงอายุให้ใช้อุปกรณ์ เพื่อที่พวกเขาจะใช้ส่งอีเมลและ Skype หรือ Facetime เพื่อติดต่อกับคนที่รัก

แม้ว่านวัตกรรมเหล่านี้สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตและลดความเครียดของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ แต่สิ่งที่ดีที่สุดคือการติดต่อและการดูแลด้วยตนเองหากเป็นไปได้ เทคโนโลยีที่สมบูรณ์แบบอาจช่วยเสริมการดูแลด้วยตนเองมากกว่าจะเป็นการแทนที่


1 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
How Technology has made Life Easier for Caregivers. AARP® Official Site. (https://www.aarp.org/caregiving/home-care/info-2017/gadgets-technology.html)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)