ช่วงอายุมากกว่า 50 ปี เป็นช่วงวัยเข้าสู่วัยเกษียณ มักจะพบความทรุดโทรมและเสื่อมถอยของร่างกายอย่างเห็นได้ชัด เป็นช่วงการเปลี่ยนแปลงของร่างกายก่อนจะเข้าสู่ช่วงปลายของชีวิตหรือวัยผู้สูงอายุ
การตรวจสุภาพเป็นประจำจะช่วยประเมินโรคภัยไข้เจ็บ รวมถึงความความผิดปกติต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น เพื่อแพทย์จะสามารถได้ทำการรักษาได้แต่เนิ่นๆ ทันท่วงที
โปรแกรมตรวจสุขภาพวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 99 บาท ลดสูงสุด 96%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ความสำคัญของการตรวจสุขภาพของอายุมากกว่า 50 ปี ทั้งชายและหญิง
ช่วงอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป เป็นช่วงวัยผู้ใหญ่ตอนปลาย หรือเรียกได้ว่าเป็นช่วงเข้าสู่วัยเกษียณ
ส่วนใหญ่คนในช่วงวัยนี้จะประสบปัญหาด้านสุขภาพจากการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย เช่น ระบบการเผาผลาญ กล้ามเนื้อ กระดูก และระดับฮอร์โมน ที่เริ่มเสื่อมถอยและทรุดโทรมลงอย่างเห็นได้ชัด
หากไม่มีการดูแลตั้งแต่วัยหนุ่มสาว ก็จะยิ่งแลดูแก่เร็วมาก ปัญหาสุขภาพที่สำคัญของคนในช่วงอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไปทั้งชายและหญิง ได้แก่ โรคอ้วน เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด
ตรวจสุขภาพอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป ควรตรวจอะไรบ้าง?
รายการตรวจสุขภาพที่ครอบคลุมถึงปัจจัยเสี่ยงการเกิดโรคที่พบได้บ่อยในช่วงอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป ทั้งชายและหญิง ที่ควรได้รับการตรวจอย่างสม่ำเสมอ ได้แก่
1. การตรวจร่างกายโดยแพทย์
เป็นการซักถามและรวบรวมข้อมูลประวัติสุขภาพ เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลปัจจัยต่างๆ จากประวัติสุขภาพแล้วก็จะได้ดำเนินการตรวจร่างกาย รวมทั้งเลือกการส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการเฉพาะด้านเพื่อให้ได้ผลการตรวจที่มีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น
2. วัดความดันโลหิต
ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงกว่า 140/90 มิลลิเมตรปรอท ถือว่าสูงกว่าปกติ มีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจโต หัวใจวาย หลอดเลือดในสมองตีบตันหรือแตก ทำให้เป็นอัมพาตหรือเสียชีวิตได้
โปรแกรมตรวจสุขภาพวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 99 บาท ลดสูงสุด 96%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
3. ตรวจเอกซเรย์ปอดและหัวใจ (X-Ray)
เพื่อหาสิ่งผิดปกติในช่องทรวงอก เช่น ก้อนหรือจุดดำในปอด ที่สามารถบ่งชี้ถึงโรคต่างๆ ของปอดรวมถึงวัณโรค อีกทั้งสามารถดูขนาดของหัวใจได้
4. ตรวจเลือด
สามารถวิเคราะห์ความผิดปกติได้โดยเปรียบเทียบค่าที่ได้จากห้องแล็บกับค่ามาตรฐาน ถ้าสูงหรือต่ำกว่ามาตรฐาน เป็นภาวะเสี่ยงต่อการเจ็บป่วย โดยการตรวจเลือดยังครอบคลุมถึงสิ่งต่างๆ เหล่านี้
- ความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (CBC) เพื่อหาความผิดปกติของส่วนประกอบของเลือด ได้แก่ เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว เกล็ดเลือด ประเมินความเข้มข้นของเลือด
- ระดับน้ำตาลในเลือด (FPG) และระดับน้ำตาลเฉลี่ยสะสมในเลือด (HbA1c) เพื่อประเมินความเสี่ยง และคัดกรองโรคเบาหวาน
- ระดับไขมันในเลือด ได้แก่ คอเลสเตอรอล ไขมันความหนาแน่นสูง (HDL) ไขมันความหนาแน่นต่ำ (LDL) และไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือด เพื่อประเมินความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง
- ระดับโฮโมซิสทีน (Homocysteine) เพื่อประเมินความเสี่ยงการตีบและอุดตันของหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดในสมอง ซึ่งอาจนำมาสู่โรคหลอดเลือดหัวใจตีบหรืออุดตัน สมองฝ่อหรือโรคอัลไซเมอร์ ปลายประสาทเสื่อม
- ปริมาณของกรดยูริกในเลือด (Uric acid) เพื่อช่วยในการวินิจฉัยโรคเกาต์ ติดตามการรักษาโรคเกาต์
- ตรวจสมรรถภาพของไต หากไตทำงานผิดปรกติจะมีของเสียคั่งค้างอยู่ในร่างกายมาก การวัดความสามารถในการขับของเสียไตสามารถตรวจพบได้ในเลือด จาก
- ค่า Blood Urea Nitrogen (BUN) เป็นตรวจระดับยูเรียไนโตรเจน ค่าของเสียจากการย่อยสลายโปรตีน เพื่อประเมินความสามารถในการขับของเสียของไต และความเสี่ยงโรคนิ่ว
- ค่า Creatinine เป็นของเสียที่เกิดขึ้นจากกล้ามเนื้อ และความเสี่ยงโรคไต
- ตรวจการทำงานของตับ (ALT) เป็นการตรวจดูความผิดปกติของตับ โดยตรวจหาเอ็นไซม์และสารต่างๆ ในเลือดเพื่อหาภาวะตับอักเสบ ตับเสื่อมสภาพ ภาวะดีซ่าน รวมถึงสามารถบ่งชี้ถึงการบาดเจ็บหรืออักเสบของอวัยวะอันเนื่องมาจากการทานยาบางชนิด
- ตรวจการทำงานของต่อมไทรอยด์ เป็นการตรวจการทำงานของต่อมไทรอยด์จากระดับฮอร์โมนในเลือด เช่น TSH และ Free T4
- ตรวจสารบ่งชี้มะเร็ง ได้แก่ การตรวจสารบ่งชี้มะเร็งทางเดินอาหาร (CEA) การตรวจสารบ่งชี้มะเร็งตับ (AFP) ในเพศหญิงและชาย และตรวจสารบ่งชี้มะเร็งต่อมลูกหมาก (PSA) ในเพศชายทุกช่วงวัย
- ตรวจปัสสาวะ ช่วยในการหาความผิดปรกติของระบบไตและทางเดินปัสสาวะเบื้องต้น รวมถึงโรคอื่นๆ ที่อาจมีความเกี่ยวข้องกับระบบทางเดินปัสสาวะเช่น โรคเบาหวาน
- ตรวจอุจจาระ ช่วยในการวินิจฉัยโรคในระบบทางเดินอาหารเบื้องต้น เช่น ภาวะการอักเสบติดเชื้อในลำไส้ พยาธิ รวมถึงตรวจหาภาวะเลือดปนในอุจจาระซึ่งอาจเกิดจากแผลในกระเพาะอาหารหรือลำไส้ ริดสีดวงทวาร มะเร็งทางเดินอาหาร
- ตรวจลำไส้ใหญ่ โดยใช้กล้องเพื่อสแกนลำไส้ใหญ่ตรวจหาติ่งมะเร็ง ควรได้รับการส่องกล้องตรวจทุกๆ 10 ปี และควรทำให้บ่อยขึ้น หากพบติ่งเนื้อหรือคนในครอบครัวมีประวัติเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่
- ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) เป็นการประเมินการทำงานของหัวใจในขณะพัก เพื่อดูความผิดปกติเช่นภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ การนำไฟฟ้าที่ผิดปกติของกล้ามเนื้อหัวใจ หรือภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
- ตรวจอัลตราซาวด์ช่องท้อง เพื่อตรวจหาความผิดปกติของอวัยวะสำคัญภายในช่องท้องเช่น ตับ ไต ตับอ่อน ม้าม เส้นเลือดใหญ่ภายในช่องท้อง รวมถึงมดลูกและรังไข่ในเพศหญิงและต่อมลูกหมากในเพศชาย
- ตรวจสุขภาพตา เพื่อตรวจวัดความสามารถในการมองเห็นและความดันลูกตา และค้นหาความเสี่ยงต่อภาวะต้อหิน หรือต้อกระจก
- ตรวจสุขภาพฟัน เพื่อตรวจสุขภาพฟัน เหงือก และช่องปาก รวมถึงตรวจหาสัญญาณการเกิดโรคและปัญหาต่างๆ ภายในช่องปาก อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
- ทดสอบการได้ยิน การสูญเสียการได้ยินมักเป็นส่วนหนึ่งของความชรา ควรเข้ารับการตรวจสอบทางการได้ยินปีละ 1 ครั้ง หรือ 2 ปีครั้ง
- ตรวจกระดูก ทั้งเพศชายและเพศหญิงมีเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุน โดยเฉพาะเพศหญิงซึ่งมีความเสี่ยงมาก เนื่องจากสูญเสียมวลกระดูกมากหลังจากหมดประจำเดือน
เตรียมตัวก่อนตรวจสุขภาพอย่างไรบ้าง?
สำหรับผู้ที่ต้องการตรวจสุขภาพควรเตรียมตัวให้พร้อมก่อนวันตรวจสุขภาพเพื่อจะได้ผลการตรวจที่แม่นยำที่สุด โดยเตรียมตัว ดังนี้
- ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง ก่อนรับการตรวจสุขภาพ
- งดอาหารและเครื่องดื่ม อย่างน้อย 8-10 ชั่วโมงก่อนตรวจ (สามารถจิบน้ำเปล่าได้เล็กน้อย)
- หลีกเลี่ยงการรับประทานของหวานหรือดื่มน้ำหวานก่อนการเข้าตรวจสุขภาพ เพราะอาจส่งผลให้มีปริมาณในน้ำตาลปนในปัสสาวะสูงกว่าปกติ
- กรณีการตรวจปัสสาวะ-อุจจาระ ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานเนื้อสัตว์ หรือผลิตภัณฑ์จากเลือดสัตว์ และวิตามินซี อย่างน้อย 3 วัน และควรเก็บปัสสาวะ-อุจจาระตอนเช้าก่อนเข้าตรวจสุขภาพ
- งดดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 24 ชั่วโมง ก่อนตรวจสุขภาพ
- ควรไปถึงโรงพยาบาลในช่วงเช้าเพื่อไม่ให้ร่างกายอิดโรยเกินไป เนื่องจากงดน้ำและอาหารมาหลายชั่วโมงแล้ว
- หากมีโรคประจำตัวหรือประวัติสุขภาพด้านอื่นๆ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบเพื่อประกอบการวินิจฉัย
- ควรสวมเสื้อผ้าที่สะดวกต่อการเจาะเลือดที่ข้อพับและแขน
- ควรงดใส่เครื่องประดับที่เป็นโลหะ ผู้หญิงงดใส่ชุดชั้นในที่เป็นโครงเหล็ก
ค่าใช้จ่ายการตรวจสุขภาพราคาเท่าไร?
ค่าใช้จ่ายในการตรวจสุขภาพของผู้ที่อายุมากกว่า 50 ปี ทั้งชายและหญิง ขึ้นอยู่กับโปรแกรมหรือแพ็กเกจที่เลือกที่ตรวจ และยังขึ้นกับสถานพยาบาลที่เลือกว่าเป็นของรัฐบาลหรือเอกชน
โดยมักมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นประมาณ 4,000 บาทขึ้นไป จนถึง 17,000 บาท โดยประมาณ
ดูแพ็กเกจตรวจสุขภาพ เปรียบเทียบราคา โปรโมชั่นล่าสุดจากโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำได้ที่นี่ หรือไม่พลาดทุกการอัปเดตแพ็กเกจเหล่านี้ เมื่อกดเป็นเพื่อนทางไลน์ @hdcoth และกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android