ตั้งแต่เรามีการนำแผ่นอลูมิเนียมฟอยล์มาใช้ในการทำอาหารตั้งแต่ปีคศ. 1910 ก็ได้ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นหลายอย่างในวงการอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการนำมาใช้อบปลาหรือย่างผักบนเตาบาร์บีคิว ไปจนถึงใช้บุถาดขนมเวลาอบ
นั่นหมายความว่าเรามีการใช้อลูมิเนียมฟอยล์เหล่านี้ในปริมาณมากจนผู้เชี่ยวชาญเริ่มเกิดความกังเวล เนื่องจากมีงานวิจัยที่พบว่าฟอยล์บางชนิดที่ใช้ทำอาหารนั้นอาจทำให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพในระยะยาวได้
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
องค์การอนามัยโลกได้กล่าวว่า ร่างกายมนุษย์นั้นสามารถขับอลูมิเนียมในปริมาณน้อยๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นหากรับประทานในปริมาณ 40 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อวันนั้นจะยังถือว่าอยู่ในระดับที่ปลอดภัย โชคร้ายที่เรามักจะมีการรับประทานในปริมาณที่มากกว่านั้น
นักวิทยาศาสตร์ได้มีการพยายามศึกษาผลกระทบของการได้รับอลูมิเนียมเกินขนาดต่อสุขภาพของมนุษย์มาหลายปีและพบว่าในผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์นั้นมีการสะสมอลูมิเนียมในเนื้อเยื่อสมองในปริมาณที่สูง นอกจากนั้นยังพบว่าการรับประทานอลูมิเนียมในปริมาณสูงนั้นอาจมีความเกี่ยวข้องกับการที่เซลล์ในร่างกายนั้นเจริญเติบโตลดลงและอาจเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยโรคกระดูกหรือโรคไตได้
การศึกษาที่ตีพิมพ์ในปี 2012 ได้ทำการศึกษาปริมาณของอลูมิเนียมที่ปนเปื้อนในอาหารที่มีการใช้ฟอยล์ทำอาหาร โดยพบว่ามีความแตกต่างกันไปขึ้นกับอุณหภูมิและความเป็นกรด (ปลาและมะเขือเทศนั้นมีความเป็นกรดสูง) แต่ข้อสรุปที่ได้จากงานวิจัยนี้ก็คือมีการปนเปื้อนของอลูมิเนียมในอาหารที่ใช้ฟอยล์ทำอาหาร และอุณหภูมิที่สูงขึ้นก็ทำให้มีการปนเปื้อนมากขึ้น การปนเปื้อนนั้นยังขึ้นกับปัจจัยอื่นๆ เช่นค่าความเป็นกรดของอาหาร เกลือและเครื่องเทศที่ผสมอยู่ในอาหาร
อาหารที่ยิ่งเป็นกรดนั้นจะยิ่งทำให้มีการปนเปื้อนของอลูมิเนียมลงในอาหารเพิ่มขึ้น ซึ่งผลของอลูมิเนียมต่อร่างกายนั้นจะขึ้นกับหลายปัจจัยเช่นสุขภาพโดยรวมและความสามารถของร่างกายในการจัดการกับอลูมิเนียมที่ปนเปื้อน
ดังนั้นถึงแม้ว่าจะยังไม่มีประกาศออกมาว่าควรจะงดใช้อลูมิเนียมฟอยล์ในการทำอาหาร แต่คุณก็ควรจะลดการใช้ฟอยล์ลง
หากคุณต้องการย่างผัก คุณอาจจะใช้ตะกร้าที่ทำจากสแตนเลสแทน หรือใช้ชามแก้วเวลาอบในเตาอบ เลือกใช้กระดาษรองแทนการใช้ฟอยล์เวลาอบขนม หรืออาจจะลองเปลี่ยนมาใช้ใบตองห่อขนมแทนก็ได้เช่นกัน