หากตัดสินใจมีเพศสัมพันธ์ คุณควรศึกษาวิธีการป้องกันตัวเองซะก่อน! บทความต่อไปนี้มีข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานถุงยางอนามัยและประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่อาจมากับการมีเซ็กส์ครั้งแรกก็เป็นได้
ถุงยางอนามัยคืออะไร?
ถุงยางอนามัยเปรียบเสมือนเกราะป้องกันในขณะมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งมีถุงยางอนามัยที่ถูกผลิตออกมาทั้งสำหรับผู้ชายและสำหรับผู้หญิง
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
- ถุงอยามัยสำหรับผู้ชายจะมีลักษณะเป็นปลอกพลาสติดบางๆ ทำจากลาเท็กซ์หรือยางพารา ใช้สวมบริเวณองคชาติก่อนการมีเพศสัมพันธ์
- ถุงยางอนามัยสำหรับผู้หญิงมีลักษณะเป็นปลอกวงแหวนหัวท้ายทำจากสารสังเคราะห์ที่อ่อนนุ่มยืดหยุ่นได้ โดยวงแหวนด้านท้ายจะปิดทึบและสามารถสอดเข้าไปในช่องคลอดได้ ในขณะที่วงแหวนอีกด้านหนึ่งจะเปิดและอยู่ภายนอกช่องคลอด
ซึ่งถุงยางอนามัยบางครั้งถูกเรียกในชื่ออื่นๆ อีก เช่น ถุงยางคุมกำเนิด ปลอกยาง หรือถุงยาง เป็นต้น
ถุงยางอนามัยใช้งานอย่างไร?
ถุงยางอนามัยจะทำงานโดยการกักเก็บอสุจิไม่ให้เดินทางเข้าสู่ช่องคลอด โดยถุงยางอนามัยจะสวมไว้กับอวัยวะเพศเมื่อเริ่มแข็งตัวก่อนการสัมผัสหรือการสอดใส่เข้าสู่ช่องคลอดฝ่ายหญิง โดยส่วนฐานของถุงยางจะถูกคลี่ลงไปยังฐานอวัยวะเพศในขณะที่นิ้วมืออีกข้างจับปลายถุงยางไว้ให้เหลือพื้นที่ว่างสำหรับอสุจิเมื่อเสร็จกิจกรรมแล้ว นอกจากนี้ยังเป็นการป้องกันไม่ให้ถุงยางอนามัยแตกหรือฉีกขาดได้ด้วย และเมื่อเสร็จสิ้นกิจกรรมแล้ว ควรจับบริเวณฐานของถุงยางไว้ให้แน่นแล้วจึงดึงอวัยวะเพศออกมาเพื่อป้องกันไม่ให้อสุจิไหลออกจากถุงยางอนามัยเข้าสู่ช่องคลอดเมื่อองคชาติอ่อนตัวลง
ถุงยางอนามัยสำหรับผู้หญิง?
ถุงยางอนามัยผู้หญิงมีวิธีการใช้ดังนี้ สอดใส่วงแหวนด้านท้ายที่ปิดทึบเข้าไปในช่องคลอด ในขณะที่วงแหวนอีกด้านจะอยู่ภายนอกช่องคลอด โดยถุงยางจะทำหน้าที่เป็นกำแพงกั้นไม่ให้อสุจิเดินทางเข้าสู่มดลูกได้ ซึ่งถุงยางอนามัยผู้หญิงสามารถใส่ไว้กับอวัยวะเพศได้ถึง 8 ชม.ก่อนการมีเพศสัมพันธ์และควรต้องเอาออกทันทีหลังจากเสร็จสิ้นกิจกรรม
คุณไม่ควรใช้ถุงยางอนามัยทั้ง 2 ประเภทในเวลาเดียวกัน เนื่องจากถุงยางอาจเหนียวติดกันและทำให้ถุงยางอันใดอันหนึ่งหลุดออกได้ ซึ่งจะเป็นการลดประสิทธิภาพของถุงยางอนามัยลงไป
ข้อควรระวังสำหรับการใช้ถุงยางอนามัย?
เมื่อใช้ถุงยางอนามัยไปแล้ว คุณจะไม่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ ควรใช้ถุงยางอนามัยอันใหม่ทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์และต้องใช้ตั้งแต่เริ่มต้นมีเพศสัมพันธ์จนเสร็จสิ้นกิจกรรมเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ไม่ควรใช้น้ำมันล่อลื่น วาสลีน หรือเบบี้ออยล์ใดๆ ร่วมกับการใช้ถุงยางอนามัย เนื่องจากสารประกอบต่างๆ ในน้ำมันอาจทำให้ถุงยากแตกและฉีกขาดได้ และเมื่อใช้แล้วควรกำจัดด้วยการทิ้งลงในถังขยะ ห้ามทิ้งลงในโถส้วมเด็ดขาด
หากคุณพบว่าถุงยางอนามัยแห้ง แข็ง หรือเหนียวเมื่อแกะซองออกมา นั่นหมายความว่าถุงยางนั้นหมดอายุแล้ว ควรทิ้งและใช้ถุงยางอันใหม่ เป็นความคิดที่ดีหากคุณจะพกถุงยางหลายๆ อันหน่อยไว้ในกระเป๋าและควรเก็บถุงยางอนามัยที่ยังไม่ได้ใช้ไว้ในที่เย็นและแห้ง
ตรวจ STD วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 97 บาท ลดสูงสุด 76%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ถุงยางอนามัยมีประสิทธิภาพต่อการคุมกำเนิดแค่ไหน?
จากสถิติพบว่า 18 จาก 100 คู่รักมีโอกาสตั้งครรภ์จากการใช้ถุงยาอนามัยในรอบ 1 ปี และการใช้ถุงยางอนามัยผู้หญิงให้ผลที่ 21 จาก 100 คู่รักมีโอกาสตั้งครรภ์โดยไม่ตั้งใจ ซึ่งผลจากสถิติดังกล่าวเป็นเพียงผลเฉลี่ยทางตัวเลข ดังนั้นโอกาสเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์นั้นขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้ว่ามีการใช้งานอย่างถูกต้องกับการมีเพศสัมพันธ์ในทุกๆ ครั้งหรือไม่
สาเหตุที่ทำให้การใช้ถุงยางอนามัยไม่มีประสิทธิภาพมักเกิดจากการไม่ใช้ถุงยางทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ และถุงยางอาจฉีกหรือแตกระหว่างทำกิจกรรม นอกจากนี้ถุงยางยังอาจเสียหายได้จากการขีดข่วนของเล็บมือหรือเครื่องประดับต่างๆ
การใช้ยาฆ่าเชื้ออสุจิร่วมกับการใช้ถุงยางอนามัยจะทำให้การคุมกำเนิดมีประสิทธิภาพสูงสุด แต่การใช้ยาฆ่าเชื้ออสุจิบ่อยๆ อาจส่งผลให้เกิดอาการระคายเคืองซึ่งอาจส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ HIV หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ ได้
โดยทั่วไปแล้ว ประสิทธิภาพของการคุมกำเนิดแต่ละชนิดนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความสะดวกในการใช้ หรือคุณไม่ลืมที่จะใช้มันให้ถูกต้องทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ เป็นต้น
การป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์?
ถุงยางอนามัยที่ใช้กันอยู่ทั่วไปมักทำมาจากยางลาเท็กซ์ ซึ่งถุงยางที่ทำมาจากหนังแกะอาจมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์รวมถึงโรคเอดส์น้อยกว่า ดังนั้นจึงแนะนำให้ใช้ถุงยางอนามัยที่ทำจากยางลาเท็กซ์ หากคุณแพ้ยางลาเท็กซ์ คุณสามารถใช้ถุงยางที่ทำจากยางสังเคราะห์ได้
การใช้ถุงยางอนามัยที่ทำจากยางลาเท็กซ์หรือยางสังเคราะห์อย่างถูกต้องจะสามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ อย่างไรก็ตาม ถุงยางจะไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อจากแผลบริเวณผิวหนังที่ไม่ได้มีการป้องกัน อย่างบริเวณฐานของอวัยวะเพศหรือบริเวณอัณฑะ สำหรับผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องใช้ถุงยางอนามัยเสมอเพื่อป้องกันการติดเชื้อต่างๆ แม้คุณจะใช้วิธีการคุมกำเนิดอื่นๆ อยู่แล้วก็ตาม ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันการตั้งครรภ์และการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ก็คือ การงดมีเพศสัมพันธ์ (abstinence) นั่นเอง
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้?
การใช้ถุงยางอนามัยไม่ได้เป็นปัญหาหรืออุปสรรคใดๆ ไม่ว่าจะกับผู้ชายหรือผู้หญิง แต่บางรายอาจมีผลข้างเคียงจากการใช้อยู่บ้าง เช่น
- อาการแพ้ยางลาเท็กซ์
- อาการระคายเคืองบริเวณอวัยวะเพศหรือช่องคลอดจากสารฆ่าเชื้ออสุจิหรือน้ำมันล่อลื่นที่มีอยู่บนถุงยางอนามัยบางยี่ห้อ
การใช้ถุงยางอนามัยเหมาะกับใคร?
ถุงยางอนามัยเหมาะกับคู่รักที่มีความรับผิดชอบมากพอที่จะใช้มันทุกครั้งก่อนการมีเพศสัมพันธ์และสำหรับผู้ที่ต้องการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เนื่องจากถุงยางอนามัยเป็นอุปกรณ์คุมกำเนิดชนิดเดียวที่ใช้กับผู้ชายได้ ซึ่งเป็นความรับผิดชอบของฝ่ายชายเช่นกันที่จะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์และการติดโรคทางเพศสัมพันธ์ต่างๆ นอกจากนี้ การใช้ถุงยางยังเป็นทางเลือกที่ดีวิธีหนึ่งสำหรับผู้ที่ไม่มีงบประมาณค่าใช้จ่ายมากพอกับการคุมกำเนิดวิธีอื่นๆ
หาซื้อมาใช้ได้อย่างไร?
คุณสามารถหาซื้อถุงยางอนามัยได้ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นร้านค้า ร้านขายยา ซุปเปอร์มาร์เก็ต หรือแม้แต่ตู้กดอัตโนมัติ โดยไม่ต้องมีใบสั่งจากแพทย์ ซึ่งถุงยางอนามัยนั้นมีให้เลือกหลากหลายขนาด รูปแบบ และสี
ถุงยางอนามัยมีราคาแพงหรือไม่?
ถุงยางอนามัยเป็นวิธีการคุมกำเนิดที่มีราคาถูกและหาซื้อได้ง่ายที่สุด หากไม่นับวิธีการงดมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งราคาถุงยางอนามัยธรรมดาจะมีราคาอยู่ที่ 16-32 บาทต่ออัน และจะมีราคาถูกลงอีกหากซื้อเป็นกล่องหรือแพ็กใหญ่
นอกจากนี้ ตามโรงพยาบาลรัฐ ศูนย์อนามัยของรัฐ หรือศูนย์วางแผนครอบครัว มักมีการแจกถุงยางอนามัยให้ฟรี ส่วนถุงยางอนามัยผู้หญิงนั้นจะมีราคาสูงกว่าถุงยางธรรมดาเล็กน้อย โดยจะมีราคาอยู่ที่อันละ 60-130 บาท
ที่มาของข้อมูล http://kidshealth.org/en/teens...