May 31, 2019 07:55
ตอบโดย
สารินทร์ สีหมากสุก (นพ.)
ควรมีการซักประวัติและตรวจร่างกายหรือตรวจดูสภาพผิวของสิวที่เกิดขึ้นก่อนนะครับ ว่าใช่สิวจริงๆหรือไม่ สาเหตุนั้นเกิดจากอะไร เพื่อที่จะได้รับการรักษาที่ถูกต้องครับ
การรักษาสิว อาจแบ่งคร่าวๆได้เป็น 3 ระดับ คือ น้อย ปานกลาง และมาก
ในแต่ละระดับความรุนแรง วิธีการรักษาจะแตกต่างกันออกไป
โดยมากแพทย์มักจะให้ยาชนิดทาก่อนครับ เช่น
-Benzoly peroxide มีความเข้มข้น 2.5-5% ตัวยานี้จะช่วยละลายหัวสิวและฆ๋าเชื้อสิว ทาก่อนลา้งหน้า ประมาณ 10 นาที ยิ่งทิ้งไว้นานผิวยิ่งแห้งยิ่งลอก
-ยาฆ่าเชื้อชนิดทา ก็จะมีหลายตัว เช่น Erythromycin, Clindamycin ซึ่งแพทย์มักจะไม่นิยมให้ใช้ตัวเดียวในการรักษา เนื่องจากมีโอกาสทำให้เชื้อดื้อยาได้ง่าย มักให้คู่ร่วมกับ Benzoly peroxide เพื่อประสิทธิภาพในการรักษาที่สูงขึ้น
-ยาทากลุ่มวิตามินเอ กลุ่มนี้จะช่วยทำให้การผลัดเซลล์ผิดกลับมาเป็นปกติ (Normal keratinization) ลดการอักเสบ (inflammation) แนะนำให้ทายาก่อนนอน แต่ผลข้างเคียงอาจทำให้ผิวแห้ง/ผิวลอกตามมาได้ รวมถึงอาจทำให้ผิวไวต่อแสง
-ยาชนิดรับประทาน จะมีทั้งยาฆ่าเชื้อและ isotretinoin ซึ่งมักใช้ในผู้ป่วยที่มีสิวรุนแรง การตอบสนองจะค่อนข้าดี และรับประทานเป็นระยะเวลานานติดต่อกันหลายเดือน จนครบโดสยาดังกล่าว
-ยาฉีดสิว มักเป็นยากลุ่ม steroid ฉีดเพื่อให้สิวอักเสบยุบลง
นอกจากการใช้ยาแล้ว ควรมีการลดปัจจัยอื่นๆในการทำให้เกิดสิวด้วยครับ เช่น
หลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลสูง (high glycemic index)
หลกีเลี่ยงการทาครีมกันแดดดหรือการแต่งหน้าแน่นๆ อาจทำให้เกิดการอุดตันและเกิดสิวตามมาได้
การงดแคะแกะเกาสิว
ผลิตภัณฑ์ที่มีการสครับหน้าต่างๆ หรือการเช็ดหน้าด้วยกระดาษซับหน้ามัน ควรซับเฉยๆ ไม่ควรถูแรงๆ
ออกกำลังกายพักผ่อนให้เพียงพอ
อย่างไรก็ตาม สิวไม่ใช่โรคที่อันตรายหรือรุนแรง แต่การวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง ย่อมทำให้เกิดประสิทธิภาพในการรักษาสูงสุด ดังนั้นแนะนำให้ไปพบแพทย์ก่อนนะครับ เพราะในแต่ละคนการรักษาสิวอาจจะแตกต่างกัน
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
นิชดา พงษ์ธัญญกรณ์ (แพทย์ทั่วไป) (พญ.)
สวัสดีค่ะ สำหรับการรักษาสิวคร่าวๆด้วยตัวเอง ขั้นแรกต้องรักษาความสะอาด ล้างหน้าให้สะอาด ซักปลอกหมอน หลีกเลี่ยงมลภาวะจากฝุ่น หลีกเลี่ยงการสัมผัส ไม่ควรขัดหน้าบ่อยหรือถูกหน้าแรง ดูแลเรื่องอาหารการกิน กินอาหารให้ครบห้าหมู่ ดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงการนอนดึกหรือปัจจัยที่ทำให้เกิดความเครียด
สำหรับยาภายนอก ให้ทา Benzoyl Peroxide เริ่มต้นขนาด 2.5% ทิ้งไว้ 10 นาที ก่อนล้างหน้า เช้า-เย็น ช่วงแรกของการใช้อาจรู้สึกแสบ ถ้าแสบให้ทิ้งไว้เพียง 10 นาทีก็พอ หลังจากนั้นเมื่อใช้ไปได้ระยะเวลาหนึ่ง ให้เพิ่มขนาดของยาเป็น 5% แล้วก็ทาเหมือนเดิมก่อนล้างหน้า ยานี้จะมีฤทธิ์ละลายหัวสิวที่อุดตันและฆ่าเชื้อ อาจใช้เวลานาน ขึ้นอยู่กับสภาพของผิวในแต่ละคนด้วย หลังล้างหน้าใช้ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย Clindamycin ซึ่งจะมีในรูปแบบน้ำและเจล ขึ้นอยู่กับว่าสะดวกแบบไหน ยาตัวนี้จะออกฤทธิ์ได้ดีกับสิวอักเสบ หรือถ้าทาบริเวณที่เป็นสิวอุดตันจะเป็นการป้องกันไม่ให้ติดเชื้อ ซึ่งจะนำมาสู่การเกิดสิวอักเสบในภายหลังได้ สำหรับสิวอักเสบให้ใช้ยาแต้มสิว หรือ Salicylic acid 2% แต้มบริเวณสิวอักเสบ โดยเฉพาะที่มีหัวหนอง มันจะช่วยให้ยุบเร็วขึ้น สำหรับสิวอุดตันแนะนำใช้ยา Adapalene 0.1% เป็นยาในกลุ่มเรตินอยด์ (Retinoids) ยานี้ลดการแบ่งตัวของเซลล์ผิวหนังชั้นนอกและทำให้ผิวหนังชั้นนอกลอกได้เร็วขึ้น วิธีใช้ให้ทาบางๆตอนกลางคืน และใช้วิธีการกดสิวอุดตันออกร่วมด้วย แต่ควรเป็นสิวหัวเปิดที่ไม่อักเสบเท่านั้น การกดสิวถ้าไม่ชำนาญ ควรให้ทางคลินิกโรคผิวหนังหรือคนที่ชำนาญกดออก มิเช่นนั้นอาจจะติดเชื้อแล้วกลายเป็นสิวอักเสบได้ สำหรับในรายที่เป็นสิวมาก หรือรักษาโดยวิธีดังกล่าวแล้วไม่หาย อาจพิจารณาเป็นยากิน คือ Acnotin ซึ่งเป็นยาที่ทำให้ต่อมไขมันฝ่อแบบถาวร ซึ่งจะช่วยยับยั้งต้นเหตุของการเกิดสิวอุดตันโดยตรง ทั้งนี้ต้องกินเป็นเวลาติดต่อกันอย่างน้อย 4 เดือน แต่ยานี้ไม่ควรซื้อมากินเอง เพราะค่อนข้างอันตราย มีผลข้างเคียงเยอะ ที่เด่นชัดเลยคือ ผิวแห้ง ปากแห้ง ทำให้เด็กในครรภ์พิการในกรณีสตรีที่ท้องอยู่ และถ้ากินเกินขนาดหรือเป็นเวลานานมากๆจะมีผลต่อตับได้ ยานี้ควรปรึกษาแพทย์ก่อนกิน หรือเรียกว่า ยานี้เป็นทางเลือกสุดท้ายสำหรับการรักษาโดยวิธีอื่นๆไม่ได้ผลค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
นิธิวัฒน์ ตั้งชมพู (นพ.)
สวัสดีครับ
หากคนไข้ยังอยู้ในวัยเจริญพันธฺอาจจะหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดสิวเลยได้ลำบาก เนื่องจากสิว ส่วนหนึ่ง เกิดจากอิทธิพลของฮอร์โทรเพศครับ
วิธีการรักษาเบื่องต้นที่แนะนำเพื่อรักษาและป้องกันสิวคือ
1.ต้องรักษาความสะอาดครับ
ล้างหน้าอย่างน้อยวันละสองครั้ง รวมถึงสิ่งที่ต้องสำผัสใบหน้าของเรา เช่น ผ้าเช็ดตัว เสื้อผ้า หมอน ผ้าห่ม ถ้าสะอาดจะลดการเกิดสิวครับ
2.การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์และเครื่องสำอางสำหรับผิวหน้า ถ้าเป็นคนผิวแพ้ง่าย ควรเลือกสำหรับผิวแพ้ง่ายครับ และผลิตภัณฑ์ที่ใช้ ควรมีมาตรฐาน ตรวจสอบได้ และเลือกใช้ให้เหมาะกับสภาพผิวของเราครับ
นอกจากเครื่องสำอางที่ต้องเลือกแล้ว แปรง พัฟต่างๆที่ใช้ควรทำความสะอาดบ่อยๆ ป้องกันการสะสมของเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิวค่ะ นอกจากนี้ อาจแนะนำ ผลิตภัณฑ์ สำหรับรักษาสิวด้วย เช่น ผลิตภัณฑ์ที่ผสม AHA หรือ salicylic acid ครับ
หากเป็นสิวหัวหนอง / สิวอักเสบ อาจใช้เป็นยาทาละลายหัวสิว เช่น benzoyl peroxide clindamycin gel (ยาฆ่าเชื้อ) เนื่องจาก สิวหัวหนองมักเกิดจากแบคทีเรีย ชื่อ P.acne ครับ สามารถซื้อได้ที่ร้านขายยา
หากสิวเห่อมากๆ แนะนำให้ไปพบแพทย์ การใช้ยาฆ่าเชื้อแบบกิน หรือ retinoic acid หรือ อาจใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีอนุพันธ์ของวิตามินเอ เช่น adapalene ครับ และการใช้ยาสเตียรอยด์ลดการอักเสบช่วงสั้นๆ อาจมีประโยชน์นะครับ แต่ไม่แนะนำให้ซื้อยาชนิดกินเองครับ
3.เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ควบคุมความมันบนใบหน้านะครับ
4.หากมีสิว ไม่ควรแกะเกา จะทำให้เป็นแผลและหลุมและรอยดำ
5.ออกกำลังกายเป็นประจำ
6.ทำจิตใจให้แจ่มใสเสมอค่ะ หน้าจะได้ไม่เหี่ยว
7.ทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะผักผลไม้ตามธรรมชาติ ถ้าเราทานเพียงพอ ไม่จำเป็นต้องทานอาหารเสริมหน้าใสใดๆ เพราะในผักผลไม้ก็มีมากอยู่แล้ว แถมไม่ต้องเสี่ยงกับผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ด้วยครับ
8.นอนพักผ่อนให้เพียงพอ
คนไข้ลองปฏิบัติตามดูนะคะ น่าจะช่วยได้พอสมควรครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
เป็นสิวอักเสบ บวมแดง และสิวอุดตัน บริเวรคางและแก้ม ควรใช้ยาอะไรดีคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)