เสริมหน้าผาก นวัตกรรมความงามที่เริ่มเป็นที่นิยม ช่วยปรับโครงหน้าให้เข้ารูป แลดูมีมิติมากขึ้น โดยการเสริมหน้าผากมีหลากหลายรูปแบบ แต่ละรูปแบบต่างกันอย่างไร ต้องเตรียมตัวอย่างไร ราคาเท่าไร HonestDocs มีคำตอบ
เสริมหน้าผากคืออะไร?
การเสริมหน้าผาก คือนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ช่วยแก้ปัญหาหน้าผากไม่ได้รูป เช่น ผู้ที่มีปัญหาหน้าผากสั้น หน้าผากแบน หน้าผากบุ๋มหรือยุบจากอุบัติเหตุต่างๆ โดยจะช่วยปรับแต่งโครงหน้าบริเวณหน้าผากให้สอดรับกับใบหน้าส่วนอื่นๆ มากยิ่งขึ้น
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
การเสริมหน้าผากมีกี่รูปแบบ?
การเสริมหน้าผากมี 2 รูปแบบหลักๆ คือ การเสริมด้วยซิลิโคนและการเสริมด้วยการฉีดไขมัน ซึ่งแต่ละรูปแบบก็มีขั้นตอน และข้อดี ข้อเสียแตกต่างกัน ดังนี้
การเสริมหน้าผากด้วยซิลิโคน
การเสริมหน้าผากด้วยซิลิโคน คือการใช้ซิลิโคนที่ปรับแต่งรูปทรงให้สอดรับกับใบหน้าสอดเข้าไปที่แนวเส้นผมบริเวณหน้าผาก เพื่อปรับหน้าผากให้ได้รูปทรงตามต้องการ มีรายละเอียดดังนี้
การเตรียมตัวก่อนการเสริมหน้าผากด้วยซิลิโคน
การเสริมหน้าผากด้วยซิลิโคนนับเป็นการผ่าตัดศัลยกรรมที่จำเป็นต้องมีการดมยาสลบและกรีดเปิดปากแผล ผู้เข้ารับการผ่าตัดจึงต้องมีการเตรียมตัวให้พร้อม เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ดังนี้
- ตรวจร่างกายโดยละเอียด พร้อมแจ้งข้อมูลหากมีโรคประจำตัวใดๆ โดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยงต่อระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น โรคเอดส์ เบาหวาน โรคไต จะทำให้เสี่ยงต่อการเกิดปัญหาเรื่องแผลหายยากและการติดเชื้อ
- งดรับประทานยาที่ทำให้เลือดออกมาก เช่น ยาละลายลิ่มเลือด แอสไพริน วิตามิน E วิตามิน B 12 เป็นเวลา 2-3 วัน
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่ อย่างน้อย 4 สัปดาห์ ทั้งก่อนและหลังผ่าตัด เพราะสารเคมีที่อยู่ในบุหรี่และแอลกอฮอล์จะทำลายเซลล์ที่ช่วยซ่อมแซมบาดแผล และมีผลทำให้เลือดมาหล่อเลี้ยงบริเวณแผลลดลง ผิวหนังบริเวณที่ผ่าตัดอาจขาดเลือด ส่งผลให้หายช้าและเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
- งดอาหาร เป็นเวลา 4-6 ชั่วโมงก่อนการการผ่าตัด เพื่อป้องกันการสำลัก
ขั้นตอนการเสริมหน้าผากด้วยซิลิโคน
หลังจากแพทย์ตรวจร่างกายโดยละเอียดแล้ว จะประเมินว่าควรเสริมหน้าผากด้วยซิลิโคนขนาดใด พร้อมปรับแต่งรูปทรงซิลิโคนให้สอดรับกับใบหน้า เมื่อได้รูปทรงที่ต้องการแล้ว แพทย์จะกรีดผิวหนังบริเวณไรผม 1-2 เซนติเมตรเพื่อเปิดเลาะหนังศีรษะจนถึงโหนกคิ้ว แล้วใส่ซิลิโคนเสริมลงไปให้ครอบคลุมหน้าผาก เย็บปิดแผล โดยจะใช้เวลาผ่าตัดทั้งสิ้นประมาณ 1 ชั่วโมง
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
การดูแลตัวเองหลังการเสริมหน้าผากด้วยซิลิโคน
เนื่องจากการเสริมหน้าผากด้วยซิลิโคนมีการกรีดเพื่อเปิดปากแผล ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการบวม ติดเชื้อบริเวณแผลผ่าตัด หรือเกิดการเคลื่อนตัวของซิลิโคนได้ จึงต้องมีการดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัด ดังนี้
- นอนหมอนสูงอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์หลังการผ่าตัด จะช่วยให้แผลยุบเร็วขึ้น
- หากรู้สึกปวดแผล ควรใช้น้ำแข็งประคบหรือรับประทานยาแก้ปวดตามอาการ
- งดออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมหนักประมาณ 3-4 สัปดาห์หลังการผ่าตัด เพื่อป้องกันการกระทบกระเทือน
- รับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
- พบแพทย์ตามใบนัดเพื่อติดตามอาการ และหากเกิดความผิดปกติใดๆ ควรแจ้งแพทย์ทันที
- แผลผ่าตัดและอาการบวมจะหายสนิทในระยะเวลาประมาณ 3 เดือนขึ้นไป
ข้อดีของการเสริมหน้าผากด้วยซิลิโคน
การเสริมหน้าผากด้วยซิลิโคนมีข้อดีหลายประการ ดังนี้
- ซิลิโคนมีความคงทน อายุการใช้งานค่อนข้างยาวนาน (อายุการใช้งานขึ้นอยู่กับคุณภาพของซิลิโคน)
- ซิลิโคนคงรูป ไม่เคลื่อนที่ไปมา ทำให้ได้รูปทรงหน้าผากตามต้องการ
- สามารถปรับแต่งซิลิโคน เลือกความสูงได้ 3 ระดับคือ นูนน้อย นูนปานกลาง และนูนสูง ขึ้นอยู่กับรูปหน้าของแต่ละคน หากเป็นคนหน้าผากแบนมาก ศัลยแพทย์มักแนะนำให้ใช้ซิลิโคนนูนสูง
- หากผู้เข้ารับการผ่าตัดไม่พึงพอใจในรูปทรงหรือต้องการแก้ไขเพิ่มเติม สามารถผ่าตัดนำซิลิโคนออกได้
ข้อเสียของการเสริมหน้าผากด้วยซิลิโคน
แม้ว่าการเสริมหน้าผากด้วยซิลิโคนจะมาข้อดีหลายประการแต่ก็มีข้อจำกัดเช่นกัน ดังนี้
- ราคาสูงกว่าการเสริมหน้าผากด้วยการฉีดไขมัน
- จำเป็นต้องมีการผ่าตัด เปิดปากแผลบริเวณไรผมด้านบนหน้าผาก
- ระยะเวลาในการพักฟื้นนานกว่าการเสริมหน้าผากด้วยการฉีดไขมัน
วัสดุอื่นๆ ที่ใช้ทดแทนซิลิโคน
นอกจากซิลิโคนซึ่งเป็นที่นิยมสูงสุดในปัจจุบันแล้ว การผ่าตัดเสริมหน้าผากยังมีการใช้วัสดุอื่นๆ ด้วย ดังนี้
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
- PMMA เป็นวัสดุสังเคราะห์ชนิดหนึ่งทำมาจาก Bone Cement (วัสดุที่ใช้ทดแทนกระดูก ซ่อมแซมบริเวณที่กระดูกได้รับความเสียหาย) ข้อดีของ PMMA คือ ขึ้นรูปเป็นรูปแบบใดก็ได้ ไม่ระคายเคืองหรือเป็นอันตรายต่อร่างกาย ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ โดยแพทย์นิยมใช้เพื่อแก้ไขความผิดปกติของใบหน้าที่กระดูกบางส่วนหายไป โดยมักใช้ควบคู่กับการเอ็กเรย์สามมิติ จากนั้นจึงหล่อวัสดุให้ได้ขนาดและรูปทรงตามต้องการ จึงค่อยผ่าตัดเสริมวัสดุเข้าไป
- e-PTFE (Gore-Tex) คือวัสดุที่สังเคราะห์ขึ้นมาเพื่อใช้เป็นหลอดเลือดเทียม ต่อมามีการนำมาดัดแปลงเป็นวัสดุที่ใช้เสริมแทนซิลิโคน มีลักษณะนิ่ม ยืดหยุ่นสูง ปรับรูปทรงโค้งไปกับหน้าผากได้ดี ที่สำคัญคือมีรูพรุนจำนวนมาก ทำให้เนื้อเยื่อเกิดใหม่สามารถแทรกไปตามรูพรุนได้ ส่งผล e-PTFE อยู่ในตำแหน่งคงที่ ไม่เคลื่อนที่ไปมา
แม้ว่าการเสริมหน้าผากด้วยซิลิโคนจะไม่ใช่การผ่าตัดใหญ่ และใช้เวลาไม่นาน แต่จำเป็นต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีความชำนาญสูง เนื่องจากหลังจากเสริมหน้าผากแล้ว ขอบของซิลิโคนต้องราบไปกับผิว ไม่เช่นนั้นอาจจะเห็นขอบหรือคลำเจอขอบซิลิโคนได้
การเสริมหน้าผากด้วยการฉีดไขมัน
การเสริมหน้าผากด้วยการฉีดไขมัน คือการดูดไขมันมาจากส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย เช่น ต้นขา หน้าท้อง นำมาผ่านกระบวนการแยกเซลล์ของไขมันออกแล้วจึงจะนำไปฉีดเพื่อเสริมหน้าผากให้ได้รูป อวบอิ่มตามต้องการ โดยมีรายละเอียดดังนี้
การเตรียมตัวก่อนการเสริมหน้าผากด้วยการฉีดไขมัน
แม้ว่าการฉีดไขมันจะไม่จำเป็นต้องผ่าตัดเปิดปากแผล แต่ก็ต้องมีการเตรียมตัวเพื่อป้องกันความเสี่ยงหรืออาการแทรกซ้อนเช่นกัน ดังนี้
- ตรวจร่างกายโดยละเอียด พร้อมแจ้งข้อมูลหากมีโรคประจำตัวใดๆ เพื่อประกอบการวินิจฉัย
- งดรับประทานยาที่ทำให้เลือดออกมาก เช่น ยาละลายลิ่มเลือด แอสไพริน วิตามิน E วิตามิน B 12 เป็นเวลา 2-3 วัน
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่อย่างน้อย 4 สัปดาห์ ทั้งก่อนและหลังผ่าตัด
ขั้นตอนการเสริมหน้าผากด้วยการฉีดไขมัน
ปัจจุบันกระบวนการฉีดไขมันมีการพัฒนาเทคนิคให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้น แผลเล็กลง ฟื้นตัวเร็วขึ้น โดยมีขั้นตอนดังนี้
- แพทย์จะดูดไขมันส่วนเกินจากบริเวณส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น หน้าท้อง หรือต้นขา โดยใช้หัวดูดที่มีรูขนาดเล็ก ค่อยๆ ดูดไขมันออก เพื่อป้องกันไม่ให้เซลล์ไขมันเสียหาย โดยแผลจะมีขนาดเล็ก ไม่ต้องเย็บ เพียงแค่ใช้พลาสเตอร์ปิดไว้ก็เพียงพอ
- เมื่อได้ไขมันตามปริมาณที่ต้องการแล้ว จะทำการปั่นแยก โดยคัดเฉพาะเซลล์ไขมันที่มีคุณภาพสูงมาใช้งาน
- จากนั้นแพทย์จะใช้เข็มขนาดเล็กฉีดเซลล์ไขมันเข้าไปที่หน้าผากในปริมาณที่เหมาะสม ขั้นตอนนี้จำเป็นต้องอาศัยความเชี่ยวชาญ เพื่อให้ไขมันมีความเรียบเนียนเสมอกัน ไม่จับตัวเป็นก้อนหรือเป็นคลื่น
- ขั้นตอนทั้งหมดจะใช้เวลาประมาณ 1-1.30 ชั่วโมง
การดูแลตัวเองหลังการเสริมหน้าผากด้วยการฉีดไขมัน
หลังจากการเสริมหน้าผากด้วยการฉีดไขมันแล้ว สามารถกลับบ้านได้ทันที แต่จำเป็นต้องมีการดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด
- หากรู้สึกปวดควรใช้น้ำแข็งประคบหรือรับประทานยาแก้ปวดตามอาการ
- งดออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมหนักประมาณ 3-4 สัปดาห์หลังการฉีด เพื่อป้องกันการกระทบกระเทือน
- รับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
- พบแพทย์ตามใบนัดเพื่อติดตามอาการ และหากเกิดความผิดปกติใดๆ ควรแจ้งแพทย์ทันที
- อาการบวมช้ำต่างๆ จะหายไปในเวลาประมาณ 1-2 วัน
ข้อดีของการเสริมหน้าผากด้วยการฉีดไขมัน
การเสริมหน้าผากด้วยการฉีดไขมันนับเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน เนื่องจากมีข้อดีหลายประการ ดังนี้
- ราคาไม่สูงเท่ากับการผ่าตัดเสริมหน้าผาก
- มีส่วนช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินในส่วนหน้าท้อง หรือต้นขาได้
- ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องดมยาสลบ ไม่เกิดแผลเป็น
- อาการปวด บวม อักเสบค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับการผ่าตัดเสริมหน้าผากด้วยซิลิโคน
- ความเสี่ยงที่จะแพ้ต่ำมาก เพราะเป็นการใช้ไขมันของตนเองฉีดเข้าไป
- ระยะเวลาการพักฟื้นสั้น เพียง 1-2 วัน ก็สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
ข้อเสียของการเสริมหน้าผากด้วยการฉีดไขมัน
การเสริมหน้าผากด้วยการฉีดไขมัน แม้จะมีข้อดีหลายประการ แต่ก็มีข้อจำกัดเช่นกัน ดังนี้
- ไขมันที่ฉีดเข้าไปอาจเกิดการสลายตัวในภายหลัง ไม่คงทนถาวรเท่ากับการเสริมหน้าผากด้วยซิลิโคน
- หากแพทย์ไม่เชี่ยวชาญมากพอ อาจทำให้เกิดการเคลื่อนตัว เป็นก้อน หรือเป็นลอนคลื่นได้
- เนื่องจากไขมันเป็นของเหลว หลังฉีดไขมันอาจไม่ได้รูปทรงหน้าผากตามต้องการ 100%
ค่าใช้จ่ายในการเสริมหน้าผาก
ปัจจุบันหลายโรงพยาบาลหรือคลินิกต่างๆ มีการเสริมหน้าผากอย่างแพร่หลาย ซึ่งราคาก็แตกต่างกันออกไปตามค่าบริการทางการแพทย์และโรงพยาบาล โดยการเสริมหน้าผากด้วยซิลิโคนราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 40,000 บาท ขณะที่การเสริมหน้าผากด้วยการฉีดไขมัน เริ่มต้นที่ประมาณ 26,000 บาท