หากคุณกำลังติดตามน้ำหนักของลูกหรือพยายามช่วยให้เขาลดน้ำหนัก คุณอาจสงสัยว่ามีเครื่องมืออะไรบ้างที่ใช้ได้อีกนอกจากการวัดดัชนีมวลกาย (BMI)
เนื่องจาก BMI ไม่ได้คำนวณไขมันในร่างกายโดยตรง และไม่ได้วัดน้ำหนักตัวที่ปราศจากไขมันเพียงอย่างเดียว โดยเพียงแค่เทียบน้ำหนักกับความสูงของลูกเท่านั้น คุณอาจอยากพิจารณาเทคนิคอื่น ๆ เนื่องจากตระหนักว่าปริมาณไขมันในร่างกายและน้ำหนักตัวที่ปราศจากไขมันของเด็ก มีผลต่อสุขภาพของเด็กในปัจจุบัน และความเสี่ยงทางสุขภาพในอนาคตได้ แต่เทคนิคที่ใช้อยู่ในผู้ใหญ่นั้นคงไม่เหมาะสมกับเด็กเสมอไป มาดูทางเลือกเหล่านี้กัน
วิธีที่ไม่ซับซ้อน
วัดรอบเอว
เพื่อดูว่าลูกผอมลงหรือไม่ โดยเฉพาะหากเขาสูงขึ้นด้วย การวัดด้วยสายวัดสามารถช่วยได้ คุณอาจใช้วัดเส้นรอบเอวของลูก (ส่วนที่แคบที่สุดระหว่างซี่โครงซี่สุดท้ายและส่วนบนสุดของกระดูกสะโพก) จากการศึกษาในเด็ก 201 คนที่มีอายุระหว่าง 7-17 ปี นักวิจัยที่มหาวิทยาลัยซินซินนาติพบว่า เส้นรอบเอวมีความสัมพันธ์มากที่สุดกับการกระจายของไขมันในร่างกาย ดังนั้น จึงเป็นวิธีที่ง่ายและดีที่สุดในการวัดการกระจายของไขมัน
ความหนาของชั้้นผิวหนัง
การใช้ calipers เพื่อวัดความหนาของชั้นผิวหนังที่ตำแหน่งต่าง ๆ ในร่างกาย เป็นเทคนิคที่ใช้ประเมินความอ้วนโดยสัมพัทธ์ เช่นเดียวกับการกระจายตัวของไขมันทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ แม้เทคนิคนี้สามารถใช้ประเมินความเปลี่ยนแปลงในเด็ก แต่ยังคงต้องพัฒนาข้อมูลอ้างอิงที่ใช้ได้เพื่อเปรียบเทียบเด็กกับมาตรฐาน อีกข้อจำกัดหนึ่งคือ ไม่สามารถใช้ประเมินน้ำหนักที่ปราศจากไขมันได้
Bioelectric impedance analysis (BIA)
เทคนิคนี้ใช้ขั้วไฟฟ้า (electrode) วางที่ข้อมือและข้อเท้า และปล่อยให้กระแสไฟฟ้าจำนวนน้อย ๆ ไหลผ่านร่างกายเพื่อดูว่ามีความต้านทานมากเท่าไร ยิ่งมีไขมันในร่างกายมาก กระแสไฟฟ้าก็ยิ่งผ่านไปได้ยาก ในอดีต ความแม่นยำของเครื่อง BIA นั้นต่ำ โดยค่าอาจเบี่ยงเบนได้จากการคั่งของน้ำ อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีนี้กำลังพัฒนาไปมากขึ้น
วิธีที่ใช้เทคโนโลยีระดับสูง
Dual energy x-ray absorptiometry (DXA)
แม้ว่า DXA ซึ่งใช้ x-ray ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อใช้วัดมวลกระดูกในผู้ใหญ่ที่มีความเสี่ยงต่อภาวะกระดูกพรุน แต่ก็สามารถใช้วัดปริมาณไขมันในร่างกายและมวลร่างกายที่ปราศจากไขมันในเด็กที่อายุน้อยถึงสี่ปีได้เช่นกัน นี่อาจเป็นประโยชน์ในการวัดว่าน้ำหนักที่ลดลงมีการเปลี่ยนแปลงของมวลกายที่ปราศจากไขมันด้วยหรือไม่ การศึกษาในปี 2013 ที่อังกฤษพบว่า DXA เป็นวิธีที่มีความแม่นยำมากที่สุดในการประเมินปริมาณไขมันและมวลกายที่ปราศจากไขมันเมื่อเทียบกับเทคนิคอื่น ๆ ที่ได้กล่าวไปแล้ว
Plethysmography
เทคนิคนี้ เด็กจะนั่งในห้องรูปไข่เป็นเวลา 5 นาที ในขณะที่มีอากาศเป่าอยู่เบา ๆ รอบตัว เพื่อวัดไขมันและมวลกายที่ปราศจากไขมัน ในการศึกษาเปรียบเทียบวิธีต่าง ๆ ในการวัดองค์ประกอบของร่างกายในเด็ก นักวิจัยที่สถาบันสุขภาพเด็กและพัฒนาการแห่งชาติพบว่าวิธีนี้วัดความเปลี่ยนแปลงของปริมาณไขมันในร่างกายเด็กได้ดีกว่าเมื่อเทียบกับ BIA หรือความหนาของชั้นผิวหนัง แต่ยังไม่ดีเท่า DXA
MRI
เทคนิคที่ใช้สนามแม่เหล็กและคลื่นวิทยุเพื่อสร้างภาพของเนื้อเยื่อและอวัยวะในร่างกาย ซึ่งดีกว่าเทคนิคอื่นในการประเมินองค์ประกอบของร่างกายเฉพาะส่วน โดยเฉพาะไขมันหน้าท้อง ข้อเสียคือราคาแพงมาก และไม่เหมาะสำหรับเด็กเล็กที่ต้องทำตามชุดคำสั่งที่ใช้ในการวัด (พวกเขาต้องอยู่นิ่งมาก ๆ ในขณะที่อยู่ในเครื่องที่มีลักษณะคล้ายท่อ)
สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคุณคืออภิปรายทางเลือกต่าง ๆ กับกุมารแพทย์ของลูก คุณจะพบว่าวิธีไหนที่เหมาะกับภาวะของลูกและความกังวลของคุณมากที่สุด และวิธีใดบ้างที่คลินิกใกล้บ้านคุณมีให้บริการ