อย่างที่เราทราบกันดีว่า การแต่งดวงตาโดยเขียนอายไลน์เนอร์ ปัดมาสคารา หรือทาอายแชโดว์ สามารถช่วยเนรมิตดวงตาของเราให้ดูน่ามองมากขึ้น แต่เมื่อหมดวัน และถึงเวลาทำความสะอาดใบหน้า มีคนจำนวนไม่น้อยที่ตกม้าตายตอนทำความสะอาดเมคอัพที่ดวงตา การกำจัดเมคอัพที่ไม่ถูกต้องสามารถทำร้ายผิวรอบๆ ดวงตา ซึ่งผิวบริเวณนี้มีความเปราะบางมากกว่าผิวส่วนอื่นๆ ของร่างกาย นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราควรใส่ใจกับผิวบริเวณนี้ให้มากเป็นพิเศษ สำหรับข้อผิดพลาดที่หลายคนเผลอทำตอนกำจัดเมคอัพที่ดวงตามีดังนี้
1. ถูแรงเกินไป
การถูดวงตาแรงเกินไปอาจทำให้ตาแดงและระคายเคือง ซึ่งสามารถนำไปสู่การเกิดผิวหนังตกสะเก็ด และทำให้ดวงตาแห้งมากกว่าเดิม เมื่อเวลาผ่านไป มันก็จะทำให้เกิดริ้วรอย ทั้งนี้คุณสามารถเช็ดเมคอัพออกได้อย่างง่ายดาย และไม่ทำร้ายดวงตาโดยใช้สำลีแผ่นชุบอายเมคอัพลีมูฟเวอร์ แล้วค่อยๆ เช็ดดวงตาอย่างอ่อนโยน
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
2. ใช้คลีนเซอร์สำหรับใบหน้ากับดวงตา
ผิวบริเวณดวงตาคือผิวที่บอบบางมากที่สุดของใบหน้า ดังนั้นมันจึงมีความไวต่อสิ่งกระตุ้นเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ดี การใช้คลีนเซอร์สูตรที่ใช้สำหรับใบหน้าสามารถทำให้ผิวรอบดวงตาแห้งได้ ทางที่ดีให้คุณหันมาใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดสำหรับดวงตาที่เป็นสูตรเพิ่มความชุ่มชื้นและอ่อนโยนต่อผิว
3. ใช้สำลีแผ่นถูดวงตาไปมา
นอกจากการเขียนอายไลน์เนอร์แบบแคทอายจะต้องใช้ความแม่นยำแล้ว ขั้นตอนการเช็ดเมคอัพก็ยังเป็นเรื่องสำคัญ แทนที่คุณจะใช้สำลีแผ่นถูหนังตาไปมา ซึ่งสามารถทำให้ผิวระคายเคืองและทำให้ขนตาหลุด ให้คุณลากสำลีเบาๆ ผ่านแนวขนตา โดยเริ่มจากมุมด้านในดวงตาไปยังข้างนอก แล้วให้กลับมาเริ่มจากมุมด้านในดวงตาอีกครั้ง และเคลื่อนไหวสั้นๆ ตามแนวขนตาไปยังมุมด้านนอก โดยไม่ต้องกลับไปถูใต้ดวงตา
4. ไม่ทำความสะอาดหลังจากเช็ดเมคอัพที่ดวงตา
แม้ว่าเราจะเช็ดเมคอัพที่ดวงตาแล้ว แต่มันก็สามารถมีเมคอัพที่ตกค้างหลงเหลืออยู่ที่บริเวณดังกล่าว ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่เราควรทำความสะอาดทั้งใบหน้าอีกครั้งหลังจากเช็ดเมคอัพ ถ้าคุณจะกำจัดอายไลน์เนอร์ที่ตกค้างบนผิว ให้คุณคุณใช้ไม้พันสำลีจุ่มอายเมคอัพลีมูฟเวอร์ แล้วนำมาถูที่ดวงตาอย่างเบามือ และใช้คลีนเซอร์ที่เป็น Micellar Water เช็ดตามลงไปอีกครั้งเพื่อกำจัดน้ำมันส่วนเกินที่ตกค้างบนผิว
5. ใช้สำลีแผ่นด้านเดิมซ้ำไปซ้ำมา
คุณน่าจะรู้ดีว่าสำลีแผ่นที่ใช้หลังจากเช็ดดวงตาครั้งแรกนั้นเต็มไปด้วยสิ่งสกปรก และหากคุณใช้สำลีด้านเดิมเช็ดที่ดวงตาอีกครั้ง นั่นเท่ากับว่าคุณทำให้เมคอัพที่เพิ่งเช็ดออกกลับคืนสู่ผิวอีกครั้ง ทั้งนี้ให้คุณใช้สำลีทั้งแผ่นเช็ดรอบดวงตา หากเมคอัพยังคงตกค้างที่ผิว ให้คุณพับบริเวณที่สะอาดเป็นครึ่งหนึ่ง แล้วค่อยนำไปเช็ดที่ดวงตา หากผิวยังไม่สะอาด ให้คุณใช้สำลีแผ่นเดิมพับเป็น ¼ แล้วใช้บริเวณที่สะอาดเช็ดที่ผิวอีกครั้ง
6. ใช้สำลีแผ่นที่ใช้แล้วในคืนถัดไป
หากคุณแต่งดวงตาเพียงเล็กน้อย คุณอาจใช้สำลีแผ่นเพียงข้างเดียวในการกำจัดเมคอัพรอบดวงตา แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณสามารถเก็บสำลีแผ่นนี้ไว้ใช้กับคืนถัดไปได้ เพราะแบคทีเรียสามารถกระจายไปยังแผ่นสำลีด้านที่สะอาด ดังนั้นถ้าไม่อยากให้ดวงตามีปัญหา คุณก็ควรเปลี่ยนสำลีแผ่นใหม่ทุกวัน
7. ไม่ทำความสะอาดคิ้ว
ในขณะที่คุณโฟกัสกับการทำความสะอาดสโมคกี้อาย คุณก็อาจมองข้ามบริเวณคิ้ว อย่างไรก็ดี ดินสอเขียนคิ้วส่วนมากเป็นแบบ Wax-Based ซึ่งสามารถเกาะติดที่ขนตา ทั้งนี้การที่คุณจะทำความสะอาดคิ้วได้หมดจด คุณจำเป็นต้องใช้อายลีมูฟเวอร์ที่เป็นแบบ Oil และ Water-Based แทนที่จะใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดใบหน้าแบบทั่วไป
8. ใช้สครับสำหรับใบหน้าใกล้ดวงตา
อย่างที่เรากล่าวไปว่า ผิวที่ดวงตาคือบริเวณที่บางมากที่สุดในร่างกาย ดังนั้นมันจึงมีความบอบบาง หรือไวต่อสิ่งต่างๆ มากเป็นพิเศษ และการใช้สครับชนิดใดๆ ก็ตาม ไม่เว้นแม้แต่สูตรอ่อนโยน ก็สามารถทำให้เกิดการฉีกขาดเล็กน้อย หรือทำให้หลอดเลือดแตก และสามารถนำไปสู่การติดเชื้อ ดังนั้นให้คุณหลีกเลี่ยงการใช้สครับกับรอบดวงตา และใช้เมคอัพลีมูฟเวอร์สูตรที่อ่อนโยนต่อผิวแทน
ด้วยความที่ดวงตาเป็นบริเวณที่บอบบางมากเป็นพิเศษ ดังนั้นคุณควรปรนนิบัติต่อผิวบริเวณนี้อย่างอ่อนโยนและเบามือที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวระคายเคือง หรือเกิดปัญหาอื่นๆ ตามมา หากคุณรู้ตัวว่าเคยทำสิ่งที่เรากล่าวไป มันก็ยังไม่สายที่จะเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเองตั้งแต่วันนี้