วิถีชีวิตในยุคนี้ทำให้เราต้องข้องเกี่ยวกับสารเคมีมากมาย ทั้งในผลิตภัณฑ์ที่ใช้ อาหารที่รับประทาน และอากาศที่เราหายใจ มีงานวิจัยมากมายพบว่า สารเคมีกลุ่มหนึ่งเรียกว่า สารรบกวนการทำงานของต่อมไร้ท่อ (Endocrine Disrupting Chemicals) หรือ EDCs อาจส่งผลต่อคุณภาพของน้ำอสุจิ ไข่ และตัวอ่อนในครรภ์ได้ ซึ่งนอกจากการสัมผัสสารเคมีกลุ่มนี้จะลดโอกาสในการตั้งครรภ์แล้ว ยังอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพลูกน้อยในระยะยาวอีกต่างหาก
ตามปกติ สารกลุ่ม EDCs เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ อยู่ในสิ่งแวดล้อมและในอาหาร อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา อุตสาหกรรมได้พัฒนาอย่างรวดเร็ว ทำให้มีการผลิตและใช้สารประกอบทางเคมีใหม่ๆ นับพันชนิด รวมถึงสารกลุ่ม EDCs ที่สังเคราะห์ขึ้นด้วย
ฝากครรภ์ คลอดบุตรวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 79 บาท ลดสูงสุด 65%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
EDCs ถูกใช้ในผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนมากมาย โดยชนิดที่เราคุ้นเคยกันดี ได้แก่ บิสฟีนอล เอ (Bisphenol A หรือ BPA) พาธาเลต (Phthalates) และพาราเบน (Paraben)
มนุษย์เราเกือบทุกคนมี EDCs อยู่ในร่างกาย แต่การศึกษามากมายระบุว่า คนที่มีภาวะมีบุตรยาก มักมีระดับ EDCs ในร่างกายสูงกว่าคนทั่วไป นอกจากนี้ยังพบว่า ระดับ EDCs ที่สูงขึ้นในร่างกายสัมพันธ์กับโอกาสการตั้งครรภ์ที่ลดลง ในคู่รักที่ใช้เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตรอย่าง IVF ด้วย หากคุณวางแผนจะมีลูกและพยายามตั้งครรภ์อยู่ การลดการสัมผัสกับ EDCs จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก ทั้งนี้เพื่อเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์และเพื่อสุขภาพที่ดีของทารกในอนาคต
กลไกการทำงานของ EDCs
จากการศึกษาพบว่า EDC ไปรบกวนการทำงานของฮอร์โมนในร่างกายโดยการไปจับกับตัวรับ (receptor) ของฮอร์โมนแล้วจึงแสดงออกโดยการเลียนแบบการทำงานของฮอร์โมนนั้น หรือยับยั้งการทำงานของฮอร์โมนนั้นๆ ก็ได้ โดยกลไกนั้นขึ้นอยู่กับสารแต่ละชนิด
วิธีหลีกเลี่ยงสารเคมีกลุ่ม EDCs มีดังนี้
- ลดสารเคมีในอาหาร เราทราบกันดีว่าควรล้างผักและผลไม้ให้สะอาดก่อนรับประทาน ซึ่งสารกลุ่ม EDCs ก็เป็นหนึ่งในสารที่พบได้บ่อย ดังนั้น การล้างผักผลไม้สดให้สะอาดจะช่วยลดการสัมผัสกับ EDCs ได้
เรายังพบ EDCs ได้ในวัสดุที่ใช้เคลือบภายในกระป๋อง และพลาสติกบรรจุอาหารสำเร็จรูป ดังนั้นหากเป็นไปได้ ก็ควรหลีกเลี่ยงอาหารสำเร็จรูปทุกชนิด รวมถึงอ่านฉลากบรรจุภัณฑ์ให้ดี เพื่อให้แน่ใจว่าอาหารนั้นปราศจากสารเติมแต่งและสารกันบูด
นอกจากนี้ เนื้อปลาที่มีไขมันสูง เช่น แซลมอน ทูน่า ซาดีน และเนื้อสัตว์ติดมันก็อาจมี EDCs ในปริมาณสูงเช่นกัน โดยเฉพาะส่วนที่เป็นไขมันของเนื้อสัตว์ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าเนื้อสัตว์มาจากแหล่งไหน หรือผลิตจากที่ใด การจำกัดปริมาณการรับประทานปลาและเนื้อสัตว์เหล่านี้ก็เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยลดการรับ EDCs ได้
- คำนึงถึงวิธีการอุ่นอาหาร บรรจุภัณฑ์พลาสติกแบบใช้แล้วทิ้ง พลาสติกยืด และฟอยล์ห่ออาหารล้วนมี EDCs ปนอยู่ และอาจซึมเข้าสู่อาหารได้เมื่อโดนความร้อน โดยเฉพาะเมื่ออาหารนั้นมีน้ำมันมาก เราจึงไม่ควรอุ่นอาหารหรือบรรจุอาหารร้อนลงในบรรจุภัณฑ์พลาสติกแบบบาง หรือใช้พลาสติกยืดหรือฟอยล์เคลือบดีบุกห่ออาหาร แต่ควรใช้จานชามกระเบื้องหรือแก้วอุ่นอาหาร และใช้แผ่นกระดาษขนาดใหญ่หรือจานปิดคลุมอาหารแทน
นอกจากนี้ แม้แต่บรรจุภัณฑ์พลาสติกที่โฆษณาว่า “ปราศจาก BPA” ก็อาจมีสารกลุ่ม EDCs ชนิดอื่นปนอยู่ เช่น BPS (Bisphenol S) ซึ่งก็เป็นอันตรายต่อร่างกายเช่นกัน
- หลีกเลี่ยงการใช้ขวดพลาสติกแบบบาง พอลิเมอร์สำหรับผลิตพลาสติกที่ผสม EDCs มักใช้ในการผลิตขวดบรรจุน้ำดื่มและน้ำอัดลม เราจึงควรดื่มน้ำหรือน้ำอัดลมจากแก้ว หรือจากขวดพลาสติกแบบแข็ง แทนขวดพลาสติกแบบอ่อน เพื่อลดการสัมผัสกับสารเคมีเหล่านี้
นอกจากนี้ ยังควรหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำจากขวดพลาสติกแบบใช้แล้วทิ้ง ซึ่งวางไว้ในอุณหภูมิสูง เนื่องจาก EDCs ในพลาสติกอาจละลายเข้ามาอยู่ในน้ำดื่มได้
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบเสร็จรับเงิน พื้นผิวเรียบลื่นบนใบเสร็จรับเงินตามห้างสรรพสินค้ามักมี BPA ผสมอยู่ เราจึงควรหลีกเลี่ยงการหยิบจับใบเสร็จดังกล่าว (โดยเฉพาะกับนิ้วมือที่เปียก) และโยนกระดาษแผ่นนั้นใส่กระเป๋าสตางค์หรือเก็บไว้ในจุดที่สัมผัสได้ยาก
- ทำอากาศในบ้านให้สดชื่น ผลิตภัณฑ์ดับกลิ่น ควัน สารเคมีแรงๆ สเปรย์ฉีดแมลง น้ำหอม กลิ่นพลาสติก และสารระเหย รวมถึงฝุ่นละอองจากเครื่องเรือนในบ้าน ล้วนมี EDCs ปะปนอยู่ในปริมาณที่เป็นอันตรายได้ เมื่อใดที่คุณได้กลิ่นของสารต่างๆ นั่นหมายถึงคุณได้รับมันเข้าสู่ร่างกายแล้ว วิธีที่ดีที่สุดคือให้เปิดบ้านให้โล่งเพื่อระบายอากาศบ่อยๆ จะช่วยป้องกันไม่ให้หายใจเอาสารเคมีเข้าสู่ร่างกายมากเกินไป
- เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนส่วนใหญ่ที่มักผสม EDCs ได้แก่ น้ำยาทำความสะอาด น้ำยาล้างมือ ผลิตภัณฑ์ซักผ้า รวมถึงน้ำยาทำความสะอาดพรม นอกเหนือจากนี้ EDCs ยังพบได้ในกาว สีทาบ้าน และน้ำยาเคลือบเงาด้วย ดังนั้น หากต้องการลดการสัมผัสกับ EDCs ให้ลองเปลี่ยนมาใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์หลายชนิดที่วางจำหน่ายในร้านค้าและห้างสรรพค้าทั่วไป
ส่วนใครที่ทำการเกษตร ก็ควรหลีกเลี่ยงยาฆ่าแมลงและสารกำจัดศัตรูพืชที่เป็นอันตราย และหากเป็นไปได้ควรใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทดแทน
- เปลี่ยนผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม ผิวพรรณ และเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลเส้นผมและผิว อย่างแชมพู ครีมนวดผม น้ำยาย้อมสีผม ครีมอาบน้ำ และเครื่องสำอางหลายชนิด ล้วนมี EDCs ผสมอยู่ ชนิดที่เรารู้จักกันดี ได้แก่ พาราเบน (Parabens) การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากพาราเบน จะช่วยลดการรับสารเคมีอันตรายเข้าสู่ร่างกายได้
ในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ปราศจากพาราเบนวางจำหน่ายมากขึ้นในท้องตลาด ซึ่งมักระบุในฉลากชัดเจนว่า “Paraben free”
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมง่ายๆ ตามที่กล่าวมานี้ อาจช่วยลดการสัมผัสกับสารเคมีกลุ่ม EDCs ในชีวิตประจำวันได้อย่างมหาศาล การรู้ว่าสารเคมีอันตรายพบได้ที่ไหน และจะหลีกเลี่ยงมันได้อย่างไรบ้าง นับเป็นก้าวเล็กๆ ก้าวแรกที่จะนำเราไปสู่สุขภาพที่ดีขึ้น และโอกาสในการมีลูกที่มากขึ้นด้วย