การออกกำลังกายไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาใดก็ตาม ล้วนมีผลดีต่อสุขภาพร่างกายทั้งสิ้น ทั้งนี้หากเป็นคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ควรเน้นการออกกำลังกายที่ถูกต้อง และเพิ่มความระมัดระวังให้มาก ควรจะได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากผู้เชี่ยวชาญ หรือหาข้อมูลที่มากพอในการออกกำลังกาย แต่มีการออกกำลังกายอย่างหนึ่งที่สามารถทำได้ ปลอดภัย และร่างกายไม่เหนื่อยมากด้วย นั้นคือการออกกำลังกายในน้ำนั่นเอง
ข้อดีของการออกกำลังกายในน้ำ
การออกกำลังกายในน้ำเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นในเมืองไทย เนื่องจากมีข้อดีหลายอย่าง ดังนี้
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
- ไม่ทำให้ข้อต่อต่างๆ ได้รับแรงกระแทก เพราะมีน้ำเป็นตัวช่วยรองรับน้ำหนักตัว
- การเดินในสระว่ายน้ำ หรือการลอยตัวแล้วตีขาเบาๆ เพื่อพยุงตัว ก็ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี
- เป็นผลดีทั้งตัวคุณแม่ที่ตั้งครรภ์และทารกที่อยู่ในครรภ์
- ได้ออกกำลังกายหลายส่วนพร้อมกัน
- รู้สึกผ่อนคลาย
ข้อควรระวังในการออกกำลังกายในน้ำ
- ควรสอบถามกับคุณหมอที่ไปฝากครรภ์ว่า สภาพร่างกายของคุณแม่นั้นพร้อมที่จะออกกำลังกายในน้ำหรือไม่ เพราะคุณแม่ที่ตั้งครรภ์บางคนอาจจะมีร่างกายที่อ่อนแอเกินไป
- การออกกำลังกายในน้ำ ไม่จำเป็นต้องเป็นการว่ายน้ำเสมอไป แค่การเดินไปเดินมาโดยเกาะขอบสระว่ายน้ำ ก็ถือว่าเป็นการออกกำลังกายที่ดีแล้ว การว่ายน้ำในขณะที่ยังตั้งครรภ์อยู่อาจมีอันตราย (สำหรับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์บางท่านที่มีร่างกายไม่แข็งแรง) ดังนั้นหากอยากว่ายน้ำเหมือนตอนที่ยังไม่ตั้งครรภ์ แนะนำว่าลองสอบถามคุณหมอที่เราไปฝากครรภ์ก่อนดีกว่า
- การออกกำลังกายในน้ำทุกครั้งควรมีผู้เชี่ยวชาญ หรือครูฝึก อยู่ด้วยเสมอ เพราะโอกาสเกิดตระคริวขณะอยู่ในน้ำจะมีสูง
- อายุครรภ์ที่มากขึ้นก็ส่งผลให้การออกกำลังกายในน้ำต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้น
- ควรเพิ่มความระมัดระวังในขณะลงหรือขึ้นจากสระให้มาก
ทั้งนี้เวลาที่เหมาะสมในการออกกำลังกายในน้ำก็อยู่ที่ 20-60 นาที หรือหากต้องการเล่นน้ำต่อ เช่น นอนลอยตัวก็สามารถทำได้ เพราะเป็นการพักผ่อนที่สบายตัวมากๆ เช่นกัน แต่ทั้งนี้ก็ต้องมีคนคอยดูแลอย่างใกล้ชิด