- สังเกตและประเมินอาการที่เกิดจากยารั่วออกนอกหลอดเลือดหลังจากให้ยาเคมีบำบัดแยกความแตกต่างระหว่างปฏิกิริยาที่เกิดจากการได้รับยาตามปกติ เช่น จากการบวมแดงเกิดเกือบทันที (ภายในไม่กี่นาที) มักจะเกิดตามเส้นเลือดและหายไปใน 60-90 นาที ผู้ป่วยจะรู้สึกคันเล็กน้อยและไม่มีอาการปวดใดๆ
- ตำแหน่งที่ให้ยาและเนื้อเยื่อโดยรอบ ควรเปิดให้เห็นได้ตลอดเวลา เพื่อการสังเกตได้ง่าย
- การพยาบาลเพื่อป้องกันการรั่วของยาเคมีบำบัด มีดังนี้
- เลือกตำแหน่งที่ดีที่สุดของหลอดเลือดดำที่จะให้ยา โดยเป็นหลอดเลือดดำบริเวณต้นแขน มีการไหลเวียนกลับของเลือดดี ไม่ควรเป็นตำแหน่งที่เคยให้อยู่เดิม และหลีกเลี่ยงหลอดเลือดดำเล็กบริเวณหลังมือ
- หลีกเลี่ยงการแทงเข็มหลายๆ ครั้งในหลอดเลือดดำเดิม เพื่อป้องกันการรั่วของยา
- หลังจากแทงเข็มแล้ว เพื่อให้แน่ใจว่าเข้าหลอดเลือด ควรทดสอบโดยการฉีดน้ำเกลือ 5 มิลลิลิตรเข้าหลอดเลือดก่อนให้ยาเคมีบำบัด และทดสอบการไหลย้อนกลับของเลือด เมื่อให้ยาเคมีบำบัดทุก 3-4 มิลลิลิตร เพื่อให้แน่ใจว่าตัวยาอยู่ภายในหลอดเลือด ในระยะที่ให้ยาเคมีบำบัดด้วยการฉีดเข้าหลอดเลือด (Push) และสังเกตหลอดเลือดบริเวณที่ให้ยาเป็นระยะๆ อย่างสม่ำเสมอ
- ป้องกันการระคายเคืองต่อผนังหลอดเลือดจากยาเคมีบำบัด โดยการเจือจางยาตามที่ระบุไว้ข้างกล่อง และอัตราการให้เป็นไปตามแผนการรักษาอย่างเคร่งครัด
- ควรหยุดยาทันทีหากพบว่าอาจมีปัญหาเกิดขึ้น เช่น ทดสอบแล้วไม่มีเลือดไหลย้อนกลับ ผู้ป่วยบ่นปวดบริเวณที่แทงเข็ม เป็นต้น
- เมื่อการให้ยาสิ้นสุดลง ควรตามด้วยน้ำเกลือ 30 มิลลิลิตร จากนั้นกดตำแหน่งที่เอาเข็มออกไว้ประมาณ 4 นาที เพื่อป้องกันการรั่วซึม
- หากมีอาการหรืออาการแสดงว่าตัวยารั่วออกนอกหลอดเลือด ควรปฏิบัติ ดังนี้
- หยุดการให้ยาทันที
- ให้ทายาบริเวณที่แทงเข็มตามแผนการรักษา
- ให้คำอธิบายและปลอบใจผู้ป่วยและครอบครัว
- ประเมินตำแหน่งที่ให้ยา เพื่อดูการอักเสบและการเน่าตายของเนื้อเยื้อ
ขอบคุณข้อมูลดีๆจากหนังสือ "คู่มือโรค" โดยปราณี ทู้ไพเราะ จากจากโรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท