October 09, 2019 23:16
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
หลังการฉีดยาคุมยาคุมตะเริ่มออกฤทธิ์ป้องกันการตั้งครรภ์ได้เต็มที่ในช่วงเวลาดังนี้ครับ
- ถ้าหากฉีดยาคุมภายใน 7 วันแรกของการมีประจำเดือน ยาคุมก็จะมีผลป้องกันการตั้งครรภ์ได้ทันทีตั้งแต่วันแรกที่ฉีดยาคุม
- ถ้าหากฉีดยาคุมช้ากว่า 7 วันแรกของการมีประจำเดือนก็จะต้องรอเวลา 7 วันก่อน ยาคุมจึงจะเริ่มออกฤทธิ์ป้องกันการตั้งครรภ์ได้
ในกรณีนี้จึงต้องดูก่อนว่าวันที่เริ่มฉีดยาคุมนั้นตรงกับในกรณีใดจึงจะประเมินความเสี่ยงในการตั้งครรภ์ได้อย่างถูกต้องครับ
ส่วนเรื่องประจำเดือนไม่มานั้นก็จะต้องดูจากว่าเป็นการฉีดยาคุมชนิดใดครับ
- ถ้าหากเป็นการฉีดยาคุมชนิด 3 เดือนก็จะมีผลข้างเคียงให้ประจำเดือนไม่มาได้
- ถ้าหากเป็นการฉีกยาคุมชนิด 1 เดือนก็ควรจะมีประจำเดือนมาในสัปดาห์ที่ 4 ของการฉีดยาคุม (1 สัปดาห์ก่อนถึงวันนัดฉีดยาคุม)
ทั้งนี้ถ้าหากต้องการความมั่นใจว่ามีการตั้งครรภ์หรือไม่ก็ควรมีการตรวจการตั้งครรภ์ยืนยันในช่วงเวลาที่ถูกต้อง คือ ควรตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ จึงจะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
สวัสดีค่ะคุณหมอ ขอสอบถามหน่อยน่ะค่ะ พอดีหนูไปฉีดยาคุมมาหลังประจำเดือนหมด1วันที่อนามัยบอกว่ายาคุมที่ฉีดไปประมาณ2สัปดาห์ค่ะถึงจะเห็นผลคุมกำเนิดได้ซึ่งก่อนที่จะครบกำหนดเพิ่งฉีดได้ประมาณ2-3วันหนูมีเพศสัมพันธ์กับแฟน(หลั่งในทุกวัน)แล้วพอครบ1เดือนประจำเดือนไม่มาสักทีหนูเลยไปตรวจที่โรงบาลช่วงเย็นไม่ท้องค่ะแต่พอผ่านไป2วันมีอาการเจ็บเต้านมข้างซ้ายมีเลือดออกทางช่องคลอดสีน้ำตาลกระปริมกระปรอยมีอาการปวดท้องน้อยเป็นช่วงๆค่ะอยากทราบว่าท้องเปล่าค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)