เห็ดไมตาเกะ คือสมุนไพรโบราณที่ชาวญี่ปุ่นนำมาใช้รักษาโรคมานานนับพันปี เห็ดไมตาเกะมีคุณค่าทางอาหารสูงมาก และงานวิจัยหลายชิ้นระบุว่า ช่วยป้องกันกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) และบำรุงกายได้อีกด้วย เห็ดไมตาเกะมีสรรพคุณอย่างไร ช่วยป้องกันโรคใดได้บ้าง ต้องรับประทานอย่างไร HDmall.co.th มีคำตอบ
เห็ดไมตาเกะ คืออะไร?
เห็ดไมตาเกะ (Maitake Mushroom) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Grifola Frondosa มักพบบนภูเขาทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศญี่ปุ่น โดยเห็ดไมตาเกะจะขึ้นบริเวณใต้ต้นไม้ใหญ่ที่อุดมสมบูรณ์ และพบเพียงบางพื้นที่เท่านั้น
เนื่องจากเป็นเห็ดที่พบได้ยาก และมีสรรพคุณทางยามากมาย ทำให้เห็ดชนิดนี้มีมูลค่าสูง จนได้รับการขนานนามว่าเป็นเห็ดมหัศจรรย์ และชื่อ “ไมตาเกะ” ในภาษาญี่ปุ่น มีความหมายว่า เห็ดเต้นรำ เนื่องจากชาวประเทศญี่ปุ่นในสมัยโบราณจะเต้นรำเมื่อพบเห็ดชนิดนี้ในป่า
เห็ดไมตาเกะ เป็นที่ต้องการในตลาดอย่างมาก นักวิจัยจึงได้ทดลองจนสามารถเพาะเห็ดเลี้ยงชนิดนี้ได้สำเร็จ ปัจจุบันเห็ดชนิดนี้จึงถูกใช้อย่างแพร่หลายในประเทศญี่ปุ่นและกระจายไปยังพื้นที่อื่นๆ ทั่วโลก
เห็ดไมตาเกะ มีสารอาหารสำคัญอะไรบ้าง?
จากการศึกษาพบว่า เห็ดไมตาเกะ มีคุณค่าทางอาหารสูง เมื่อเทียบกับเห็ดชนิดอื่นๆ โดยอุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญมากมาย ไม่ว่าจะเป็น กรดอะมิโน วิตามินบี วิตามินซี ทองแดง ไฟเบอร์ โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก และยังปราศจากคอเลสเตอรอล โซเดียมต่ำ แคลอรี่ต่ำ จึงเป็นอาหารที่เหมาะสำหรับคนที่รักสุขภาพ
เห็ดไมตาเกะ มีสรรพคุณทางยาอย่างไร?
สารสำคัญในเห็ดไมตาเกะที่มีสรรพคุณทางยาคือ เบต้ากลูแคน (Beta-Glucan) มีคุณสมบัติคือ ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายให้แข็งแรง โดยจะทำหน้าที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาว (Macrophage) ให้ดักจับและทำลายสิ่งแปลกปลอม หรือเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกาย จึงช่วยลดอาการเจ็บป่วยลงไปได้ โดยงานวิจัยหลายชิ้นระบุว่า เบต้ากลูแคน ที่อยู่ในรูปแบบของ MX-Fraction และ MD-Fraction ซึ่งพบในเห็ดไมตาเกะนั้น มีประสิทธิภาพในการรักษาโรคอีกด้วย
เห็ดไมตาเกะช่วยป้องกัน หรือรักษาโรคใดได้บ้าง ช่วยต้านมะเร็งได้จริงหรือ?
ศ.ดร. นันบะ ฮิโรอะกิ (Prof. Dr. Hiroaki Nanba) จาก Kobe Pharmaceutical University Japan ได้ศึกษาและค้นพบคุณสมบัติของ MX-Fraction และ MD-Fraction ว่ามีส่วนช่วยในการรักษาโรคได้ ดังนี้
MX-Fraction
ถูกค้นพบและนำเสนองานวิจัยในปี ค.ศ.1999 ว่ามีประสิทธิภาพในการรักษาโรคที่ไม่ติดต่อเรื้อรั้ง (Noncommunicable diseases: NCDs) ได้แก่ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน และไขมันในเลือดสูง
ทั้งนี้กลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ถือเป็นกลุ่มโรคที่เป็นปัญหาสุขภาพอันดับหนึ่งของโลก จากการรายงานข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO) พบว่า อัตราการเสียชีวิตของประชากรทั่วโลกจากโรค NCDs นั้น มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ในปี พ.ศ.2555 มีจำนวนผู้เสียชีวิต 38 ล้านคน (คิดเป็นร้อยละ 68 ของสาเหตุการเสียชีวิตทั้งหมดของประชากรโลก) ขณะที่ปี พ.ศ. 2559 เพิ่มขึ้นเป็น 41 ล้านคน (คิดเป็นร้อยละ 71 ของสาเหตุการเสียชีวิตทั้งหมดของประชากรโลก) และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม เช่น รับประทานอาหารที่มีไขมันสูง น้ำตาลสูง หรือออกกำลังกายไม่เพียงพอ เป็นต้น
MX-Fraction ในเห็ดไมตาเกะ มีคุณสมบัติสำคัญดังนี้
- ช่วยลดคอเลสเตอรอล หรือไขมันชนิดไม่ดี (LDL) โดยไม่ส่งผลกระทบต่อไขมันดี (HDL) เสริมประสิทธิภาพการทำงานของหลอดเลือดแดง บำรุงหัวใจและหลอดเลือด ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ
- ช่วยควบคุมและลดระดับน้ำตาลในเลือด โดยช่วยกระตุ้นการทำงานของอินซูลิน ยับยั้ง Alpha-Glucosidase Enzyme ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ทำหน้าที่ย่อยแป้งให้น้ำตาลเป็นกลูโคส จึงช่วยลดการดูดซึมกลูโคสในกระแสเลือดให้น้อยลงได้
- ช่วยลดความดันโลหิต เนื่องจากคุณสมบัติที่ช่วยลดระดับน้ำตาลและไขมันในเลือด ทำให้ระบบการไหลเวียนของเลือดดีขึ้น จึงลดโอกาสการเป็นโรคความดันโลหิตสูงได้
MD-Fraction
ถูกค้นพบในปี ค.ศ. 1985 จากงานวิจัยพบว่า “เห็ดไมตาเกะ” มีประสิทธิภาพในการต้านมะเร็งสูงที่สุด เมื่อเทียบกับเห็ดอีก 36 ชนิด ที่นำมาวิจัยร่วมกัน
ทั้งนี้งานวิจัยยังระบุอีกว่าเห็ดไมตาเกะ มีฤทธิ์ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกายได้ดีกว่าเห็ดชนิดอื่นๆ ได้แก่ ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตและแพร่กระจายของเซลล์ของมะเร็ง ชะลอการเติบโตของเนื้องอก โดยงานวิจัยที่ Sloan Kettering Cancer Center พบว่าผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ได้รับ MD-Fraction โดยไม่ใช้การบำบัดร่วม มีอัตราการเจริญเติบโตของเนื้องอกลดลงอย่างเห็นได้ชัด
เห็ดไมตาเกะ รับประทานอย่างไร?
จากความนิยมที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบันเห็ดไมตาเกะ จึงถูกนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมหลากหลายรูปแบบ ที่ช่วยให้รับประทานได้ง่ายขึ้น เช่น รับประทานในรูปแบบเม็ด ทำให้สามารถกำหนดปริมาณการรับประทานในแต่ละวันได้อย่างเหมาะสม และบางผลิตภัณฑ์ ยังมีการเสริมด้วยสารสำคัญอื่นๆ เพิ่มเติม ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงที่จะป่วยเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือผู้ที่ต้องการบำรุงร่างกาย เสริมระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง
แต่การเลือกผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเหล่านี้ จะต้องเลือกแบรนด์ที่มีกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน มีการควบคุมคุณภาพที่ดี มีงานวิจัยรับรองชัดเจน เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
การรับประทานเห็ดไมตาเกะ ก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยลดความเสี่ยงและป้องกันโรคได้ แต่ขณะเดียวกันต้องทำควบคู่กับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้เหมาะสม รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ที่สำคัญการรับประทานอาหารเสริมใดๆ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของคุณ