หมอนัดฉีดยาคุม28มีนาคมแต่ต้องไปทำงาน16มีนาคมสามรถกินยาคุมต่อได้ใหมค่ะ

หากไม่สะดวกฉีดเข็มต่อไป เมื่อถึงวันกำหนดฉีดสามารถเริ่มทานยาคุมชนิดได้เลยค่ะ ระหว่างสัปดาห์แรกที่ทานยาคุมก็ควรใช้ถุงยางอนามัยควบคู่กันไปด้วยค่ะ

ไม่ทราบว่าต้องการใช้ยาคุมชนิดฉีดต่อหรือไม่คะ ถ้าต้องการฉีดต่อ สามารถไปขอฉีดก่อนถึงวันนัดได้ค่ะ ถ้าไม่เร็วกว่านัดเกิน 2 สัปดาห์ (ซึ่งในกรณีของคุณถือว่าไม่เกินค่ะ) ก็สามารถฉีดก่อนนัดได้ ถ้าต้องเดินทางวันที่ 16 มีนาคม ไปพบแพทย์เพื่อขอฉีดในวันที่ 15 มีนาคมได้ค่ะ

แต่ถ้าต้องการเปลี่ยนจากวิธีฉีดเป็นการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดแทน สามารถเริ่มรับประทานเม็ดแรกในวันที่ 28 มีนาคมได้เลยค่ะ มีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องจากยาฉีดได้ทันที ไม่จำเป็นต้องใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยนะคะ ข้อมูลที่กล่าวว่าต้องใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยในสัปดาห์แรก เป็นข้อมูลที่ล้าสมัยมากแล้วค่ะ

หากมีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ เช่น มีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่ไม่ได้ฉีดยาคุมต่อ แนะนำให้งดมีเพศสัมพันธ์ไปก่อน แล้วรอตรวจการตั้งครรภ์ด้วยชุดทดสอบทางปัสสาวะ ในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันนะคะ

ถ้าผลตรวจออกมาเป็นไม่ตั้งครรภ์ และต้องการจะฉีดยาคุมกำเนิดโดยไม่รอให้ประจำเดือนมาก่อน ก็สามารถฉีดได้ค่ะ แต่ให้งดมีเพศสัมพันธ์ หรือให้ใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยไปอีก 7 วันหลังฉีดยาคุมด้วยนะคะ

หากไม่ทราบรายละเอียดใด ๆ เลย (เช่น ฉีดเมื่อไหร่, ฉีดยาคุมชนิด 1 เดือนหรือ 3 เดือน, นัดเมื่อไหร่, ประจำเดือนรอบล่าสุดคือเมื่อไหร่, หลังครบกำหนดมีเพศสัมพันธ์หรือไม่ ป้องกันอย่างไร) ก็คงให้คำตอบที่แน่ชัดไม่ได้นะคะ

ดังนั้น หากต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม แนะนำให้ตั้งกระทู้คำถามใหม่ (ไม่ถามต่อในกระทู้เดิมเพราะอาจทำให้สับสนเรื่องข้อมูล) และให้รายละเอียดที่ครบถ้วนตามที่กล่าวไปข้างต้น

หรือให้ดีที่สุดก็คือติดต่อสอบถามโดยตรงจากสถานบริการที่ไปฉีดยาคุมกำเนิดครั้งล่าสุด เพื่อทราบคำตอบที่แน่ชัดว่าคุณหมอจะพิจารณาฉีดยาคุมต่อเนื่องให้ผู้ถามเลยหรือไม่ และจะนัดฉีดยา (ที่เกินกำหนดแล้ว) ในวันใด หรือว่าต้องรอให้มั่นใจก่อนว่าจะไม่มีการตั้งครรภ์แน่นอนจึงค่อยเริ่มต้นฉีดยาคุมเข็มใหม่ค่ะ

ยาคุมชนิดที่ฉีดทุก 3 เดือน เป็นยาคุมชนิดฮอร์โมนโปรเจสตินเดี่ยวค่ะ นั่นหมายถึงไม่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนอยู่ในยาคุมชนิดนี้ ข้อดีก็คือ ไม่มีปัญหาปวดศีรษะ, บวมน้ำ หรือเป็นฝ้า แต่ข้อเสียคืออาจทำให้เกิดปัญหาเลือดออกกะปริบกะปรอย, ประจำเดือนไม่ปกติ หรือไม่มีประจำเดือน

หากผู้ถามต้องการจะเปลี่ยนไปใช้ยาคุมรายเดือนแทนการฉีดยาคุมก็สามารถทำได้ค่ะ โดยให้รับประทานยาคุมแผงแรกในวันที่ครบกำหนดฉีดยาคุมได้เลย และถือว่ามีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องกันทันที จึงมีเพศสัมพันธ์หลั่งในได้ตามปกติ

อย่างไรก็ตาม...

1. ถ้าผู้ถามมีข้อจำกัดในการใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจน หรือทนผลข้างเคียงไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่องคลื่นไส้, อาเจียน และปวดศีรษะ ก็ไม่สามารถใช้ยาคุมชนิดฮอร์โมนรวม (ยาคุมสูตรปกติที่ไม่ใช่สูตรสำหรับหญิงให้นมบุตร) ได้ค่ะ

2. และหากเป็นเช่นนั้น การใช้ยาคุมรายเดือนสูตรฮอร์โมนโปรเจสตินเดี่ยว (ยาคุมสูตรหญิงให้นมบุตร ซึ่งหญิงปกติก็ใช้ได้) อาจพบปัญหาเลือดออกกะปริบกะปรอย, ประจำเดือนไม่ปกติ หรือไม่มีประจำเดือนได้อยู่ดีนะคะ

3. ผู้ใช้ยาคุมชนิดฉีดจะมีโอกาสตั้งครรภ์ 0.2 - 6% ส่วนผู้ใช้ยาคุมรายเดือนจะมีโอกาสตั้งครรภ์ 0.3 - 9% นั่นหมายถึง ประสิทธิภาพของยาคุมรายเดือนจะต่ำกว่ายาคุมชนิดฉีดเล็กน้อย แต่ถ้าใช้ถูกต้องและเหมาะสม เช่น รับประทานตรงเวลาสม่ำเสมอ ประสิทธิภาพสูงสุดก็ใกล้เคียงกันและมีโอกาสตั้งครรภ์น้อยมากจนไม่น่ากังวลค่ะ

4. แต่ยาคุมรายเดือนจะต้องบริหารยาทุกวันให้ครบทั้งแผง ต่างจากยาฉีดเดิมที่ผู้ถามจะฉีดแค่ 3 เดือน/ครั้ง จึงมีความเสี่ยงที่จะล้มเหลวในการป้องกันการตั้งครรภ์หากรับประทานไม่ตรงเวลาหรือลืมรับประทานยาคุมนะคะ

5. หากผู้ถามไม่มั่นใจว่าจะรับประทานตรงเวลาทุกวันได้ การฉีดยาคุมน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าค่ะ ซึ่งในกรณีที่ไม่มีข้อจำกัดในการใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจน จะมียาคุมชนิดที่ฉีดทุก 1 เดือนที่สามารถใช้ได้ โดยยาคุมชนิดนี้ผู้ใช้จะมีประจำเดือนมาตามรอบปกติทุกเดือน และไม่ค่อยพบปัญหาเลือดออกกะปริบกะปรอย หากสนใจ แนะนำให้สอบถามสูตินรีแพทย์ในวันที่ไปฉีดยาคุมตามนัดได้นะคะ

1. ฉีดยาคุมครั้งก่อนในวันที่เท่าไหร่คะ
2. ประจำเดือนรอบล่าสุดมาตั้งแต่วันที่เท่าไหร่ถึงเท่าไหร่คะ
3. คุณหมอที่ฉีดยาคุมให้ครั้งนี้ แนะนำว่าอย่างไรบ้างคะ