แพทย์แผนจีนเป็นวิชาทางการแพทย์ของชาวจีนที่ใช้เพื่อรักษาผู้ป่วย ซึ่งก็มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 5,000 ปีเลยทีเดียว โดยในปัจจุบันการรักษาด้วยแพทย์แผนจีนกำลังได้รับความนิยมในไทยมากขึ้น เพราะสามารถรักษาผู้ป่วยให้หายได้จริงและมีประสิทธิภาพไม่แพ้กับการรักษาด้วยการแพทย์ที่ทันสมัยของไทย และเพื่อความเข้าใจมากขึ้น สามารถศึกษาเกี่ยวกับแพทย์แผนจีนได้จากข้อมูลดังต่อไปนี้
หลักการรักษาของแพทย์แผนจีน
การรักษาแบบฉบับของแพทย์แผนจีนจะยึดหลักทฤษฎีแบบองค์รวม โดยถือว่าร่างกายของมนุษย์เป็นองค์รวมที่มีระบบต่างๆ ภาพในร่างกายทำงานอย่างสัมพันธ์กัน ซึ่งจากทฤษฎีดังกล่าวก็สามารถนำไปสู่การตรวจวินิจฉัยและการรักษาโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีขั้นตอนดังนี้
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
- ตรวจวินิจฉัยโรคแบบองค์รวม ด้วยการดู ถาม ฟังและการจับ เพื่อให้ทราบถึงอาการและสาเหตุของโรคอย่างชัดเจน
- สรุปการวินิจฉัยและกำหนดวิธีการรักษา ซึ่งหากสามารถรักษาได้หลายวิธี แพทย์ก็จะสอบถามความสมัครใจของผู้ป่วย
- ดำเนินการรักษา โดยวิธีที่นิยมใช้ตามแบบแพทย์แผนจีนคือ การฝังเข็ม การครอบแก้ว การกวาซา การนวดทุยหน่า การเปิดตำรับยาจีนและการใช้โกศจุฬาลัมพา ซึ่งจะศึกษาเกี่ยวกับรายละเอียดของการรักษาแต่ละวิธีต่อไป
วิธีรักษาตามแบบแพทย์แผนจีน
สำหรับวิธีการรักษาตามแบบแพทย์แผนจีน สามารถแบ่งออกได้เป็น 6 วิธี โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. การฝังเข็ม
เป็นการรักษาโดยใช้เข็มปักลงไปตามจุดฝังเข็มของร่างกาย ซึ่งแพทย์จะต้องมีความเชี่ยวชาญพอสมควรเพราะจุดต่างๆ บนร่างกายของคนเราล้วนมีความสำคัญ หากผิดพลาดเพียงนิดเดียวก็อาจเกิดปัญหาตามมาอย่างคาดไม่ถึง แต่อย่างไรก็ตามการรักษาด้วยการฝังเข็มก็ถือเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุด และได้รับการยอมรับจากองค์การอนามัยโลกว่าสามารถรักษาโรคได้มากถึง 57 โรค เลยทีเดียว โดยแพทย์แผนปัจจุบันได้สรุปข้อดีของการฝังเข็มดังนี้
- กระตุ้นระบบประสาทให้หลั่งสารหลายชนิดในร่างกายออกมา ซึ่งสารส่วนใหญ่จะช่วยระงับอาการปวดและลดอาการอักเสบได้เป็นอย่างดี
- แก้ไขการไหลเวียนของเลือดลมปราณที่ติดขัดทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น และส่งผลให้ระบบต่างๆ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นไปด้วย
- ช่วยคลายการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ ทำให้อาการปวดบรรเทาลงโดยไม่ต้องรับประทานยา
- กระตุ้นภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงมากขึ้น จึงสามารถต่อต้านโรคร้ายได้อย่างง่ายดายและป้องกันอาการเจ็บป่วยได้ดี
- ปรับภาวะความสมดุลของอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย พร้อมเสริมสร้างระบบการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
2. การครอบแก้ว
การครอบแก้ว วิธีนี้นิยมใช้เพื่อบรรเทาอาการปวดและกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือด ซึ่งจะใช้ระบบความร้อนหรือการดูดอากาศออก โดยนำแก้วมาครอบกดลงไปบนผิวจนผิวหนังถูกดูดเข้าไปในแก้ว ซึ่งหลังจากการครอบ ผิวอาจดูคล้ำเล็กน้อยแต่ไม่ต้องกังวลเพราะประมาณ 5-7 วัน รอยคล้ำดังกล่าวจะค่อยๆ จางหายไปเอง นอกจากนี้การครอบแก้วตามแบบแพทย์แผนจีนก็สามารถใช้เพื่อเสริมความงามได้อีกด้วย โดยจะทำให้ผิวพรรณมีความเปล่งปลั่ง สดใสและดูมีเลือดฝาดนั่นเอง
3. การกวาซา
การกวาซาเป็นการรักษาแบบบำบัดด้วยการขูดผิวหนัง โดยจะใช้เขาสัตว์หรือหยกในการขูดเพื่อขับพิษออกไปจากร่างกาย ซึ่งวิธีนี้มีข้อดี คือ
- ขยายรูขุมขนให้เปิดกว้างทำให้สารพิษถูกขับออกมาพร้อมกับเหงื่อได้ง่ายขึ้น สามารถกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวเก่าพร้อมสร้างเซลล์ผิวใหม่ได้ดี
- ฟื้นฟูระบบภูมิต้านทานโรคให้มีความแข็งแรง พร้อมป้องกันและขับโรคร้ายออกจากร่างกาย
- บรรเทาอาการปวดเมื่อย ชาตามร่างกายและอาการปวดหัวตัวร้อน โดยเฉพาะในคนที่เป็นไข้หวัด
- กระตุ้นการหมุนเวียนของโลหิตภายใต้ผิวหนัง ทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ได้ง่ายขึ้น
สำหรับวิธีนี้หลังการรักษา ผิวหนังอาจมีรอยแดงคล้ำ แต่จะค่อยๆ หายไปเองภายใน 7 วัน และนอกจากรักษาโรคแล้ว การกวาซาก็สามารถทำกับใบหน้าเพื่อให้ผิวมีความอ่อนเยาว์ ลดรอยเหี่ยวย่นได้ดีอีกด้วย
4. การเปิดตำรับยาจีน
เป็นการรักษาโรคโดยการใช้ยาจากตำรับยาจีน โดยแพทย์จะสอบถามอาการของผู้ป่วย จากนั้นจึงเลือกตัวยาที่มีคุณสมบัติในการรักษาอาการดังกล่าว หรือกล่าวง่ายๆ ก็คือเป็นการรักษาตามสาเหตุและอาการของโรคนั่นเอง ซึ่งอาจมีการใช้ยาหลายๆ ตัวที่มีสรรพคุณคล้ายกัน เพื่อเสริมฤทธิ์ยาให้มีประสิทธิภาพในการรักษามากขึ้น โดยส่วนใหญ่ยาที่นำมาเข้าตำรับแล้วจะออกมาในรูปของ ยาต้ม ยาแคปซูล ยาผงและยาเม็ดลูกกลอนนั่นเอง
5. การนวดทุยหน่า
เป็นการนวดตามศาสตร์ของแพทย์แผนจีน ซึ่งจะใช้วิธีการนวดที่มีทักษะและเทคนิคพอสมควร โดยการนวดทุยหน่าจะนิยมใช้เพื่อการบำรุงสุขภาพ การบำรุงกระเพาะอาหารและการนวดเพื่อสร้างความผ่อนคลายให้กับร่างกาย แถมยังช่วยให้เลือดลมไหลเวียนดีขึ้นพร้อมเสริมให้เอ็นและไขข้อมีความแข็งแรงอีกด้วย
6. โกฐจุฬาลัมพา
เป็นการรักษาโดยการรมด้วยโกฐจุฬาลัมพา ซึ่งมีคุณสมบัติในการรักษาโรคต่างๆ และสร้างเสริมสุขภาพให้แข็งแรงยิ่งขึ้น นอกจากนี้ชาวจีนก็มีความเชื่อว่าวิธีนี้จะทำให้มีอายุวัฒนะได้อีกด้วย สำหรับวิธีการรมจะใช้ความร้อนรมบริเวณจุดฟังเข็มและจุดต่างๆ ของร่างกายที่ต้องการ ออกฤทธิ์โดยน้ำมันหอมระเหยจากแท่งโกศจุฬาลัมพานั่นเอง
แพทย์แผนจีนอาจดูเหมือนเป็นวิธีการรักษาที่เหลือเชื่อและไม่น่าใช้รักษาโรคได้ แต่ก็ได้พิสูจน์มาแล้วว่าการรักษาตามแบบแพทย์แผนจีนสามารถรักษาโรคต่างๆ ได้จริง ซึ่งก็ให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจเป็นอย่างมาก ดังนั้นในปัจจุบันแพทย์แผนจีนจึงมีความแพร่หลายมากขึ้น แม้ในการแพทย์ของไทยก็ได้มีการนำวิธีการรักษาแบบชาวจีนมาใช้รักษาผู้ป่วยเช่นกัน โดยแพทย์ที่ทำการรักษาจะเป็นแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญโดยเฉพาะ เพื่อการรักษาที่มีประสิทธิภาพและเกิดความผิดพลาดน้อยที่สุด