ประสาทสัมผัสการรับกลิ่นและรส

เผยแพร่ครั้งแรก 23 ก.ย. 2018 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 3 นาที
ประสาทสัมผัสการรับกลิ่นและรส

เราทุกคนต่างรู้ความรู้สึกของการรับรสชาติอาหารที่ไม่ดี หรือเวลาที่คุณคัดจมูกและไม่ได้กลิ่นจนทำให้อาหารนั้นมีรสชาติไม่อร่อย แต่คุณรู้หรือไม่ว่าการรับกลิ่นและรสของเรานั้นจะค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ เมื่อมีอายุเพิ่มมากข้น

ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนั้นมักเป็นไปอย่างช้าๆ โดยที่คุณไม่รู้ตัว ซึ่งนั่นก็ไม่ได้เป็นปัญหา แต่งานวิจัยหนึ่งพบว่าผู้ที่ไม่สามารถรับกลิ่นและรสได้นั้นมักจะรับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งทำให้สุขภาพของคุณแย่ลงได้ การได้กลิ่นนั้นยังเป็นสัญญาณเตือนก่อนการรับประทานอาหารที่เสียแล้ว

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

ต่อไปนี้เป็นวิธีลับประสาทสัมผัสการรับกลิ่นและรสเพื่อให้คุณสามารถได้รับข้อมูลจากประสาทสัมผัสทั้ง 2 อย่างนี้อย่างเต็มที่

  1. เลือกอาหารที่มีหน้าตาอย่างที่ควรจะเป็น และไม่ต้องสนใจการตกแต่งที่วิจิตรกว่าปกติ หากคุณเสิร์ฟปลา ก็ควรให้มันรูปร่างเหมือนปลา การรับรสของคุณจะดีขึ้นหากสมองของคุณสามารถเชื่อมโยงความเกี่ยวข้องระหว่างรูปลักษณ์ของมันกับรสชาติที่ทาน
  2. คาดเข็มขัดนิรภัย หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้สูญเสียการรับกลิ่นก็คือการประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ แม้ว่าจะเป็นการชนขณะที่ขับไม่เร็วก็ตาม ผลที่เกิดขึ้นนั้นอาจจะทำให้เส้นประสาทที่เชื่อมโยงระหว่างจมูกไปยังสมองนั้นเกิดการขาดได้
  3. ออกไปเดินหรือวิ่งสั้นๆ ประมาณ 10 นาที การรับกลิ่นของเรานั้นจะดีขึ้นหลังการออกกำลังกาย นักวิจัยเชื่อว่าอาจเกิดจากการที่มีความชื้นในจมูกเพิ่มขึ้น
  4. ดื่มน้ำทุกๆ ชั่วโมง ปากแห้งไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุใดก็ตามสามารถส่งผลต่อการรับรสชาติได้
  5. กินหอยนางรม หอยนางรมนั้นเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยสังกะสีมากที่สุดอย่างหนึ่งและการขาดสังกะสีนั้นสามารถทำให้เกิดการสูญเสียการรับกลิ่นและรสได้
  6. จดรายชื่อของยาที่รับประทานและสอบถามแพทย์ว่ายาเหล่านี้ส่งผลต่อการรับกลิ่นและรสหรือไม่ มียาหลายตัวที่ส่งผลต่อการรับกลิ่นและรสเช่น statins, ยาต้านเศร้า ยาลดความดันและยาเคมีบำบัดเช่น methotrexate ซึ่งมีการใช้รักษาโรคข้ออักเสบชนิดรูห์มาติกเช่นกัน หากยาของคุณนั้นส่งผลต่อการรับรสและกิล่น ลองสอบถามแพทย์เกี่ยวกับการเปลี่ยนยาหรือลดขนาดยา อย่างไรก็ตามอย่าหยุดหรือลดขนาดยาที่รับประทานด้วยตัวเอง
  7. เลิกบุหรี่ ไม่มีอะไรที่ทำลายตัวรับรสและกลิ่นได้เท่ากับบุหรี่ การสูบบุหรี่ระยะยาวนั้นอาจจะทำให้มีการทำลายเส้นประสาทการรับกลิ่นอย่างถาวรอีกด้วย
  8. ทานอาหารเฉพาะเวลาที่หิว การรับกลิ่นและรสนั้นจะดีที่สุดเวลาที่เราหิวที่สุด
  9. เพิ่มความชื้นในอากาศ การรับกลิ่นของเรานั้นจะดีขึ้นเวลาที่มีความชื้นในอากาศสูง
  10. รับประทานในร้านอาหารหรือร่วมกับผู้อื่น งานวิจัยหนึ่งพบว่าการทานอาหารกับผู้อื่นนั้นจะทำให้อาหารนั้นมีรสชาติดีกว่าการทานคนเดียว
  11. หลีกเลี่ยงกลิ่นเหม็นๆ การได้กลิ่นเหม็นเป็นเวลานานนั้นจะทำให้ความสามารถในการรับกลิ่นของคุณลดลง ดังนั้นหากคุณต้องอยู่ในที่ที่มีกลิ่นแรง ให้ใส่ผ้าปิดปากและจมูกเพื่อลดกลิ่น
  12. เพิ่มเครื่องเทศในอาหาร แม้ว่าคุณอาจจะมีประสาทการรับกลิ่นและรสที่แย่ลง แต่มันก็ยังสามารถทำงานได้เต็มที่เวลาที่มีการระคายเคืองเช่นเวลาที่คุณหั่นหัวหอมแล้วร้องไห้ หรือน้ำตาคลอเวลาที่กินเปปเปอร์มิ้นท์หรือดมกลิ่นแอมโมเนีย ดังนั้นควรใช้เครื่องเทศเพื่อเพิ่มรสชาติให้กับอาหาร
  13. สั่งน้ำมูกและทำความสะอาดด้วยสเปรย์น้ำเกลือ วิธีนี้เป็นวิธีง่ายๆ แต่ช่วยได้เพราะการที่จมูกตันนั้นจะเป็นการขัดขวางการทำงานของเส้นประสาทรับกลิ่น
  14. เคี้ยวให้ละเอียดและช้าๆ วิธีนี้จะช่วยให้รสชาติออกมาอย่างเต็มที่และยืดเวลาที่อาหารอยู่ในปาก ทำให้พวกมันสัมผัสกับตุ่มรับรสนานขึ้น หรือก่อนที่คุณจะรับประทาน ให้คนอาหารเพื่อให้โมเลกุลในอาหารนั้นปล่อยกลิ่นออกมาเพิ่มขึ้น
  15. ดื่มไวน์หรือเบียร์เพียง 1 แก้ว งานวิจัยพบว่าการรับกลิ่นนั้นจะลดลงเมื่อระดับแอลกอฮอล์ในเลือดสูงขึ้น
  16. เปลี่ยนอาหารที่ทานในทุกๆ คำ แทนที่จะทานสเต็กให้หมดทั้งชิ้นในทีเดียว ให้สลับไปทานมันฝรั่ง ก่อนกลับมาทานสเต็ก แล้วจึงทานมันฝรั่งก่อนตามด้วยผักโขมสลับกันไปเรื่อยๆ การได้กลิ่นใหม่ๆ ซ้ำๆ นั้นจะทำให้เส้นประสาทการรับกลิ่นของคุณไม่เบื่อและกระตุ้นการทำงานของตุ่มรับรส
  17. นัดพบแพทย์ภูมิแพ้ หยุดพยายามที่จะรักษาอาการภูมิแพ้ด้วยยาที่วื้อมาเองและไปพบแพทย์ มีการเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิตอย่างอย่างและรวมถึงยาที่จะทำให้คุณสามารถหายใจได้สะดวกขึ้นซึ่งจะส่งผลให้คุณได้กลิ่นและรับรสได้ดีขึ้นภายในเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์
  18. ลดปริมาณน้ำตาลและเกลืออย่างน้อย 1 สัปดาห์เพื่อปรับการรับรสของคุณ อาหารแปรรูปนั้นมีน้ำตาลและเกลือสูงจนคุณอาจจะหยุดรับรสพวกมันเวลาที่คุณกินอาหารเหล่านั้นบ่อยๆ ให้ลองดูซีเรียลที่คุณรับประทานว่ามีเกลือมากกว่า 200 มิลลิกรัมต่อที่หรือไม่ หากเกิน ให้เปลี่ยนไปทานซีเรียลที่มีโซเดียมต่ำเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เมื่อคุณเปลี่ยนกลับมาทานแบบเดิม คุณจะรู้สึกถึงเกลือที่คุณเคยมองข้ามไป น้ำตาลก็เช่นเดียวกัน
  19. หลีกเลี่ยงอาหารและน้ำที่เผ็ดเพราะมันสามารถทำลายตุ่มรับรสของคุณได้
  20. ลองฝึกการดม วิธีนี้อาจจะช่วยฝึกจมูกและสมองให้รับรู้กลิ่นได้ดีขึ้น เริ่มจากการดมกลิ่นที่แรงเป็นเวลา 2 นาทีวันละหลายๆ ครั้ง ทำเช่นนี้ต่อเนื่อง 3-4 เดือนและคุณจะเริ่มรู้สึกว่าคุณได้กลิ่นดีขึ้น

4 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
bsc.dip, การประเมินคุณภาพอาหารทางประสาทสัมผัส (https://bsc.dip.go.th/th/category/production2/qs-assessqualityfood)
nstda, กลิ่น...ประสาทสัมผัสสร้างจินตนาการ (http://nstda.or.th/rural/public/100%20articles-stkc/59.pdf)
รศ. นพ. ปารยะ อาศนะเสน, ผู้ป่วยที่สูญเสียการรับกลิ่น (ไม่ได้กลิ่น หรือ Anosmia) หรือได้กลิ่นน้อยลง (Hyposmia)…โปรดฟังทางนี้ (https://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/articledetail.asp?id=1231), 24/6/2559

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)