คือผมกำลังจะมีอะไรกับแฟนแต่ใส่ถุงยางผิดด้านเลยกลับด้านแล้วใส่ใหม่จะท้องไหมครับ จะเป็นอะไรไหมครับ

ถ้ามีเพศสัมพันธ์ไปแล้ว โดยที่ใช้ถุงยางไม่ถูกวิธี ก็อาจมีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ได้มากกว่าที่ควรจะเป็นค่ะ จึงควรให้แฟนรับประทานยาคุมฉุกเฉินทันที หรือเร็วที่สุดที่ทำได้ ยิ่งเร็วยิ่งดี อย่างช้าไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์เพื่อลดความเสี่ยงดังกล่าวให้น้อยลงนะคะ

สวัสดีครับ
การมีเพศสัมพันธ์โดยการใช้ถุงยางอนามัยนั้นจะมีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้ 2-15% ขึ้นอยู่กับความถูกต้องของการใช้งานครับ ซึ่งการสวมถุงยางอนามัยกลับด้านแล้วนำมากลับด้านใส่ใหม่ก็อาจทำให้โอกาสตั้งครรภ์ค่อนสูงไปทาง 15% ได้เล็กน้อย แต่ถ้าหากถุงยางอนามัยไม่มีการแตกรั่วก็ยังถือว่าค่อนข้างปลอดภัยจากการตั้งครรภ์อยู่ครับ

โดยสรุปคือในกรณีนี้ยังไม่ต้องกังวลเรื่องการตั้งครรภ์มากครับ

ถ้าผู้ถามหมายถึง เมื่อมีปัญหาดังกล่าว ก็หยุดแล้วมาตั้งคำถามโดยที่ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์ต่อ (นั่นคือ ไม่มีการสอดใส่ใด ๆ เลย) ก็ไม่มีปัญหาค่ะ ให้เปลี่ยนไปใช้ถุงยางอนามัยชิ้นใหม่แทนนะคะ

แต่ถ้ามีเพศสัมพันธ์ไปแล้ว โดยที่มีการใช้ไม่ถูกวิธีในตอนแรก (ใส่ผิดด้าน) ก็ถือว่ามีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ได้มากกว่าที่ควรจะเป็น จึงควรรับประทานยาคุมฉุกเฉินเพื่อลดความเสี่ยงดังกล่าวให้น้อยลงตามที่แนะนำไปข้างต้นค่ะ

ผลข้างเคียงที่อาจพบได้จากการใช้ยาคุมฉุกเฉิน ได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ เจ็บคัดตึงเต้านม ไม่สบายท้อง หรือมีเลือดออกกะปริบกะปรอย โดยอาจพบภายใน 7 วันหลังรับประทาน หรืออาจไม่พบเลยก็ได้ค่ะ ไม่ได้สำคัญอะไร และไม่ได้มีอันตรายที่รุนแรงหรือถาวรใด ๆ

ส่วนวิธีรับประทานยาคุมฉุกเฉิน สามารถรับประทานตามวิธีใหม่ได้ นั่นคือ รับประทานครบขนาดในครั้งเดียว (ถ้าใช้ยี่ห้อที่มีแผงละ 2 เม็ด ก็รับประทาน 2 เม็ดพร้อมกันในครั้งเดียว หรือถ้าใช้ยี่ห้อที่มีแผงละ 1 เม็ด ก็รับประทานเม็ดเดียวครั้งเดียว)

แต่ควรรับประทานทันที หรือเร็วที่สุดที่ทำได้ ยิ่งเร็วยิ่งดี อย่างช้าไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ โดยจะใช้ยาคุมฉุกเฉินยี่ห้อใดก็ได้ที่สามารถหาซื้อได้สะดวก เพราะควรรับประทานโดยเร็วนั่นเองค่ะ

การที่ผู้ถามใช้ถุงยางผิดวิธี ก็อาจทำให้ไม่มีผลป้องกันจากถุงยางที่ใช้ และมีโอกาสตั้งครรภ์ได้มากกว่าที่ควรจะเป็น แต่ไม่อาจระบุตัวเลขความเสี่ยงที่แน่ชัดได้ อย่างไรก็ตาม การใช้ยาคุมฉุกเฉินเร็วและครบขนาดอาจช่วยลดความเสี่ยงดังกล่าวให้น้อยลงได้ ดังนั้น หากผู้ถามและแฟนยังไม่พร้อมจะมีบุตร การป้องกันฉุกเฉินจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการไม่ป้องกันค่ะ

ถ้าหากมีการใส่ถุงยางอนามัยกลับด้านและได้มีการเปลี่ยนด้านถุงยางอนามัยใหม่แล้ว โดยที่ไม่ได้มีถุงยางอนามัยแตกรั่ว ไม่ได้มีน้ำอสุจิติดอยู่ที่ภายนอกถุงยางอนามัยก็ยังมีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ได้ค่อนข้างน้อย คือ มักอยู่ในช่วง 2-15% ตามที่หมอได้แจ้งไปครับ

ซึ่งการรับประทานยาคุมฉุกเฉินนั้นก็อาจมีผลข้างเคียงตามมาได้หลายอย่าง เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ปวดศีรษะ คัดตึงเต้านม ตกขาวมากขึ้น มีเลือดออกกระปริดกระปรอยระหว่างรอบเดือน ทำให้อาจต้องตัดสินใจให้ดีก่อนว่าการรับประทานยาคุมฉุกเฉินจะมีประโยชน์มากกว่าการที่ร่างกายจะได้รับผลข้างเคียงเหล่านี้หรือไม่ครับ

ซึ่งสำหรับหมอนั้นถ้าหากถุงยางอนามัยไม่ได้มีการแตกรั่วหรือมีอสุจิติดอยู่ภายนอกของถุงยางอนามัย ในกรณีนี้ก็ไม่ได้เป็นข้อบ่งชี้สำหรับการรับประทานยาคุมฉุกเฉินอย่างชัดเจนครับ ถ้าหากจะตัดสินใจไม่รับประทานยาคุมฉุกเฉินเนื่องจากไม่ต้องการได้รับผลตรวจจากยาก็ยังเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ครับ

ข้อมูลโอกาสตั้งครรภ์ 2 - 15% มาจากการศึกษาของ Trussell ปี ค.ศ.2004 ค่ะ ส่วนข้อมูลที่เป็นปัจจุบันกว่าจะใช้ 2 - 18% ซึ่งมาจาก Trussell ปี ค.ศ.2011 นะคะ

การใส่ถุงยางผิดด้านเป็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้นก่อนมีเพศสัมพันธ์ (ซึ่งก็คือ ก่อนจะมีการสอดใส่) ในการศึกษาต้นฉบับถือว่าเป็น "ถุงยางอนามัยที่ไม่สามารถนำมาใช้งานได้" ค่ะ ดังนั้น การที่ผู้ถามนำมาใช้งาน จึงระบุแน่ชัดไม่ได้ว่าตัวเลขความเสี่ยงจะอยู่ในช่วงตัวเลขดังกล่าว หรือจะเป็นเท่าใดนะคะ

แต่เมื่อมีการใช้อย่างไม่เหมาะสม โดยนำถุงยางที่ไม่ควรใช้เพราะอาจมีอสุจิติดอยู่ที่ภายนอกของถุงยางจากการใส่ผิดด้านดังกล่าวไปแล้วมาใช้งาน แม้ว่าความเสี่ยงน่าจะน้อยกว่าการหลั่งในหากพิจารณาจากปริมาณของอสุจิที่อาจเข้าไปในช่องคลอดได้ แต่เนื่องจากผลข้างเคียงจากยาคุมฉุกเฉินไม่ได้มีอันตรายที่รุนแรงหรือถาวรใด ๆ ดังนั้น หากยังไม่พร้อมจะมีบุตร การป้องกันฉุกเฉินในขณะที่ยังทำได้ น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการไม่ป้องกันค่ะ