ใครที่มีผู้สูงอายุอาศัยอยู่ในบ้านคงเคยพบเห็นฟันปลอมอยู่บ้าง แต่นอกจากตัวผู้สูงอายุที่ต้องเป็นผู้ใช้ฟันปลอมเองแล้ว น้อยคนนักที่จะรู้ว่า ฟันปลอมมีวิธีการใช้อย่างไร แล้วมีวิธีการดูแลรักษาอย่างไรให้ที่เหมาะสม แล้วนอกจากผู้สูงอายุ ใครอีกบ้างที่มีความเสี่ยงต้องใส่ฟันปลอมอีก
เพราะไม่แน่ว่า วันหนึ่งอาจมีเหตุทำให้คุณต้องใช้ฟันฟลอมก่อนเข้าสู่วัยสูงอายุก็เป็นได้
ทำฟันปลอมวันนี้ ที่คลินิกใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 2,425 บาท ลดสูงสุด 42%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ความหมายของฟันปลอม
ฟันปลอม (Denture) หมายถึง ฟันที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทดแทนฟันธรรมชาติที่สูญเสียไปตามอายุที่มากขึ้น หรือการสูญเสียจากโรคเกี่ยวกับช่องปาก เช่น โรคเหงือก โรคปริทันต์ รวมทั้งอุบัติเหตุที่ทำให้ต้องสูญเสียฟันไป
หน้าที่สำคัญของฟันปลอมคือ ช่วยในการบดเคี้ยวอาหาร ช่วยให้สามารถออกเสียงคำต่างๆ ได้ชัดเจน ป้องกันสันเหงือกที่ไม่มีฟันเหลืออยู่แล้วไม่ให้บาดเจ็บจากการเคี้ยวอาหาร และยังช่วยเสริมความมั่นใจในการมีฟันหน้าครบถ้วน (กรณีที่ฟันหน้าหายไป) ถึงแม้จะไม่ใช่ฟันธรรมชาติแท้ๆ ก็ตาม
ประเภทของฟันปลอม
เราสามารถจำแนกฟันปลอมออกได้ 2 ประเภทหลักๆ ได้แก่
- ฟันปลอมประเภทถอดได้ โดยจะมีแบบฟันปลอมทั้งปาก (Complete denture) เป็นลักษณะฟันปลอมที่พบเห็นได้บ่อย เหมาะสำหรับผู้ที่สูญเสียฟันหมดทุกซี่แล้ว
อีกแบบคือ ฟันปลอมแบบบางส่วน (Removable Partial denture) เป็นฟันปลอมที่เหมาะสำหรับผู้ที่สูญเสียฟันไปบางส่วนบางซี่ วัสดุที่ใช้ทำฐานฟันปลอมแบบนี้มีทั้งจากพลาสติกและโลหะซึ่งฟันปลอมทั้งแบบถอดได้ และฟันปลอมบางส่วนจะมีจุดเด่น-จุดด้อยต่างกัน
ฟันปลอมที่ทำจากฐานพลาสติกจะราคาถูกกว่า แต่แข็งแรงน้อยกว่า สีของฐานไม่ติดแน่นคงทน เมื่อเทียบกับฟันปลอมที่ทำจากฐานโลหะที่ใส่แล้วรู้สึกสบายกว่า เบากว่า
อีกทั้งฟันปลอมที่ทำจากฐานโลหะยังสามารถส่งผ่านอุณหภูมิร้อน-เย็นของอาหาร หรือเครื่องดื่มที่รับประทานเข้าไปในเนื้อเยื่อเหงือกได้ดีกว่าด้วย ทำให้ผู้ใส่รู้สึกถึงอุณหภูมิได้ราวกับยังมีฟันธรรมชาติอยู่ - ฟันปลอมประเภทติดแน่น หรืออีกชื่อว่า “สะพานฟันติดแน่น” เป็นการใส่ฟันปลอมแบบถาวร ไม่สามารถถอดออกได้
ฟันปลอมประเภทติดแน่น เป็นประเภทของฟันปลอมที่มักใช้เพื่อทดแทนฟันบางซี่ที่สูญเสียไป และจะต้องมีรากฟันธรรมชาติหลงเหลืออยู่บ้างเพื่อรองรับครอบฟันและสะพานฟัน แต่สำหรับรากฟันเทียม ไม่จำเป็นต้องเหลือรากฟันธรรมชาติใดๆ
การใส่ฟันปลอมแต่ละประเภท
1. ฟันปลอมแบบประเภทถอดได้
หากเป็นฟันหน้าผู้ที่ต้องใส่ฟันปลอมแบบถอดได้มักจะได้รับฟันปลอมแบบชั่วคราวไปใส่ก่อนกรณีที่ฟันถูกถอน หรืออยู่ในช่วงเตรียมตัวใส่ฟันปลอม
ผู้เข้ารับบริการยังอาจต้องให้ทันตแพทย์ปรับแต่งลักษณะฟันปลอม หรือฐานฟันปลอมแบบชั่วคราวเป็นระยะๆ ด้วย เพราะเหงือก และกระดูกบริเวณที่ใส่ฟันปลอมจะมีการปรับรูปร่างให้เข้ากับช่องปากที่ฟันธรรมชาติหายไป
เมื่อได้รับตัวฟันปลอมของจริงแล้ว ทันตแพทย์จะสอนวิธีใส่และถอดฟันปลอมให้ รวมทั้งทันตแพทย์อาจสอนวิธีใช้กาวติดฟันปลอมก่อนใส่ฟันปลอมเข้าไปในช่องปากด้วย เพื่อยึดไม่ให้ฟันปลอมหลุดออกมาจากปากได้ง่าย หรือสอนวิธีใช้ตะขอโลหะยึดกับเนื้อฟันธรรมชาติส่วนที่เหลืออยู่
แต่โดยปกติในช่วงแรกๆ ทันตแพทย์จะให้ผู้เข้ารับบริการใส่ฟันปลอมเอาไว้ตลอด ยกเว้นเวลาแปรงฟันเละเวลานอนหลับเพื่อความเคยชิน และจะได้รู้ว่า ต้องมีการปรับโครงฟันปลอมเพิ่มเติมตรงไหนให้เข้ากับลักษณะช่องปากอีก เพื่อที่ฟันปลอมจะได้ไม่หลวม หรือคับแน่นมากเกินไป
ในช่วงแรกๆ ที่ใส่ฟันปลอม ผู้เข้ารับบริการอาจรู้สึกไม่ชิน เคี้ยวอาหารช้า มีน้ำลายมากกว่าปกติ พูดไม่ชัด รู้สึกเจ็บ หรือระคายเคืองเหงือกบริเวณที่สัมผัสกับตัวฟันปลอม แต่เมื่อระยะเวลาผ่านไปประมาณ 2 สัปดาห์ - 1 เดือน ส่วนมากผู้ใส่ฟันปลอมก็จะเริ่มชินกับการใส่ฟันปลอมไปเอง
2. ฟันปลอมประเภทติดแน่น
ด้วยลักษณะการใส่ฟันปลอมประเภทนี้ที่เป็นการใส่แบบถาวร ไม่มีถอดเข้าออกแบบชั่วคราว
ดังนั้นการใส่ฟันปลอมประเภทติดแน่นจึงจะมีเพียงครั้งเดียว คือ ใส่กับทันตแพทย์ในวันที่ติดตั้งอุปกรณ์ โดยจะมีการกรอตกแต่งเนื้อฟันธรรมชาติให้เหมาะสมกับฟันปลอมก่อน แล้วจึงเริ่มติดตั้งฟันปลอมเข้าไป
ทำฟันปลอมวันนี้ ที่คลินิกใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 2,425 บาท ลดสูงสุด 42%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
การเข้ารับบริการทำรากฟันเทียม ทำสะพานฟัน หรือที่ตัวครอบฟันมีค่าใช้จ่ายในการทำที่สูง ผู้ที่ต้องทำฟันปลอมประเภทติดแน่นต้องรู้จักดูแลสุขภาพฟันให้ดี เพราะหากไม่ดูแลให้ดี อาจต้องมีการซ่อมแซมอุปกรณ์หรือทำใหม่ ก็อาจส่งผลต่อเนื้อฟันธรรมชาติที่เหลืออยู่อีก รวมถึงทำให้ต้องเจ็บตัว เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม
นอกจากนี้ก่อนที่จะทำทันตกรรมทุกชนิด คุณควรศึกษามาตรฐาน และความปลอดภัยของโรงพยาบาล หรือคลินิกทำฟันที่ไปใช้บริการด้วย เพื่อให้ตนเองมีฟันปลอมที่ได้คุณภาพ มีมาตรฐาน และมีทันตแพทย์ที่เชียวชาญคอยติดตามดูอาการ และคุณภาพของอุปกรณ์อย่างต่อเนื่อง
วิธีดูแลรักษาฟันปลอม
วิธีดูแลรักษาฟันปลอมนั้นไม่ได้แตกต่างไปจากการดูแลรักษาสุขภาพช่องปากของเรานัก หากคุณเป็นผู้ที่กำลังใส่ฟันปลอม หรือมีคนใกล้ชิดใส่ฟันปลอม ให้ดูแลฟันปลอมตามคำแนะนำต่อไปนี้
- ห้ามดัด หรือตัดแต่งฟันปลอมเอง หากรู้สึกว่า ฟันปลอมที่ใช้อยู่คับแน่น หลวม หรือผิดรูปร่างไปจากเดิม ให้นำฟันปลอมกลับไปหาทันตแพทย์ผู้ทำฟันปลอมให้เพื่อซ่อมแซม หรือปรับโครงฟันปลอมอีกครั้ง
- ทำความสะอาดฟันปลอมทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร โดยใช้แปรงสีฟันขนนุ่มกับสบู่เหลว แปรงที่ด้านใน และด้านนอกตัวฟันปลอม สามารถแช่น้ำยาล้างฟันปลอมเป็นครั้งคราว
นอกจากนี้ในระหว่างทำความสะอาดควรมีผ้าขนหนู หรือภาชนะรองรับฟันปลอมในกรณีที่หล่นพื้น ฟันปลอมจะได้ไม่แตกเสียหาย
หากใส่ฟันปลอมประเภทติดแน่นซึ่งไม่สามารถถอดมาทำความสะอาดได้ ให้ทำความสะอาดตามปกติ โดยการแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันทำความสะอาดร่วมด้วย เพื่อให้ซอกฟันปลอมสะอาด ไม่มีเศษอาหาร หรือสิ่งสกปรกติดค้าง - อย่าถือฟันปลอมไว้ในลักษณะกำไว้ในมือ แต่ให้ใช้นิ้วมือจับปลายด้านใดด้านหนึ่ง หรือใส่ตลับเก็บพกพาไว้จะดีที่สุด เพราะมีโอกาสที่ระหว่างกำฟันปลอมไว้ คุณจะเผลอบีบฟันปลอมจนเสียรูปร่าง
- ไม่ใช้ฟันปลอมเคี้ยวอาหารที่แข็ง หรือเหนียวมากเกินไป เพราะจะทำให้วัสดุฟันปลอมแตกได้ง่าย
- ในระหว่างที่ไม่ได้ใส่ฟันปลอม ควรถอดฟันปลอมออกมาแช่น้ำ
- อย่าใส่ฟันปลอมทิ้งไว้ในปากระหว่างนอนหลับในช่วงกลางคืน เพราะจะทำให้เนื้อเยื่อช่องปากไม่ได้พัก และอาจเกิดการอักเสบได้ง่าย
- หากแช่ฟันปลอมไว้กับสารละลายสำหรับแช่ฟันปลอม ให้ล้างน้ำยาด้วยน้ำสะอาดเสียก่อนใส่เข้าปาก มิฉะนั้นน้ำยาอาจทำให้รู้สึกแสบร้อน หรือเจ็บเหงือกหลังจากใส่ฟันปลอมได้
- ควรไปพบทันตแพทย์ทุกๆ 6 เดือนเพื่อตรวจสุขภาพฟัน และตรวจดูสภาพฟันปลอมที่ใช้ว่า ยังคงสภาพสมบูรณ์สำหรับใช้งานต่ออยู่หรือไม่ รวมถึงยังพอดีกับช่องปากหรือเปล่า
เพราะเมื่อคุณใส่ฟันปลอมไปได้ระยะหนึ่ง รวมถึงการใช้งานเป็นเวลานาน สันเหงือกมักจะยุบตัว ทำให้ฐานฟันปลอมไม่สามารถใส่เข้าได้พอดีกับช่องปาก
ฟันปลอมเป็นอุปกรณ์ที่ดูแลรักษาไม่ยาก เพียงแต่ด้วยวัสดุที่ง่ายต่อการแตกหัก อีกทั้งฟันปลอมยังมีรูปร่างที่จะต้องไม่ผิดรูปจากเดิมโดยเด็ดขาด มิฉะนั้นอาจส่งผลต่อการใส่ และใช้งานได้ คุณจึงต้องระมัดระวังในการใช้ฟันปลอม เพื่อไม่ให้สร้างปัญหาต่อเหงือก และฟันได้
นอกจากนี้คุณยังคงต้องไปพบทันตแพทย์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อตรวจช่องปาก รวมถึงคุณภาพของฟันปลอมให้ยังพร้อมใช้งานแทนที่ฟันธรรมชาติที่สูญเสียไป เพียงเท่านี้ การเคี้ยวอาหาร การพูด รวมถึงความมั่นใจรอยยิ้มของคุณก็จะยังอยู่ ควบคู่ไปกับคุณภาพของฟันปลอมที่ยังพร้อมสมบูรณ์เช่นเดิม
เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจทำฟันปลอมแบบต่างๆ จากคลินิกและโรงพยาบาลใกล้คุณ และไม่พลาดทุกอัปเดตเรื่องสุขภาพและโปรโมชั่นเมื่อกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android