พทป. บุญศิริ คณะภักดิ์
เขียนโดย
พทป. บุญศิริ คณะภักดิ์

มัลเบอรี่ คืออะไร? ข้อมูล พลังงาน ประโยชน์ และวิธีกิน

มัลเบอร์รีเป็นพืชที่ให้คุณประโยชน์หลายอย่าง ทั้งรับประทานเป็นผลไม้ ทำเป็นยาสมุนไพร และใบของมัลเบอร์รีก็สามารถนำมาเลี้ยงหม่อนไหมได้อีกด้วย
เผยแพร่ครั้งแรก 8 พ.ค. 2020 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 2 นาที
มัลเบอรี่ คืออะไร? ข้อมูล พลังงาน ประโยชน์ และวิธีกิน

เรื่องควรรู้

ขยาย

ปิด

  • ต้นมัลเบอร์รี หรือ ต้นหม่อน มีต้นกำเนิดในแถบเทือกเขาหิมาลัย ประเทศจีนตอนใต้ ต่อมาปลูกกันอย่างแพร่หลายทั่วโลก
  • ประเทศไทยนิยมเพาะปลูกมัลเบอร์รี เนื่องจากเป็นพืชที่ให้คุณประโยชน์หลายอย่าง ทั้งรับประทานเป็นผลไม้ ทำเป็นยาสมุนไพร และใบของมัลเบอร์รีก็สามารถนำมาเลี้ยงหม่อนไหมได้อีกด้วย
  • มัลเบอร์รีสด รับประทานก่อนมื้ออาหาร หรือขณะท้องว่าง เพราะร่างกายจะสามารถดูดซึมวิตามินและเกลือแร่ต่างๆ ไปใช้ได้ดีที่สุด โดยอาจรับประทานร่วมกับผลไม้ชนิดอื่นๆ ให้ได้อย่างน้อย 500 กรัมต่อวัน
  • ผลอ่อนมีสีเขียว เมื่อแก่จะมีสีม่วงแดง หรือม่วงเข้มจนเกือบดำ เนื้อนิ่ม ฉ่ำน้ำ มีรสชาติเปรี้ยวอมหวาน สามารถรับประทานเป็นผลไม้สด น้ำคั้น และสามารถนำมาแปรรูปเป็นแยม เยลลี่ ไส้พาย หรือขนมชนิดต่าง ๆ
  • มัลเบอร์รีช่วยให้ร่างกายควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดี เพราะมีสารประกอบ DNJ ทำหน้าที่ยับยั้งเอนไซม์ในการย่อยน้ำตาล ช่วยชะลอการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำตาลในเลือดหลังมื้ออาหาร (ดูแพ็กเกจ ตรวจเบาหวาน ที่นี่)

มัลเบอร์รี มีชื่อวิทยาศาสตร์ คือ Morus alba L. จัดอยู่ในวงศ์ Moraceae เป็นผลไม้ที่ได้มาจากต้นมัลเบอร์รี หรือ ต้นหม่อน มีต้นกำเนิดในแถบเทือกเขาหิมาลัย ประเทศจีนตอนใต้ ต่อมาปลูกกันอย่างแพร่หลายทั่วโลก

ในประเทศไทยมัลเบอร์รีเป็นที่นิยมในการเพาะปลูกและรับประทาน เนื่องจากเป็นพืชที่ให้คุณประโยชน์หลายอย่าง ทั้งรับประทานเป็นผลไม้ ทำเป็นยาสมุนไพร และใบของมัลเบอร์รีก็สามารถนำมาเลี้ยงหม่อนไหมได้อีกด้วย

ลักษณะของมัลเบอร์รี

ต้นมัลเบอร์รี หรือ ต้นหม่อน เป็นไม้พุ่มสูงประมาณ 2-5 เมตร

ใบ เป็นใบเดี่ยวออกเรียงสลับ มีสีเขียว ขอบใบเป็นหยัก ปลายใบแหลม โคนใบเป็นรูปหัวใจ ผิวใบสาก

ดอก เป็นดอกช่อ ออกตามซอกใบและปลายกิ่ง ดอกมีสีเขียวอ่อน รูปทรงกระบอก

ผลมัลเบอร์รี เป็นผลรวม โดยมีผลกลม ๆ เล็ก ๆ เรียงเป็นรูปทรงกระบอก ยาวประมาณ 2 – 3 เซนติเมตร

ผลอ่อนมีสีเขียว เมื่อแก่จะมีสีม่วงแดง หรือม่วงเข้มจนเกือบดำ เนื้อนิ่ม ฉ่ำน้ำ มีรสชาติเปรี้ยวอมหวาน สามารถรับประทานเป็นผลไม้สด น้ำคั้น และสามารถนำมาแปรรูปเป็นแยม เยลลี่ ไส้พาย หรือขนมชนิดต่าง ๆ ได้

มัลเบอร์รีให้พลังงานเท่าไหร่

มัลเบอร์รี 100 กรัม ให้พลังงาน 43 กิโลแคลอรี ประกอบไปด้วย

  • น้ำ 88%
  • โปรตีน 1.4 กรัม
  • คาร์โบไฮเดรต 9.8 กรัม
  • น้ำตาล 8.1 กรัม
  • ใยอาหาร 1.7 กรัม
  • ไขมัน 0.4 กรัม
  • วิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย

ประโยชน์ของมัลเบอร์รี

  • มีวิตามินเค 1 และแคลเซียมสูง ซึ่งมีความสำคัญต่อการแข็งตัวของเลือด เสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกและฟัน

  • มีธาตุเหล็กปริมาณสูง ช่วยการทำงานของระบบไหลเวียนโลหิต ทำให้เม็ดเลือดแดงลำเลียงออกซิเจนไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ดียิ่งขึ้น และยังช่วยให้ระบบเผาผลาญในร่างกายทำงานดีขึ้นอีกด้วย

  • มีโพแทสเซียม ช่วยควบคุมความดันโลหิต ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด

  • มีใยอาหารสูง ช่วยการทำงานของระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่าย ช่วยให้ขับถ่ายสะดวก ลดอาการท้องผูก ลดอาการท้องอืดท้องเฟ้อ และใยอาหารยังช่วยควบคุมระดับโคเลสเตอรอลในเลือด ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด

  • มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น แอนโทไซยานิน (Anthocyanin) วิตามินซี วิตามินเอ วิตามินอี เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ช่วยบำรุงและปกป้องผิวหนัง ช่วยบำรุงสมองและป้องกันภาวะสมองเสื่อม ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง

  • มีสารกลุ่ม Flavonoid ที่สำคัญต่อการทำงานของหลอดเลือด ป้องกันหลอดเลือดตีบ ป้องกันการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด

  • ช่วยให้ร่างกายควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีขึ้น เพราะมีสารประกอบ DNJ (1-deoxynojirimcin) ที่ทำหน้าที่ยับยั้งเอนไซม์ในการย่อยน้ำตาล จึงช่วยชะลอการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำตาลในเลือดหลังมื้ออาหาร

  • ตามศาสตร์การแพทย์แผนจีนได้มีการใช้ผลมัลเบอร์รี ในการช่วยบำรุงกำลัง บำรุงประสาท บำรุงหัวใจ ลดการอักเสบ

รับประทานมัลเบอร์รีอย่างไรให้ได้ประโยชน์

มัลเบอร์รีสด รับประทานก่อนมื้ออาหาร หรือขณะท้องว่าง เพราะร่างกายจะสามารถดูดซึมวิตามินและเกลือแร่ต่างๆ ไปใช้ได้ดีที่สุด โดยอาจรับประทานร่วมกับผลไม้ชนิดอื่นๆ ให้ได้อย่างน้อย 500 กรัมต่อวัน

ดูแพ็กเกจ ตรวจเบาหวาน เปรียบเทียบราคา โปรโมชั่นล่าสุดจากโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำได้ที่นี่ หรือไม่พลาดทุกการอัปเดตแพ็กเกจเหล่านี้ เมื่อกดเป็นเพื่อนทางไลน์ @hdcoth และกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android


9 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
John Staughton, 8 Best Benefits Of Mulberries (https://www.organicfacts.net/health-benefits/fruit/mulberries.html), 27 January 2020.
Chomnapas Wangein, กินผลไม้อย่างไรให้ถูกวิธี (https://www.thaihealth.or.th/Content/44025-กินผลไม้อย่างไรให้ถูกวิธี.html), 15 สิงหาคม 2561.

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)