การมีสิ่งแปลกปลอมติดคอแล้วเอาออกมาไม่ได้นั้นเกิดได้บ่อยๆ โดยเฉพาะในเด็กเล็กที่มักหยิบคว้าสิ่งของใกล้มือเข้าปาก ส่วนในผู้ใหญ่เองก็เกิดเหตุการณ์นี้ได้เหมือนกัน เช่น เวลาทานอาหารคำใหญ่ หรือมีเศษกระดูกชิ้นใหญ่ติดคอ ซึ่งสิ่งแปลกปลอมเหล่านี้มักไปปิดกั้นหลอดลมและหลอดอาหาร ทำให้หายใจไม่ออก สำลัก และถ้าช่วยเหลือช้าแม้เพียงนาทีเดียวก็อาจอันตรายถึงชีวิตได้ ดังนั้น การมีของติดคอถือเป็นเหตุฉุกเฉินที่คนใกล้ตัวต้องรีบปฐมพยาบาลโดยเร็วที่สุด
วิธีการปฐมพยาบาลเมื่อมีของติดคอ
หากผู้ป่วยยังคงรู้สึกตัว พูดได้ และหายใจได้ตามปกติ ให้เรารีบพาผู้ป่วยไปหาหมอ โดยไม่จำเป็นต้องปฐมพยาบาลด้วยตัวเอง แต่หากผู้ป่วยมีอาการหายใจไม่ได้ พูดไม่ออก ให้คนใกล้ตัวรีบปฐมพยาบาลเป็นอันดับแรก ก่อนที่จะพาไปหาหมอ โดยการปฐมพยาบาลเมื่อที่มีสิ่งแปลกปลอมติดคอ สำลัก จะแบ่งเป็น 2 กรณี ได้แก่ กรณีที่ผู้ป่วยยังรู้สึกตัว และ กรณีที่ผู้ป่วยหมดสติ
ตรวจ รักษา หู คอ จมูก วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 854 บาท ลดสูงสุด 54%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
การปฐมพยาบาลกรณีที่ผู้ป่วยยังรู้สึกตัว
ผู้ป่วยเป็นผู้ใหญ่และเด็กโต
- อันดับแรกให้ผู้ป่วยลองอ้าปากดู ถ้าสิ่งแปลกปลอมที่ติดคอมีขนาดใหญ่และมองเห็นได้อยู่ ให้ใช้มือล้วงออกมา แต่หากมองไม่เห็นสิ่งของ หรือประเมินแล้วว่าดึงออกมาไม่ได้ ไม่ควรล้วงคอเด็ดขาด เพราะอาจทำให้สิ่งแปลกปลอมเข้าไปลึกกว่าเดิม
- ขั้นต่อมา ให้ใช้วิธีรัดท้องเพื่อเพิ่มแรงดันในช่องอก โดยให้เรายืนข้างหลังและใช้ 2 แขนรัดรอบเอวผู้ป่วย กำมือข้างหนึ่งและใช้มืออีกข้างกุมมือที่กำไว้ จากนั้นวางมือทั้งสองเหนือสะดือ บริเวณลิ้นปี่ และอัดมือเข้าหาท้องผู้ป่วยแรงๆ รวมถึงพยายามดึงมือขึ้น คล้ายยกผู้ป่วยขึ้นด้านบน ทำซ้ำหลายๆ ครั้ง จนกว่าสิ่งแปลกปลอมจะหลุดออก
- หากผู้ป่วยอ้วนลงพุง หรือตั้งครรภ์ ให้เปลี่ยนจากการรัดท้องมาเป็นการรัดอก โดยวางมือที่ใต้ราวนม และอัดมือเข้าหาอกแรงๆ เช่นเดียวกัน
- หากใช้วิธีรัดท้องหรือรัดอกไม่ได้ผล ให้ใช้แขนรัดรอบเอวผู้ป่วยไว้เช่นเดียวกับท่ารัดท้อง และวางลำตัวผู้ป่วยพาดพนักเก้าอี้ ให้ลำตัวส่วนบนต่ำลง แล้วใช้มืออัดเข้าท้องแรงๆ ในลักษณะดึงขึ้นด้านบน ทำซ้ำๆ จนกว่าสิ่งแปลกปลอมจะหลุดออก
ผู้ป่วยเป็นทารก อายุต่ำกว่า 1 ปี
- ให้จับทารกนอนคว่ำลงบนท่อนแขน โดยศีรษะต่ำลงเล็กน้อย
- ใช้ฝ่ามือตบกลางหลังทารก ระหว่างสะบักทั้ง 2 ข้างเร็วๆ 5 ครั้ง
- หากยังไม่ได้ผล ให้จับทารกนอนหงายบนท่อนแขน โดยให้ศีรษะต่ำลง วางนิ้วชี้กับนิ้วกลางลงที่กระดูกหน้าอกเหนือลิ้นปี่ และกดลงเร็วๆ (ประมาณ 1 นิ้ว) 5 ครั้ง
- หากสิ่งแปลกปลอมยังไม่ออกมา ให้ใช้วิธีตบหลังสลับกับกดหน้าอกไปเรื่อยๆ
ผู้ป่วยเป็นเด็กเล็ก อายุ 1 ปีขึ้นไป
- หากเด็กไม่มีอาการหายใจลำบาก หน้าเขียว ให้ตบที่หลังเบาๆ ก่อน เพื่อกระตุ้นให้สิ่งแปลกปลอมหลุดออก
- หากของที่ติดคอไม่หลุดออก ให้โอบจากข้างหลัง และใช้นิ้วโป้งกดใต้ลิ้นปี่แรงๆ 5 ครั้ง ห่างกันครั้งละ 3 วินาที และตรวจดูว่าสิ่งแปลกปลอมหลุดออกมาหรือยัง
- หากเด็กหยุดหายใจ ให้จับเด็กนอนหงายศีรษะต่ำลง และใช้สองมือประสานกัน กดลงไปที่ลิ้นปี่ สลับกับการช่วยหายใจ และรีบพาส่งโรงพยาบาลโดยด่วน
การปฐมพยาบาลกรณีที่ผู้ป่วยหมดสติ
หากผู้ป่วยหมดสติทันที หรือหมดสติระหว่างกำลังปฐมพยาบาล ให้โทรเรียกรถพยาบาลหรือนำผู้ป่วยไปพบแพทย์ทันที และในระหว่างรอ ให้รีบช่วยเหลือด้วยวิธีดังนี้
- ให้จับผู้ป่วยนอนหงายบนพื้น และเปิดทางเดินหายใจ โดยยกปลายคางขึ้น และอีกมือหนึ่งกดหน้าผากลง
- ลองเป่าปากเพื่อช่วยหายใจ 2 ครั้ง หากหน้าอกยกขึ้น ให้เป่าปากต่อไป ด้วยอัตรา 10 – 12 ครั้ง/นาที ในผู้ใหญ่ และ 12 – 20 ครั้ง/นาที ในเด็ก
- ถ้าลองเป่าปากแล้วหน้าอกไม่ยกขึ้น ให้ใช้มืออัดที่ท้องในท่านอนหงาย 6 – 10 ครั้ง แต่ถ้าเป็นเด็กทารก ให้ใช้วิธีตบหลัง 5 ครั้ง สลับกับกดหน้าอก 5 ครั้ง
- คอยตรวจเช็คช่องปาก ถ้ามองเห็นสิ่งแปลกปลอมให้ใช้นิ้วเกี่ยวออกมา
- ปฐมพยาบาลด้วยวิธีเหล่านี้ สลับกับคอยเช็คช่องปากผู้ป่วยไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงโรงพยาบาล
วีดีโอสาธิตวิธีการปฐมพยาบาลเมื่อมีของติดคอ
https://www.youtube.com/watch?v=3meNRTjyrRQ
การปฐมพยาบาลเมื่อของติดคอในผู้ใหญ่และเด็กโต
https://www.youtube.com/watch?v=MaU6G2HKySk
การปฐมพยาบาลเมื่อของติดคอในเด็กเล็ก
https://www.youtube.com/watch?v=QYUF9sNGt9A
การปฐมพยาบาลเมื่อของติดคอในทารก