สวัสดีค่ะ หมอพอดีหนูเป็นสิวอุดตันค่ะ หนูต้องรักษา และ ใช้อะไรบ้างค่ะ

สิวอุดตันมี2ชนิด คือ
1.สิวอุดตันหัวเปิด /สิวหัวดำ ซึ่งสามารถบีบหรือกดมันออกได้ แต่ต้องทำอย่างถูกวิธี
2.สิวอุดตันหัวปิด /สิวหัวขาว สิวประเภทนี้จะไม่มีหัวถ้าไปกดหรือบีบมัน จะทำให้ไขมันที่อุดตันดันกลับไปในผิว ทำให้เนื้อเยื่ออักเสบเสียหายได้
สาเหตุ เกิดจากต่อมไขมันทำการสร้างน้ำมันมากเกินทำให้ตกค้างอยู่ในรูขุมขน แล้วไปรวมตัวกับเซลล์ผิวที่ตายแล้ว เป็นเหตุให้น้ำมันนั้นข้นหนืดจนระบายออกไปไม่ได้
วิธีการรักษา
1.ดูแลรักษาความสะอาดให้เหมาะสม เลือกใช้เครื่องสำอางให้เหมาะกับสภาพผิว หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า พักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ ดื่มน้ำให้มาก ๆ ในแต่ละวัน เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ งดอาหารที่มีไขมันสูง หลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีมลพิษมาก ๆ และสถานที่อับชื้น
2.ใช้ยารักษา ได้แก่
-เบนซอยล์เพอร์ออกไซด์ หรือ เบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ (Benzoyl peroxide – BP) หรือ ยาบีพี นำมาใช้ทาให้ทั่วหน้าก่อนการล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง ทั้งเช้าและเย็นหรือก่อนนอน โดยให้ทาทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด ยาประเภทนี้จะออกฤทธิ์ไปลดปริมาณไขมันที่ผิวหนังและช่วยละลายสิ่งสกปรกที่อุดตันตามรูขุมขน จึงช่วยลดการอุดตันของต่อมไขมันได้
-ยาละลายสิวอุดตัน หรือ ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเรตินอยด์ (Retinoids) เป็นสารสกัดจากอนุพันธ์ของวิตามินเอ มีสรรพคุณช่วยละลายไขมันที่อุดตันให้อ่อนตัวและหลุดออกมาได้ง่ายขึ้น
-ผลิตภัณฑ์ประเภท AHA และ BHA โดยAHA นั้นจะทำหน้าที่ช่วยกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว เมื่อเรากำจัดมันได้ ก็เหมือนเป็นการป้องกันการเกิดสิวไปได้ในตัว ส่วน BHA นั้นมันจะลงลึกเข้าไปในรูขุมขนเพื่อละลายไขมัน
3.การลอกหน้าผลัดเซลล์ผิว การทำไอออนโตหรือโฟโน
4.การกดสิวโดยผู้เชี่ยวชาญ
5.เลเซอร์สิวอุดตัน
6.การใช้สูตรธรรมชาติ ได้แก่
-ฝานมะเขือเทศบางแล้วถูให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที แล้วล้างออก ถ้าผิวแห้งหลังทำแล้วหน้าตึงมาก ก็ควรเว้นระยะการทำจากสัปดาห์ละครั้งเป็นสองสัปดาห์หนึ่งครั้ง
-หอมแดงสามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว นำหอมแดงมาหั่นเป็นแว่น ๆ บาง ๆ หั่นเสร็จแล้วก็ขยี้หอมแดงแล้วนำมาทาที่หน้าทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วล้างออก ค่ะ

ได้ค่ะ แต่ต้องระวังการแพ้หรือระคายเคือง สบู่ไม่ได้ช่วยรักษาสิวค่ะ เลือกสบู่หรือโฟมที่ทำความสะอาดโดยไม่ระคายเคืองต่อผิวยี่ห้อใดก็ได้ค่ะ อย่างไรก็ตามการพบแพทย์ผิวหนังเพื่อปรับการรักษาและใช้ยาให้เหมาะสมน่าจะเป็นทางที่ดีที่สุดค่ะ