การปฐมพยาบาลเมื่อถูกสุนัขกัด

เมื่อถูกสุนัขกัด ต้องทำอย่างไร?
เผยแพร่ครั้งแรก 28 มี.ค. 2017 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 ตรวจสอบความถูกต้อง 8 ส.ค. 2019 เวลาอ่านประมาณ 3 นาที
การปฐมพยาบาลเมื่อถูกสุนัขกัด

เรื่องควรรู้

ขยาย

ปิด

  • การถูกสุนัขกัด ถึงแม้จะเป็นสุนัขเลี้ยงก็ตาม ก็ยังเสี่ยงเป็นอันตรายได้ โดยเฉพาะสุนัขที่มีแนวโน้มเป็นโรคพิษสุนัขบ้า เช่น วิ่งโซซัดโซเซ คอแข็ง น้ำลายฟูมปาก
  • เมื่อถูกสุนัขกัด อย่างแรกต้องตัดสติ และรีบปฐมพยาบาลให้ตนเองก่อน โดยให้ล้างแผลด้วยน้ำสะอาดกับสบู่อ่อนๆ จากนั้นทายาฆ่าเชื้อรอบๆ แผล แต่ถ้าแผลเหวอะหวะ ไม่ต้องเย็บแผลเอง ให้ปิดแผลด้วยผ้าก๊อซแล้วไปพบแพทย์
  • นอกจากสุนัขที่มีอาการคล้ายเป็นโรคพิษสุนัขบ้า คุณต้องสังเกตว่า สุนัขที่กัดมีความเสี่ยงอื่นๆ ที่จะติดเชื้อโรคนี้หรือไม่ เช่น ไม่ได้รับวัคซีนพิษสุนัขบ้าอย่างต่อเนื่อง สุนัขตายภายใน 10 วัน เป็นสุนัขจรจัด ผู้ถูกกัดมีไข้ขึ้น
  • หากสุนัขที่กัดหายตัวไป ผู้ถูกกัดจะต้องรีบไปรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้ากับแพทย์ทันที
  • คุณควรเข้ารับวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนขบ้าไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ รวมถึงวัคซีนป้องกันบาดทะยักเพื่อป้องกันการติดเชื้อจากบาดแผลที่ถูกสุนัขกัดในอนาคต และจะต้องฉีดให้ครบตามแพทย์นัด (ดูแพ็กเกจฉีดวัคซีนป้องพิษสุนัขบ้าได้ที่นี่)

ปกติแล้วสุนัขจะไม่กัดคน ยกเว้นกรณีที่คนรุกล้ำถิ่นของมัน (บ้านเจ้าของ) หรือเดินเข้าใกล้มันเกินไปในขณะกำลังกินอาหาร จะทำร้าย หรือแหย่มันเล่น หรือเป็นสุนัขแม่ลูกอ่อน การกระทำเหล่านี้จึงมีโอกาสถูกสุนัขกัด 

แต่ในกรณีสุนัขบ้าจะมีอาการบ่งชี้ที่เห็นได้ชัด เช่น วิ่งโซซัดโซเซ ตาขวาง คอแข็ง น้ำลายฟูมปาก และมักวิ่งกัดคนทุกคนที่มันพบ ผู้ที่ป่วยเป็นโรคพิษสุนัขบ้าจะมีโอกาสเสียชีวิตสูงมาก ดังนั้นการปฐมพยาบาลและการให้คำแนะนำแก่ผู้ถูกสุนัขกัดจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้าวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 582 บาท ลดสูงสุด 53%

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!

ขั้นตอนการปฏิบัติตนเมื่อถูกสุนัขกัด

ปัญหาการถูกสุนัขกัดมีให้พบเห็นอยู่มากและเป็นสาเหตุที่นำไปสู่การติดเชื้อต่างๆ ที่เกี่ยวข้องได้ เราจึงควรศึกษาวิธีการปฏิบัติตนเมื่อถูกสุนัขกัดไว้ เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือกับปัญหาสุขภาพที่อาจตามมาได้อย่างทันท่วงที 

ไม่ว่าสาเหตุของการโจมตีจากสุนัข หรือสุนัขกัดคืออะไร แผลที่ถูกกัด หรือข่วนจะมีขนาดเล็ก หรือใหญ่แค่ไหน สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องตั้งสติ และเริ่มปฏิบัติตนตาม 3 ขั้นตอนดังต่อไปนี้

ขั้นตอนที่ 1: ปฐมพยาบาลผู้ที่ถูกสุนัขกัด

ส่วนใหญ่แล้วเราไม่อาจทราบได้ทันทีว่า สุนัขที่กัดห รือข่วนเรามีการติดเชื้อพิษสุนัขบ้าหรือไม่ ดังนั้นสิ่งแรกที่ควรปฏิบัติทันที คือ การปฐมพยาบาลตนเอง หรือผู้ที่ถูกสุนัขกัดเพื่อทำความสะอาดบาดแผล ดังนี้

1. ชำระล้างบาดแผล

รวมไปถึงอวัยวะส่วนที่สัมผัสกับน้ำลาย หรือกรงเล็บสุนัขด้วยสบู่และน้ำสะอาดหลายๆ ครั้ง หากแผลลึกให้ล้างจนถึงก้นแผล ในกรณีที่น้ำลายสุนัขเข้าตา ให้ใช้น้ำสะอาดล้างตาเท่านั้น ล้างหลายๆ ครั้ง จากนั้นซับแผลให้แห้งด้วยผ้าก๊อซสะอาด

2. ฆ่าเชื้อที่บริเวณบาดแผล

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้าวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 582 บาท ลดสูงสุด 53%

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!

ใส่ยาฆ่าเชื้อ เช่น โพวิโดนไอโอดีน ถ้าไม่มีอาจใช้แอลกอฮอล์ 70% หรือ ทิงเจอร์ไอโอดีน หรือยาฆ่าเชื้ออื่นๆ แทน จากนั้นเช็ดรอบๆ บาดแผลที่ถูกกัด และถูกข่วน ระวังอย่าให้แผลช้ำ และไม่ต้องทาครีมใดๆ เพิ่มเติม กรณีแผลเหวอะหวะให้ปล่อยแผลไว้โดยไม่ต้องเย็บแผล แต่ปิดแผลด้วยผ้าก๊อซสะอาด

3. พบแพทย์

เพื่อตรวจประเมินความเสียหายของบาดแผล และพิจารณาว่า ควรปิดบาดแผลด้วยวิธีอย่างไร รวมถึงคำแนะนำเกี่ยวกับการฉีดยาป้องกันโรคด้วย

ขั้นตอนที่ 2: สังเกตลักษณะและอาการของสุนัข

หลังจากทำความสะอาดบาดแผลเบื้องต้นแล้วให้เฝ้าสังเกตลักษณะและอาการของสุนัขที่กัดว่า มีการติดเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าหรือไม่ ภายใน 10 วัน สุนัขที่ติดเชื้อโรคพิษสุนัขบ้านั้นอาจมีอาการดุร้ายหรือเซื่องซึม แต่ส่วนใหญ่จะมีอาการอ้าปากตลอดเวลา ลิ้นห้อย ลุก นั่ง และเดินวนไปมาบ่อยครั้ง ในกรณีที่ติดเชื้อขั้นรุนแรง สุนัขมักมีอาการอ่อนแรง และเดินโซเซก่อนที่จะเสียชีวิตลงในที่สุด

ผู้ถูกสุนัขกัดควรไปพบแพทย์ทันที และขอรับวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า หรือโรคกลัวน้ำ หากสุนัขที่กัดถูกจัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าดังต่อไปนี้

  • สุนัขที่กัดเป็นสุนัขจรจัด
  • สุนัขที่กัดเป็นสุนัขบ้านที่แสดงอาการของโรคพิษสุนัขบ้าตั้งแต่วันที่กัด หรือภายใน 10 วันหลังจากวันที่กัด
  • สุนัขที่กัดยังไม่มีอาการของโรคพิษสุนัขบ้า แต่ไม่ได้รับวัคซีนกันโรคพิษสุนัขบ้าอย่างต่อเนื่อง
  • สุนัขที่กัดยังไม่มีอาการของโรคพิษสุนัขบ้า แต่ผู้ที่ถูกกัดรู้สึกปวดแผลมาก และมีไข้ก่อนที่จะครบ 10 วัน
  • ถ้าสุนัขหายตัวไป ผู้ป่วย (ผู้ถูกกัด) จะต้องได้รับการฉีดยาป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า
  • ถ้าสุนัขตายภายใน 10 วัน จะต้องนำหัวสุนัขที่ตายไปโรงพยาบาล เพื่อตรวจดูว่า เป็นโรคพิษสุนัขบ้าหรือไม่

หากสุนัขที่กัดเป็นสุนัขบ้านที่ได้รับวัคซีนอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด และไม่มีอาการของโรคพิษสุนัขบ้าหรือตายภายใน 10 วัน ผู้ที่ถูกกัดก็ไม่จำเป็นต้องขอรับวัคซีนกันโรคพิษสุนัขบ้าก็ได้ (อ่านเพิ่มเติมในขั้นตอนที่ 3)

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง

ขั้นตอนที่ 3: รับวัคซีนพิษสุนัขบ้า

วัคซีนที่เกี่ยวข้องในกรณีที่ถูกสุนัขกัดหรือข่วนคือ วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าหรือโรคกลัวน้ำ และวัคซีนป้องกันบาดทะยัก 

สำหรับวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ถึงยังไม่เคยรับวัคซีนมาก่อนก็จำเป็นต้องฉีดเพราะถูกสุนัขกัดไปแล้ว หรือบางคนอาจต้องการฉีดเพราะสงสัยว่าได้รับเชื้อพิษสุนัขบ้า จะแบ่งการฉีดเป็น 2 วิธี

1. ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ จะฉีดทั้งหมด 5 ครั้งที่กล้ามเนื้อต้นแขน ครั้งละ 0.5 หรือ 1 มิลลิลิตร เมื่อฉีดเข็มแรกแล้ว ระยะเวลาเข็มที่ 2 จะห่างจากเข็มแรก 3 วัน ส่วนเข็มต่อๆ ไปจะฉีดห่างจากเข็มแรก 7 14 และ 30 วันตามลำดับ

2. ฉีดเข้าใต้ผิวหนัง จะฉีดทั้งหมด 4 ครั้ง ครั้งละ 2 จุดที่บริเวณต้นแขนซ้ายและขวา ครั้งละ 0.1 มิลลิลิตร เมื่อฉีดเข็มแรกแล้ว ระยะเวลาเข็มที่ 2 จะห่างจากเข็มแรก 3 วัน ส่วนเข็มต่อๆ ไปจะฉีดห่างจากเข็มแรก 7 และ 30 วัน

หากสุนัขที่กัดถูกจัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าตามที่กล่าวไว้ในขั้นตอนที่ 2 ผู้ป่วยควรขอรับวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า และวัคซีนป้องกันบาดทะยักทันที แต่ถ้าสุนัขที่กัดไม่มีการติดเชื้อพิษสุนัขบ้า ผู้ป่วยจะรับวัคซีนป้องกันบาดทะยักเพียงอย่างเดียวก็ได้

ในกรณีที่ต้องรับวัคซีนทั้ง 2 ชนิด ผู้ป่วยควรเข้าพบแพทย์ตามตารางนัดหมายทุกครั้ง เพื่อรับวัคซีนให้ครบถ้วน

มีหลายคนเชื่อว่า การติดเชื้อจากโรคพิษสุนัขบ้าสามารถลุกลามถึงขั้นต้องตัดขาทิ้ง นั่นไม่เป็นความจริงแต่อย่างใดเพราะโรคพิษสุนัขบ้าสามารถป้องกัน และหายได้ด้วยการฉีดวัคซีน รวมถึงการดูแลแผลตามคำแนะนำของแพทย์ 

แต่กรณีที่ต้องตัดอวัยวะทิ้งนั้นมักเป็นผลกระทบมาจากโรคร้ายแรงชนิดอื่น หรืออาการแทรกซ้อนอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการถูกสุนัขกัดแต่อย่างใด 

ดังนั้นทางที่ดีเราควรเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อเป็นการป้องกัน และเพื่อความสบายใจต่อความเสี่ยงที่อาจถูกสุนัขกัด ที่สำคัญอีกอย่างคือ อย่าหลงเชื่อข่าวลือ หรือการบอกต่อเกี่ยวกับผลกระทบหลังถูกสุนัขกัด แต่ให้ทำตามคำแนะนำจากแพทย์เท่านั้น

ดูแพ็กเกจฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า เปรียบเทียบราคา โปรโมชั่นล่าสุดจากโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำได้ที่นี่ หรือไม่พลาดทุกการอัปเดตแพ็กเกจต่างๆ เมื่อกดเป็นเพื่อนทางไลน์ @hdcoth และกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android


2 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
แนวทางเวชปฏิบัติโรคพิษสุนัขบ้า และคำถามที่พบบ่อย (http://r36.ddc.moph.go.th/r36/uploads/document/584adb73e3d0f.pdf)
คู่มือโรคพิษสุนัขบ้า (http://r36.ddc.moph.go.th/r36/uploads/document/51fffc9e410c4.pdf)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

บทความต่อไป
คู่มือโรคพิษสุนัขบ้าฉบับสมบูรณ์: สาเหตุ อาการ การรักษา การป้องกัน วัคซีน
คู่มือโรคพิษสุนัขบ้าฉบับสมบูรณ์: สาเหตุ อาการ การรักษา การป้องกัน วัคซีน

หยุด! โรคติดเชื้อร้ายแรงที่ยังไม่มียารักษา แต่สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน

อ่านเพิ่ม