คือผมกับแฟนมีอะไรกัน โดยการใส่ถุงในรอบแรก รอบสอง ผมก็ไปล้างเช็ดจนแห้ง แล้วนำเข้าไปแบบไม่ใส่ถุงแต่แค่แปบเดียว5วิ ได้ผมก้เอาออกมา แฟนผมมีโอกาศท้องไหม ปกติแฟนผมเมนมาวันที่ 20-21 แต่เมนมาก่อนมาวันที่ 15 ตล ซึ่งมาสองวันแล้วมีออกมาน้อยมาก ผมมีอะไรกันวันที่5 ตล แฟนผมจะมีโอกาศท้องไหมครับ แล้วความเปนไปได้มากน้อยแค่ไหน

สวัสดีครับ
การมีเพศสัมพันธ์โดยที่ไม่มีการป้องกันแต่ไม่มีนั้นมีโอกาสทำให้ตั้งครรภ์ได้ 4-27% ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำหล่อลื่นและอสุจิที่หลุดลอดเข้าไปว่ามีมากน้อยเพียงใดครับ

และถ้าหากเลือดที่ออกมาในวันที่ 15 ตุลาคมนั้นมีลักษณะไม่เหมือนประจำเดือนตามปกติก็ยังต้องสงสัยว่าอาจมีการตั้งครรภ์ได้อยู่ครับ ดังนั้นในเบื้องต้นหมอจึงขอแนะนำให้ลองตรวจการตั้งครรภ์ดูก่อน โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ

ระยะเวลาตั้งแต่ไข่และอสุจิมีการปฏิสนธิจนกระทั่งมีการฝังตัวเกิดขึ้นใช้เวลาประมาณ 7 วันครับ

ส่วนเลือดที่ออกมานั้นใช่ประจำเดือนหรือไม่ให้ดูว่ามีลักษณะตามนี้หรือไม่ครับ
- มาสม่ำเสมอตรงตามรอบทุก 21-35 วัน
- มานานติดต่อกัน 3-7 วัน
- ใช้ผ้าอนามัยวันละ 2-3 แผ่น
- เลือดเป็นเลือดเก่าสีคล้ำๆ
ถ้าหากเลือดที่ออกมาไม่ได้มีลักษณะตามนี้ก็ยังมีความเป็นไปได้ที่เลือดที่ออกมาอาจไม่ใช่ประจำเดือนครับ และในกรณีที่สงสัยว่าอาจมีการตั้งครรภ์ได้ก็ควรลองตรวจการตั้งครรภ์ดูตามวิธีที่หมอได้แนะนำไป เพื่อยืนยันให้แน่ใจครับ

ถ้าจะมั่นใจได้ว่าเลือดที่ออกมาเป็นประจำเดือนจริง เลือดที่ออกมานั้นจะต้องมีลักษณะใกล้เคียงกับประจำเดือนเดือนที่ผ่านๆมาครับ ถ้าหากเลือดที่ออกมามีลักษณะผิดไปจากประจำเดือนตามปกติก็จะยังไม่สามารถมั่นใจได้ว่าเป็นประจำเดือนจริงครับ

ถ้าต้องการตรวจการตั้งครรภ์แนะนำให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและให้ใช้ปัสสาวะหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจครับ เพราะถ้าหากตรวจเร็วกว่านี้อาจให้ผลตรวจการตั้งครรภ์ที่ผิดพลาดได้สูง

อาการแท้งคุกคามมักเกิดขึ้นได้ในช่วง 3-4 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ แต่ถ้าหากยังไม่มีการตั้งครรภ์ก็ยังไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะมีภาวะแท้งคุกคามครับ

ในเบื้องต้นนั้นหมอแนะนำให้รอตรวจการตั้งครรภ์ในตอนเช้าของวันพรุ่งนี้ก่อนครับ ถ้าหากตรวจแล้วไม่พบการตั้งครรภ์โอกาสที่ผลตรวจจะผิดพลาดก็มีน้อยมากครับ

ถ้าหากเลือดที่ออกมามีลักษณะเป็นเลือดสีคล้ำๆ ใช้ผ้าอนามัยไม่เกินวันละ 2-3 แผ่น และออกมาติดต่อกันไม่เกิน 7 วันก็อาจเป็นเพียงแค่ประจำเดือนที่มาก่อนกำหนดครับ

แต่ถ้าเลือดดังกล่าวออกมาในปริมาณมาก ออกติดต่อกันเกิน 7 วัน มีอาการปวดท้องรุนแรง หรือมีไข้ร่วมด้วย ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุครับ

ถ้าหากมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายในวันที่ 5 ตุลาคมและตรวจการตั้งครรภ์ไปโดยใช้ปัสสาวะหลังตื่นนอนตอนเช้าของวันนี้ก็มั่นใจได้ 97-99% ว่าไม่มีการตั้งครรภ์ครับ

การมีเพศสัมพันธ์ที่จะทำให้เกิดการตั้งครรภ์ได้ต้องเป็นการมีเพศสัมพันธ์ที่มีการสอดใส่อวัยวะเพศชายเข้าไปในช่องคลอดครับ ส่วนการใช้มือในการมีเพศสัมพันธ์นั้นโดยทั่วไปแล้วจะไม่ทำให้เกิดการตั้วครรภ์ครับ

โอกาสที่จะตั้งครรภ์จากเหตุการณ์นี้นั้นแทบเป็นไปไม่ได้ครับ เนื่องจากเมื่อมีการเช็ดอสุจิออกไปแล้วจำนวนอสุจิที่อาจเหลือติดอยู่ก็จะมีน้อยมาก และเมื่อเวลาผ่านไป 10 นาทีอสุจิก็มักจะเริ่มมีการเสื่อมสภาพไปแล้วครับ

การตั้งครรภ์โดยธรรมชาติควรจะเกิดจากการที่มีการสอดใส่อวัยวะเพศชายเข้าไปในช่องคลอดเป็นหลักครับ และจากเหตุการณ์ตามที่เล่ามาก็แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้เกิดการตั้งครรภ์ด้วยเหตุผลตามที่หมออธิบายไป จึงไม่ต้องกังวลครับ

การมีเพศสัมพันธ์โดยการหลั่งนอกไม่ใช่วิธีที่ปลอดภัยเนื่องจากในขณะที่มีการสอดใส่นั้นอาจมีอสุจิที่ปนอยู่ในน้ำหล่อลื่นของผู้ชายหลุดลอดเข้าไปปฏิสนธิกับไข่ได้ครับ ทำให้มีโอกาสที่จะผิดพบาดตั้งครรภ์ได้ประมาณ 4-27%

ในกรณีนี้หมอแนะนำให้หายาคุมฉุกเฉินมารับประทานให้เร็วที่สุดภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์เพื่อที่จะได้ช่วยลดโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ลงประมาณ 75-85% ครับ ทั้งนี้อาจอนุโลมให้รับประทานภายในเวลาไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ได้ แต่ประสิทธิภาพของยาก็จะด้อยกว่าการรับประทานภายใน 72 ชั่วโมงครับ

และครั้งต่อไปที่จะมีเพศสัมพันธ์อีกก็ควรมีการป้องกันทุกครั้งเพื่อให้มีโอกาสตั้งครรภ์น้อยที่สุดครับ

ยาคุมฉุกเฉินจะมีผลข้างเคียงทำให้มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ปวดศีรษะ คัดตึงเต้านม เลือดออกกระปริดกระปรอยระหว่างรอบเดือนได้ แต่โดยปกติแล้วจะไม่ทำให้ขาดประจำเดือนครับ

สำหรับคนที่เดิมมีประจำเดือนมาสม่ำเสมอ เมื่อรับประทานยาคุมฉุกเฉินแล้วประจำเดือนอาจมีการคลาดเคลื่อนไปจากเดิมได้เล็กน้อยแต่มักไม่เกิน 4-5 วัน แต่ถ้าหากเดิมเป็นคนที่ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอประจำเดือนก็อาจคลาดเคลื่อนไปนานได้จากผลของประจำเดือนที่ไม่สม่ำเสมออยู่เดิม

ถ้าหากหลังรับประทานยาคุมฉุกเฉินแล้วประจำเดือนมีหารขาดหายไปก็ควรลองตรวจการตั้งครรภ์ดูก่อน โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ

การรับประทานยาคุมฉุกเฉินสามารถรับประทานได้ 2 วิธี คือ
1. รับประทานพร้อมกันทีเดียว 2 เม็ด
2. รับประทานทีละ 1 เม็ดห่างกันเม็ดละ 12 ชั่วโมง
จะรับประทานด้วยวิธีใดก็ได้เพราะจะได้ประสิทธิภาพขอฃยาที่ใกล้เคียงกันครับ

แต่การรับประทานยาที่ล่าช้ากว่ากำหนดออกไปนั้นอาจส่งผลให้ประสิทธิภาพของยาคุมด้อยลงได้ครับ

สำหรับยาคุมฉุกเฉินนั้นถึงแม้จะรับประทานได้อย่างถูกต้องสมบูรณ์ก็ยังมีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้ 15-25% ครับ เนื่องจากไม่ใช่วิธีการป้องกันการตั้งครรภ์ที่มีประสิทธิภาพเีมากนัก

ถ้าหากมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่ไม่ตรงกับวันตกไข่ก็จะไม่มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นครับ แต่ในทางปฏิบัตินั้นมีโอกาสที่จะมีการตกไข่ที่ไม่ตรงกับวันที่คำนวนได้ และอสุจิที่เข้าไปในช่องคลอดแล้วก็ยังรอปฏิสนธิกับไข่ได้อีก 2-3 วัน จึงต้องถือว่าการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันมีโอกาสทำให้ตั้งครรภ์ได้สูงเสมอครับ

ส่วนยาคุมฉุกเฉินก็ป้องกันการตั้งครรภ์ได้เพียง 75-85% เท่านั้น และในปัจจุบันก็ยังไม่มีวิธีการป้องกันการตั้งครรภ์วิธีใดที่ป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 100% ครับ

ถ้าหากรับประทานยาคุมฉุกเฉินภายใน 24 ชั่วโมงแรกหลังมีเพศสัมพันธ์ ประสิทธิภาพของยาก็มักจะอยู่ที่ 85% ครับ ถ้าหากรับประทานยาเม็ดแรกตอน 10.30 น. ก็จะต้องรับประทานยาเม็ดที่ 2 ตอน 22.30 น.ครับ

การนอนหลับหลังรับประทานยาคุมฉุกเฉินไม่ส่งผลให้ประสิทธิภาพของยาลดลงครับ

ยาคุมฉุกเฉินไม่ทำให้อ้วนครับ

หลังรับประทานยาคุมฉุกเฉินประจำเดือนมักจะยังมาใกล้เคียงกับกำหนดตามปกติอยู่ครับ โดยลักษณะของเลือดที่จะเป็นประจำเดือนนั้นจะมีลักษณะ คือ
- มาห่างกันอย่างสม่ำเสมอรอบละ 21-35 วัน
- มานานติดต่อกัน 3-7 วัน
- ใช้ผ้าอนามัยวันละ 2-3 แผ่น
- ลักษณะเป็นเลือดเก่าสีคล้ำ
ถ้าหากลักษณะเชือดที่ออกมาเป็นตามนี้ก็น่าจะเป็นประจำเดือนจริงและบ่งบอกว่าไม่มีการตั้งครรภ์ครับ

แต่ถ้าหากประจำเดือนขาดหายไปก็ควรลองตรวจการตั้งครรภ์ดู โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ

การที่มีถุงยางอนามัยแตกรั่วระหว่างที่มีเพศสัมพันธ์จะมีความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ได้มากขึ้นครับ

ในกรณีนี้หมอแนะนำให้รับประทานยาคุมฉุกเฉินให้เร็วที่สุดภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ เพื่อที่จะลดโอกาสตั้งครรภ์ลง 75-85% ครับ

ถ้าหากยังไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ก็ยังสามารถรับประทานยาคุมฉุกเฉินได้อยู่ครับ เช่นถ้าหากมีเพศสัมพันธ์ในวันที่ 19 ตอนกลางคืนตอนนี้ก็จะยังสามารถรับประทานยาคุมฉุกเฉินได้อยู่

แต่ถ้าหากเกิน 120 ชั่วโมงไปแล้วจริงๆ ก็สามารถลองตรวจการตั้งครรภ์ได้โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ

การมีเพศสัมพันธ์ด้วยวิธีหน้า 7 หลัง 7 ในทางปฏิบัตินั้นไม่ถือว่าปลอดภัยครับ เนื่องจากในบางรอบเดือนนั้นอาจมีการตกไข่ที่ไม่สม่ำเสมอเกิดขึ้นได้ ในกรณีนี้หมอแนะนำให้รับประทานยาคุมฉุกเฉินให้เร็วที่สุดภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ก่อน เพื่อที่จะได้ลดโอกาสตั้งครรภ์ลง 75-85% แต่ถ้าหากเลยช่วงเวลาดังกล่าวไปแล้วก็ยังอนุโลมให้รับประทานภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ได้ แต่ประสิทธิภาพของยาก็จะลดลงไปเรื่อยๆตามเวลาที่ผ่านไปครับ

การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้มีการป้องกันถือว่ามีความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ได้สูงไม่ว่าจะมีเพศสัมพันธ์ในช่วงเวลาใดของรอบเดือนครับ เนื่องจากในบางรอบเดือนอาจมีการตกไข่ที่เร็วกว่าปกติเกิดขึ้นได้ครับ

ในกรณีนี้ถ้าหากมีประจำเดือนขาดหายไปหมอก็แนะนำว่าควรลองตรวจการตั้งครรภ์ดูก่อน โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ

ในกรณีนี้ผลตรวจการตั้งครรภ์จะเชื่อถือได้หรือไม่จะขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่ตรวจครับ

ถ้าหากได้ตรวจการตั้งครรภ์ห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจแล้ว ก็จะสามารถเชื่อถือผลตรวจได้ 97-99% ครับ

แต่ถ้าหากตรวจการตั้งครรภ์ไปในช่วงเวลาที่ยังไม่เหมาะสม หมอก็แนะนำให้ลองตรวจใหม่อีกครั้งตามช่วงเวลาที่หมอได้แนะนำไปครับ