ปวดหัวเป็นไข้ไปโรงพยาบาลกลางดึก แต่ถูกไล่กลับบ้านไปกินยาพาราแล้วค่อยมาใหม่ตอนเช้า หมอทำอย่างนี้ก็ได้เหรอ!
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
รู้สึกอ่อนเพลีย กินอะไรไม่ได้เลย แล้วก็อาเจียน พอไปโรงพยาบาล หมอที่ห้องฉุกเฉินก็บ่นว่าทำไมไม่รอมาตรวจตอนเช้า เอ๊า...ถ้าไม่อยากตรวจคนไข้ทำไมไม่ปิดโรงพยาบาลไปเลยล่ะ!
ปวดฟันมากจนนอนไม่หลับ ก็รู้ว่าดึกแล้วแต่มันทนไม่ไหว เลยต้องไปโรงพยาบาล หมอให้ยาพารามาแผงนึง เสียเวลาไปตั้งเยอะ ได้แต่พารามาเนี่ยนะ!
ปวดท้องตอนกลางคืน หาซื้อยาไม่ได้เพราะร้านยาปิดหมดแล้ว เลยต้องไปโรงพยาบาล แต่ต้องรอหมอตั้งหลายชั่วโมง ทีคนที่มาทีหลังกลับได้ตรวจก่อน คือไร?!? จะให้ปวดท้องจนตายก่อนหรือไงนะ!
นี่เป็นตัวอย่างเสียงบ่นเบา ๆ (แต่ดราม่าเร้าใจ ฮ่า...) ในโซเชียล เกี่ยวกับการรับบริการในแผนกฉุกเฉินจากโรงพยาบาลรัฐค่ะ ก่อนที่คุณผู้อ่านจะเบ้ปาก มองบน หรือก่นด่า ขอความกรุณาเปิดใจรับฟังข้อชี้แจงสักนิดเถิดนะคะ
แผนกตรวจผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาลรัฐก็เหมือนหน่วยงานราชการทั่วไปแหละค่ะ มีเวลาทำงาน 08.00 – 16.00 น. หรือ 08.30 – 16.30 น. แม้จะมีโรงพยาบาลบางแห่งที่สามารถจัดสรรกำลังคนได้ อาจขยายเวลาเพิ่มเป็น “ห้องตรวจนอกเวลา” อีก 2 - 4 ชั่วโมงเพื่อรองรับผู้ป่วยนอกที่มาใช้บริการเป็นจำนวนมากจนมักไม่สามารถตรวจรักษาได้หมดในเวลาราชการ แต่โรงพยาบาลรัฐส่วนใหญ่ทำไม่ได้ค่ะ เพราะขาดแคลนอัตรากำลังอย่างมาก
นอกเวลาราชการ แม้จะมีเจ้าหน้าที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาปฏิบัติงาน แต่ก็มีจำนวนน้อยกว่าเวลาปกติหลายเท่านะคะ จึงดูแลรักษาได้แค่ผู้ป่วยในและผู้ป่วยฉุกเฉินเท่านั้น
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ไหน ๆ ก็มีเจ้าหน้าที่มาทำงานอยู่แล้ว ตรวจคนไข้นอกทั่วไปเพิ่มอีกไม่ได้เหรอ คนไข้ก็มีไม่เยอะซะหน่อย จะมาบอกว่าอาการไม่หนักไม่ฉุกเฉินได้ยังไง ถ้าไม่ป่วยหนักจริงใครเค้าจะอยากไปโรงพยาบาล?!?
โธ่... คนไข้ในกับคนไข้ฉุกเฉิน ไม่ว่าจะเป็นในเวลาหรือนอกเวลาราชการก็มีจำนวนพอ ๆ กันนะคะ แต่เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานประจำจุดนั้น ๆ นอกเวลาราชการอาจมีน้อยกว่าในเวลาราชการด้วยซ้ำไป แค่นี้ก็ “อ่วม” แล้วค่ะ ถ้าต้องแบกรับผู้ป่วยนอกที่ไม่ฉุกเฉินด้วย ก็คง “อาน” จน “อ้วก” แน่ ๆ (ฮ่า...)
ที่สำคัญกว่านั้น คนไข้ฉุกเฉินและคนไข้ใน คือผู้ป่วยที่มีอาการหนักหรือโรคมีความซับซ้อนมากกว่าปกตินะคะ จึงต้องใช้เวลามากในการดูแลรักษาและติดตามอาการอย่างใกล้ชิด หากต้องแบ่งความสนใจไปดูผู้ป่วยรายอื่นที่ไม่ฉุกเฉิน อาจเป็นอันตรายต่อคนไข้ที่ฉุกเฉินจริง ๆ ได้ค่ะ
ขอความเห็นใจนะคะ บุคลากรทางการแพทย์ของภาครัฐมีน้อย กรุณาใช้สอยอย่างประหยัดค่ะ (ฮ่า...)
จากที่กล่าวมาน้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรง (ฮ่า...) ก็เพราะอยากจะบอกว่า “ตู้ยาสามัญประจำบ้าน” เป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญอย่างหนึ่งสำหรับครอบครัวค่ะ เมื่อเกิดเจ็บป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ เราไม่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาลทุกครั้งไป เนื่องจากโรคหรืออาการเจ็บป่วยบางอย่าง เราสามารถรักษาตนเองเบื้องต้นได้ค่ะ
ตู้ยาที่ดีควรมีลักษณะอย่างไร
ตู้ยาที่ดีจะต้องกันแสงหรือเป็นตู้ทึบ แต่นิยมทำข้างหน้าเป็นบานกระจกหรือวัสดุโปร่งใสเพื่อให้มองเห็นข้างในได้ง่าย
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตู้ยาควรแบ่งเป็นช่องชัดเจนสำหรับจัดแยกยาภายใน ยาภายนอก เวชภัณฑ์และอุปกรณ์ต่าง ๆ
ส่วนขนาดนั้นควรเลือกให้เหมาะสมกับจำนวนสมาชิกในครอบครัวและจำนวนยาที่จะเก็บ
ตำแหน่งติดตั้งที่เหมาะสม ควรจะ...
- "ไม่ร้อน ไม่ชื้น แสงแดดไม่ส่อง" เพื่อไม่ให้ยาเสื่อมสภาพก่อนวันหมดอายุ
- "เป็นสัดส่วน" เพื่อให้คนในครอบครัวสามารถหยิบใช้ได้ง่ายเมื่อต้องการ ไม่ต้องเสียเวลาไปค้นหา
- "พ้นมือเด็ก(และสัตว์เลี้ยง)" เพื่อความปลอดภัยจากการรับประทานหรือนำไปใช้โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์
ยาที่ควรมีไว้ประจำตู้ยา
- ยาใช้ภายใน / ยาใช้รับประทาน (ฉลากจะมีตัวอักษรสีน้ำเงิน) ได้แก่ยาแก้ปวดลดไข้พาราเซตามอล, ยาลดน้ำมูก แก้แพ้ แก้คัน คลอร์เฟนิรามีน, ยาแก้ไอน้ำดำ, ผงน้ำตาลเกลือแร่แก้ท้องเสีย, ยาธาตุน้ำแดงแก้ท้องขึ้น ท้องเฟ้อ, ยาลดกรดในกระเพาะอาหาร เช่นยาอะลูมิน่า-แมกนีเซีย
- ยาใช้ภายนอก (ฉลากยาจะมีตัวอักษรสีแดงว่า “ยาใช้ภายนอก” หรือ “ยาใช้เฉพาะที่ ห้ามรับประทาน”) เช่น ยาทาแก้ผดผื่นคัน คาลาไมน์โลชั่น, ขี้ผึ้งแก้ปวดบวมหรือยาหม่อง, ทิงเจอร์ใส่แผลสดหรือทิงเจอร์ไอโอดีน, ยารักษาแผลน้ำร้อนลวก, เหล้าแอมโมเนียหอมแก้วิงเวียน
การจัดยา มีหลักการจัดดังนี้
- แบ่งช่องของยาใช้ภายใน-ภายนอก ออกจากกันอย่างเป็นสัดส่วน
- ยาแต่ละชนิดต้องมีฉลากปิดขวดให้เรียบร้อยครบถ้วน
- ยาทุกชนิดต้องมีภาชนะบรรจุเรียบร้อย ฝาปิดสนิทแน่น
- ควรมีถ้วย ช้อนตวงยา และเวชภัณฑ์อื่น ๆ ที่จำเป็น เช่น สำลี ผ้าพันแผล พลาสเตอร์ ปรอทวัดไข้ กรรไกรเล็ก ๆ จัดเก็บแยกต่างหาก
ยาบางชนิดที่แจ้งไว้ว่าให้เก็บในที่เย็นก็ต้องเก็บไว้ในตู้เย็น แต่ห้ามแช่แข็ง
หากยาที่จัดเก็บเป็นยาที่แบ่งซื้อมา ควรจัดทำฉลากติดไว้ด้วยว่าเป็นยาอะไร มีส่วนประกอบอะไร มีขนาดการใช้เท่าไร แจ้งวันที่ผลิตหรือหมดอายุเมื่อใดและซื้อมาเมื่อไร
การใช้และดูแลรักษาตู้ยา
- ก่อนใช้ยาควรศึกษาวิธีใช้ คำเตือน ข้อห้ามใช้ของยานั้น ๆ ให้เข้าใจก่อนโดยอ่านจากฉลากยาที่ติดบนกล่อง ขวดยา แผงยา หรือเอกสารกำกับยาให้ละเอียด
- หมั่นดูฉลากยาทุกชนิดในตู้ยา หากลบเลือนควรรีบแก้ไขให้ชัดเจน อย่าปล่อยทิ้งไว้ ยาที่ไม่มีฉลากหรือฉลากลบเลือนไป หากไม่แน่ใจไม่ควรนำมาใช้
- ตรวจดูยาที่หมดอายุ-เสื่อมสภาพอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง หากพบอย่าเสียดาย ให้ทำลายหรือทิ้งไป