แผน 504 นั้นแตกต่างจาก IEP อย่างไร ?

ทั้ง 2 อย่างนั้นถูกออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือเด็กที่มีความบกพร่อง
เผยแพร่ครั้งแรก 22 ก.ค. 2017 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 1 นาที
แผน 504 นั้นแตกต่างจาก IEP อย่างไร ?

ทั้งแผน 504 และแผนการเรียนแบบส่วนบุคคล (IEP) นั้นต่างก็มีส่วนในการเรียนแบบพิเศษ แต่คุณรู้หรือไม่ว่าทั้ง 2 อย่างนี้แตกต่างกัน ? ลองค้นหาความแตกต่างและความเหมือนของทั้ง 2 แผนจากบทความต่อไปนี้ 

แผน 504 vs IEP 

แผน 504 นั้นหมายถึงมาตรา 504 ของกฎหมาย Rehabilitation Act ปี 1973 เป็นความพยายามที่จะกำจัดอุปสรรคและทำให้เด็กที่มีความผิดปกติสามารถเข้าร่วมชั้นเรียนในโรงเรียนประถมศึกษาและมัธยมศึกษาให้มากขึ้น 

มาตรการนี้ทำให้เด็กกลุ่มนี้ได้รับโอกาสเช่นเดียวกับเด็กคนอื่น ๆ มีจุดประสงค์เพื่อที่จะทำให้มั่นใจว่าเด็กที่มีความบกพร่องสามารถได้รับความช่วยเหลือต่าง ๆ ที่จะทำให้พวกเขาเข้าเรียนได้เหมือนเด็กนักเรียนทั่วไป 

กฎหมายนี้ระบุไว้ว่า “ผู้ที่มีความบกพร่องในสหรัฐอเมริกาทุกคนไม่ควรถูกกีดกันจากการเข้าร่วมกิจกรรมใด ๆ หรือไม่ได้รับประโยชน์ หรือถูกเหยียดหยามจากกิจกรรมที่จัดขึ้นโดยความช่วยเหลือของรัฐ” 

มาตรการนี้ทำให้โรงเรียนรัฐบาลจัดการศึกษาฟรีแก่เด็กที่มีความผิดปกติไม่ว่าความผิดปกตินั้นจะรุนแรงหรือมีการของโรคอย่างไร 

นอกจากนั้นการศึกษาที่เหมาะสมยังหมายถึงการศึกษาในชั้นเรียนปกติ ไม่ใช่ชั้นเรียนเสริม หรือชั้นเรียนปกติที่มีการศึกษาแบบพิเศษ 

IEP ช่วยเด็กนักเรียนได้อย่างไร ? 

ในทางกลับกัน IEP ซึ่งอยู่ภายใต้กฎหมายที่ว่าด้วยการศึกษาของบุคคลที่มีความบกพร่องนั้นเน้นไปที่การให้การศึกษามากกว่า เด็กที่ได้รับการศึกษาในกลุ่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของเด็กที่มีความผิดปกติทั้งหมด 

พวกเขามักต้องการความช่วยเหลืออย่างชัดเจนและต้องการเวลาในการเรียนรู้ตามแบบฉบับของตนเอง 

กฎหมายของรัฐได้ระบุให้โรงเรียนทำเอกสารเกี่ยวกับการประเมินความสามารถทางวิชาการของเด็กที่ต้องการ IEP 

มีความผิดปกติบางประเภทเท่านั้นที่เข้าได้กับโครงการนี้และเด็กที่ไม่เข้าข่ายแต่ยังต้องการความช่วยเหลือเพื่อให้เรียนได้ตามปกติจะอยู่ใต้มาตรการ 504 แผนการนี้จะระบุว่าโรงเรียนจะช่วยเหลือให้เด็กเข้าถึงการเรียนและการบริการได้ 

แผน 504 และ IEP นั้นจะต้องมีการประเมินทุกปีเพื่อให้มั่นใจว่าเด็กนักเรียนจะได้รับความช่วยเหลือที่เหมาะสม เนื่องจากความผิดปกติที่พวกเขามีอาจเปลี่ยนแปลงได้ในแต่ละปี 

เด็กที่มีความบกพร่องทางกายหรือทางการเรียนรู้อาจสามารถจัดการกับภาวะของตนเองได้ดีขึ้นในอนาคต ทำให้ต้องการความช่วยเหลือลดลง ในขณะที่บางคน ความผิดปกตินั้นอาจรุนแรงขึ้นและต้องการความช่วยเหลือมากขึ้นทั้งในและนอกห้องเรียน 

อย่างไรก็ตาม กฎหมายเหล่านี้มีจุดประสงค์เพื่อไม่ให้เด็กกลุ่มนี้ถูกทิ้งไว้ข้างหลังเพียงลำพัง


1 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
504 Education Plans (for Parents). Nemours KidsHealth. (https://kidshealth.org/en/parents/504-plans.html)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)