องค์การอนามัยโลกได้กล่าวว่าโรคอ้วนในเด็กนั้นกลายเป็นหนึ่งในปัญหาทางสาธารณสุขที่น่ากังวลที่สุดของศตวรรษที่ 21 และจะยังคงเป็นปัญหาเช่นนี้ไปอีกระยะหนึ่ง ในช่วงระหว่างปี 1990-2012 นั้น จำนวนเด็กทารกและเด็ก (จนถึงอายุ 5 ขวบ) ที่มีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วนนั้นเพิ่มขึ้นทั่วโลกจาก 31 ล้านคนเป็น 44 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้นมากถึง 42% ในระยะเวลาเพียงแค่ 2 ศตวรรษ และหากยังคงเพิ่มขึ้นในอัตราเท่านี้จะทำให้มีจำนวนเด็กอายุน้อยกว่า 5 ขวบที่เป็นโรคอ้วนถึง 70 ล้านคนในปี 2025
มุมมองของปัญหา
ปัญหานี้ไม่ได้เป็นปัญหาเฉพาะประเทศที่ร่ำรวยเท่านั้น แต่ภาวะอ้วนในเด็กยังสามารถพบได้ในประเทศที่มีรายได้ต่ำและรายได้ปานกลางในหลายประเทศโดยเฉพาะในเขตเมือง ในความเป็นจริงแล้วอัตราการเพิ่มของผู้ป่วยในประเทศกำลังพัฒนานั้นมีมากกว่าประเทศที่พัฒนาแล้วถึง 30%
ในส่วนของผู้ใหญ่นั้น อัตราการเป็นโรคอ้วนโดยรวมก็สูงกว่าของเด็กในหลายประเทศยกเว้นออสเตรเลีย อ้างอิงจากนักวิจัยของ University of North Carolina at Chapel Hill แต่อัตราการเพิ่มขึ้นของเด็กที่มีน้ำหนักเกินนั้นเพิ่มขึ้นเร็วกว่าผู้ใหญ่ในประเทศบราซิล จีน สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย นั่นหมายความว่าความแตกต่างระหว่างจำนวนผู้ป่วยโรคอ้วนของผู้ใหญ่และเด็กกำลังแคบลงในประเทศดังกล่าว
ตัวอย่างเช่น ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา อัตราการพบผู้ป่วยโรคอ้วนในสหรัฐอเมริกานั้นเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า ในปัจจุบัน 1 ใน 3 ของเด็ก ๆ นั้นมีน้ำหนักเกิน และมีเด็กถึง 1 ใน 6 ที่เป็นโรคอ้วน ในยุโรปนั้นพบว่าสเปนเป็นประเทศที่มีจำนวนเด็กเป็นโรคอ้วนในช่วงก่อนวัยเรียนสูงที่สุด และโรมาเนียเป็นประเทศที่มีจำนวนน้อยที่สุด โดยรวมนั้นพบว่าเด็กวัยเรียน 24% อายุระหว่าง 6-9 ปีในยุโรปนั้นมีน้ำหนักเกิน และในประเทศไซปรัส กรีซ สเปน และอังกฤษมีเด็กที่เป็นโรคอ้วนในช่วงอายุ 10-18 ปีสูงที่สุด อ้างอิงจากรายงานของ Harvard School of Public Health
แม้แต่ในแอฟริกาเองก็ตาม ถึงแม้ว่าจะมีปัญหาเรื่องความหิวโหย เด็กน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์และภาวะทุพโภชนาการเป็นปัญหาหลักในเด็ก แต่ก็ยังมีอัตราการเกิดโรคอ้วนที่เพิ่มขึ้น และในเอเชีย (ยกเว้นญี่ปุ่น) ก็มีอัตราการเพิ่มขึ้นของเด็กที่มีน้ำหนักเกินเกณฑ์ถึง 53% ในเด็กก่อนวัยเรียนระหว่างปี 1990-2010
สาเหตุของปัญหา
องค์การอนามัยโลกได้กล่าวว่าปัจจัยร่วมที่อยู่เบื้องหลังของการเพิ่มขึ้นของเด็กที่เป็นโรคอ้วนนั้นมาจากการรับประทานอาหารที่ให้พลังงานสูง “ซึ่งอุดมไปด้วยไขมันและน้ำตาลแต่มีวิตามินและแร่ธาตุต่ำ” มากขึ้น และการมีกิจกรรมทางกายที่ลดลง ปัจจุบันยิ่งมีการโฆษณาอาหารและเครื่องดื่มที่ให้พลังงานสูงต่อเด็กในหลายพื้นที่ของโลก และวิถีชีวิตยุคดิจิทัลของเราก็ทำให้เด็กมีแนวโน้มที่จะมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางกายและการเล่นที่จะช่วยให้มีสุขภาพดีลดลง โชคร้ายที่ในปัจจุบันยังไม่มีหนทางแก้ไขปัจจัยเหล่านี้ได้ง่าย ๆ
แต่ละประเทศต่างก็มีมาตรการในการจัดการกับปัญหาโรคอ้วนในเด็กตามวัฒนธรรมของตน ในขณะเดียวกัน องค์การอนามัยโลกก็ได้จัดตั้ง Commission on Ending Childhood Obesity โดยมีเป้าหมายเพื่อรวบรวมคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลกและให้คำแนะนำเกี่ยวกับการแก้ปัญหานี้ เนื่องจากปัญหานี้มีหลายด้าน ดังนั้นทางออกก็ต้องมีหลายด้านเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมทั้งผู้เชี่ยวชาญทางด้านสุขภาพ นักวิทยาศาสตร์ นักเศรษฐศาสตร์ และผู้เชี่ยวชาญทางด้านอื่นจึงต้องร่วมกันให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้
หากผู้เชี่ยวชาญไม่สามารถหาวิธีแก้ไขแนวโน้มที่กำลังเกิดขึ้นได้ก็จะทำให้ยิ่งเกิดปัญหาตามมา เนื่องจากโรคอ้วนในเด็กนั้นจะทำให้เกิดผลกระทบทางกายที่ไม่ต้องการและปัญหาทางใจตามมาด้วยเช่นกัน นอกจากนั้นเด็กที่อ้วนอาจจะกลายเป็นผู้ใหญ่ที่อ้วนด้วยเช่นกัน ซึ่งทำให้พวกเขากลายเป็นแหล่งรวมปัญหาทางสุขภาพและทำให้มีคุณภาพชีวิตแย่ลงเมื่อพวกเขามีอายุมากขึ้น ซึ่งนั่นคงเป็นเรื่องที่น่าเศร้าสำหรับคนรุ่นถัดไปทั่วโลก