ชอบคิดแต่เรื่องอดีตของตัวเองที่น่าสงสารที่ผ่านมา ชอบมีอาการเศร้า เศร้ามาก เหงา ไม่ค่อยมีเพื่อน บางครั้งก่อหงุดหงิดจนต้องระเบิดออกมา มันเปนอาการของป่วยหรือป่าวคะ

ในกรณีที่มีอารมณ์เศร้าเกิดขึ้นบ่อยๆ และมีอาการต่อเนื่องนานเกินกว่า 2 สัปดาห์ อาจบ่งถึงภาวะซึมเศร้าก็เป็นไปได้นะคะ

ซึมเศร้ามีสาเหตุหลักจากสารเคมีในสมองหลั่งผิดปกติ ทำให้การรับรู้ ความคิด การแสดงออกทางอารมณ์และพฤติกรรมผิดปกติไปจากเดิม หากเจอปัญหาหรือมีเหตุการณ์กระทบกระเทือนจิตใจ จะทำให้อาการรุนแรงมากขึ้น

อาการของโรคซึมเศร้า จะมีอาการต่อไปนี้อย่างน้อย 7 ข้อ ต่อเนื่องเกือบทุกวัน นานเกิน 2 สัปดาห์
1.เบื่อหน่าย ไม่มีความสุข
2.ท้อแท้ เศร้า
3.อ่อนเพลีย
4.นอนไม่หลับ/หลับมากเกินปกติ
5.เบื่ออาหาร/ทานได้เยอะกว่าปกติ
6.ขาดสมาธิ
7.หงุดหงิดง่าย
8.ขี้น้อยใจ รู้สึกไร้ค่า
9.อยากตาย /อยากทำร้ายตัวเอง

หากมีอาการเข้าข่ายซึมเศร้าควรพบจิตแพทย์ทันที ประเมินอาการเพิ่มเติม วินิจฉัยโรคให้แน่ชัด แล้วรับการรักษาด้วยวิธีที่เหมาะสม

การรักษาซึมเศร้าที่ได้ผลดี คือการรักษาด้วยยา ยาจะช่วยปรับสมดุลสารเคมีในสมอง ทำให้ควบคุมความคิดอารมณ์และพฤติกรรมต่างๆได้เหมาะสม ร่วมกับการทำจิตบำบัด จะช่วยฟื้นฟูสภาพจิตใจทำให้ปรับตัวต่อปัญหาต่างๆได้ดีขึ้นค่ะ

ในระหว่างทำการรักษา ควรทานยาสม่ำเสมอ ไม่หยุดยาเอง หมั่นออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ งดสารเสพติดทุกชนิด และไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้งจะช่วยให้การรักษาได้ผลดียิ่งขึ้นนะคะ

เบื้องต้น ให้ติดต่อขอรับบริการใน รพ.ตามสิทธิ์การรักษาพยาบาลก่อนนะคะ หากที่นั่นไม่มีจิตแพทย์ คุณหมอจะส่งตัวให้ไปรับบริการใน รพ.แม่ข่ายที่มีจิตแพทย์ค่ะ

การพบจิตแพทย์ ไม่น่ากลัวเลยนะคะ ขอให้หนุเล่าอาการตามความรู้สึกของหนูให้คุณหมอรับทราบอย่างตรงไปตรงมา หากไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร ก่อนพบจิตแพทย์ จะมีพยาบาลถามประวัติอาการให้ก่อน ซึ่งหนูก็ควรตอบไปตามความรู้สึกที่เป็นจริง หากกังวลกลัวจะเล่าอาการให้จิตแพทย์ได้ไม่ครบถ้วน หนูสามารถทบทวนความรู้สึกของตัวเอง และบันทึกไว้ก่อนก็ได้ และควรบันทึกว่าอาการที่เกิดขึ้นนั้นเป็นมาแล้วกี่วันด้วยนะคะ ..พี่เป็นกำลังใจให้นะคะ

สวัสดีครับ

ไม่อยากให้ใช้คำว่าอาการเจ็บป่วยนะครับ เพราะความรู้สึกเศร้า การที่เรามีความวิตกกังวลเหล่านี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้กับทุกคนครับ อย่างไรก็ตามในบางครั้งที่สิ่งเหล่านี้เข้ามาเยอะเกินไป การรับการช่วยเหลือจากจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาก็เป็นสิ่งจำเป็นครับ

สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่นอกเหนือจากการเข้าพบผู้เชี่ยวชาญก็คือ การหันกลับมาดูแลตนเองให้มากขึ้น โดยคุณสามารถลองทำกิจกรรมที่เคยสนใจหรือทำแล้วรู้สึกว่าทำให้ผ่อนคลายหรือทำให้รู้สึกดีขึ้นได้บ้าง หาเวลาให้ตนเองรู้สึกสงบ รู้สึกดี หรือสนุกผ่อนคลาย และแบ่งเวลาไปอยู่กับสิ่งๆนั่นครับ นอกจากนั้นอาจจะลองมองดูกิจกรรมที่สามารถทำเป็นประจำได้เช่น การออกลังกาย การฟังเพลง หรือการทำงานอดิเรกบางอย่าง ทานอาหารให้ครบหมู่ ออกไปทานของอร่อยๆบ้าง ซึ่งตรงนี้ก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่มีส่วนช่วยให้ความรู้สึกเศร้าลดน้อยลงได้ คล้ายๆกับการพักฟื้นให้สภาพจิตใจของตนเองค่อยๆมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ซึ่งจะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงในระยะยาวครับ

สุดท้ายนี้หากรู้สึกว่าต้องการจะพูดคุยกับใครซักคนหนึ่งในเรื่องของความเศร้าหรือความวิตกกังวลที่เกิดขึ้น สายด่วนสุขภาพจิต 1323 ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่คุณจะสามารถโทรเข้าไปพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ได้ซึ่ง ข้อเสียคืออาจจะต้องมีการรอสายที่นานในบางช่วงเวลาครับ

ในการพบจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาสามารถค้นหาโรงพยาบาลที่มีแผนกจิตเวชอยู่จากนั้นก็ลองนัดหมายหรือ walk-in เข้าไปได้ตามแต่ที่โรงพยาบาลจะมีรูปแบบการบริการให้นะครับ หากมีเบอร์โทรศัพท์ของทางโรงพยาบาลก็สามารถโทรไปสอบถามได้ครับ

หากไม่สะดวกไปพบจิตแพทย์ สามารถหาที่ปรึกษาเพื่อพูดคุยระบายความรู้สึกลบๆออกมา หรือการออกไปทำกิจกรรมจิตอาสา จะช่วยให้เราได้ประสบการณ์และมุมมองชีวิตใหม่ๆ ได้เรียนรู้ชีวิตของคนอื่นๆซึ่งเขาอาจจะมีเรื่องที่แย่มากกว่าเรา และไม่จมอยู่กับเรื่องแย่ๆของตัวเอง นอกจากนั้นควรออกกำลังกายสม่ำเสมอ จะทำให้สุขภาพร่างกายและจิตใจแข็งแรง สดชื่นแจ่มใส ค่ะ

แต่อย่างไรก็ตามหากลองปรับแล้วอาการไม่ดีขึ้น ก็ต้องพบแพทย์นะคะ รับการรักษาด้วยยาร่วมด้วย จะช่วยให้อาการดีขึ้นและมีโอกาสหายได้ค่ะ