การใช้ยาคุมแบบฝังเข็มเป็นวิธีของการคุมกำเนิดชั่วคราวชนิดหนึ่ง ซึ่งนับว่าได้ผลของการป้องกันการตั้งครรภ์มากกว่าการคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่นๆ กล่าวได้ว่ามีโอกาสเกิดความล้มเหลวในการตั้งครรภ์รองลงมาจากการไม่มีเพศสัมพันธ์กันเลยทีเดียว อีกทั้งหากต้องการกลับมามีบุตรก็สามารถถอดยาคุมแบบฝังเข็มได้ ด้วยวิธีที่ไม่ยุ่งยากและยังมีความปลอดภัยต่อสุขภาพร่างกายอีกด้วย
การใช้ยาคุมแบบฝังเข็ม
การฝังเข็มเพื่อคุมกำเนิดเป็นการใช้หลอดยาที่บรรจุใส่ฮอร์โมนโปรเจสติน (Progestin) ฝังเอาไว้ใต้ผิวหนังที่บริเวณท้องแขนท่อนบน เมื่อฝังแล้วจะปล่อยฮอร์โมนที่บรรจุเข้าสู่ร่างกายผ่านทางกระแสเลือดของผู้ที่รับการฝังเข็ม โดยฮอร์โมนโปรเจสตินจะทำให้ไข่ไม่เติบโต และยับยั้งไม่ให้เกิดการตกไข่เพื่อมาผสมกับอสุจิ อีกทั้งยังทำให้เกิดเมือกที่อยู่บริเวณปากมดลูกมีลักษณะเหนียวข้น ทำให้อสุจิยากที่จะเดินทางเข้ามาผสมกับไข่ได้ และยังทำให้ผนังมดลูกมีสภาพที่บาง ไม่เหมาะแก่การรองรับไข่ที่จะเกิดการปฏิสนธิ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
การใช้ยาคุมแบบฝังเข็มสามารถใช้คุมกำเนิดได้ภายใน 5 วันแรกหลังมีประจำเดือน หรือภายหลังการแท้งบุตรไม่เกิน 7 วัน หรือหลังการคลอดบุตรประมาณ 4 – 6 สัปดาห์ และจะต้องเอาออกเมื่อมีอายุการใช้งานครบ 3 – 5 ปี ขึ้นอยู่กับชนิดของยาคุมแบบฝังเข็ม
นอกจากนี้หากมีอาการที่ไม่พึงประสงค์ อย่างเช่นหลังทำการฝังเข็มแล้วมีอาการความดันสูง มีอาการของโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดในสมอง ดีซ่าน หรือแม้กระทั่งเกิดภาวะซึมเศร้า ก็สามารถกลับไปหาแพทย์เพื่อทำการเอาออกก่อนกำหนดได้ทันที โดยไม่ต้องรอครบตามกำหนด ซึ่งในปัจจุบันการใช้ยาคุมแบบฝังเข็มได้รับการพัฒนาให้มีการฝังเพียงแค่หลอดเดียว จึงทำให้การถอดออกก็ย่อมทำได้ง่ายเช่นกัน
การถอดยาคุมแบบฝังเข็ม
การถอดยาคุมแบบฝังเข็มสามารถทำได้ที่โรงพยาบาลขนาดใหญ่ทั่วไป เช่น โรงพยาบาลประจำอำเภอ โรงพยาบาลประจำจังหวัด หรือสถานพยาบาลคลินิกที่ให้บริการ เพราะมีความสะดวก ปลอดภัย ไม่ซับซ้อนยุ่งยาก ใช้เวลาไม่นาน สามารถทำได้ในห้องผู้ป่วยนอก อีกทั้งยังไม่รู้สึกเจ็บ เนื่องจากแพทย์จะฉีดยาชาให้ก่อน และไม่ต้องนอนโรงพยาบาลอีกด้วย
วิธีการถอดยาคุมแบบฝังเข็ม
แพทย์จะฉีดยาชาเฉพาะที่เพียงเล็กน้อยบริเวณใต้ท้องแขน จากนั้นจะกรีดแผลขนาดเล็กที่ผิวหนังแล้วจึงใช้อุปกรณ์ดึงตัวแท่งบรรจุฮอร์โมนออกมา เพื่อสอดเข้าไปที่ใต้ท้องแขนนั้น จากนั้นทำแผลแล้วรัดแผลด้วยผ้ายืดพันแผลเป็นเวลา 24 ชั่วโมง จึงจะเอาผ้ายืดพันแผลออกได้
ถ้าหากเราต้องการคุมกำเนิดด้วยวิธีนี้ต่อ ก็สามารถเปลี่ยนและฝังแท่งบรรจุฮอร์โมนอันใหม่เข้าไปได้ทันทีเมื่อครบกำหนด โดยแผลที่เกิดจากการถอดอาจมีขนาดใหญ่กว่าตอนใส่เล็กน้อย และอาจต้องมีการเย็บด้วยไหม 1 เข็ม ซึ่งขั้นตอนทั้งหมดนี้ใช้เวลาเพียง 10 – 20 นาทีเท่านั้น
การตั้งครรภ์สามารถกลับมาได้เมื่อใดหลังจากถอดยาคุมแบบฝังเข็ม
หลังจากที่ถอดเอายาคุมแบบฝังเข็มออกแล้ว โดยส่วนใหญ่จะเริ่มมีประจำเดือนได้ภายใน 1 – 12 เดือน และพบว่าภายใน 1 – 3 เดือน ผู้ที่เอาออกก็จะมีไข่ตก ถ้ามีเพศสัมพันธ์ในช่วงนี้ก็จะกลับมาตั้งครรภ์ได้ตามปกติ แต่ทั้งนี้จะช้าหรือเร็วก็ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายที่แข็งแรงและสมบูรณ์ของผู้ที่ถอดออกด้วย
ราคาค่าถอดยาคุมแบบฝังเข็ม
ถ้าเป็นโรงพยาบาลรัฐบาลและเป็นแบบคุมกำเนิด 3 ปี จะอยู่ที่ประมาณ 200 – 300 บาทต่อหลอด หากเป็นโรงพยาบาลเอกชนก็จะอยู่ที่ประมาณ 800 – 2,000 บาท โดยการถอดยาคุมแบบฝังเข็มสามารถใช้สิทธิตามบัตรที่มีอยู่ อย่างเช่นบัตรประกันสังคมหรือบัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้า ดังนั้นถ้าเราต้องการประหยัดหรืออาจจะมีปัญหาในเรื่องของค่าใช้จ่าย ก็ควรจะไปตามสถานพยาบาลที่รับรองสิทธิตามบัตรก่อน
ข้อดีของผู้ที่ถอดยาคุมแบบฝังเข็มก็คือสามารถกลับมามีบุตรได้เร็วกว่าการฉีดยาคุม เนื่องจากฮอร์โมนมีการกระจายออกในร่างกายในปริมาณที่น้อย อีกทั้งไม่มีการสะสมในร่างกายและไม่ทำให้อ้วน นอกจากนี้การฝังและการถอดจะไม่ส่งผลกับการใช้ชีวิตประจำวันใดๆ รวมทั้งสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ตามปกติอีกด้วย