ถึงแม้ประชาชนชาวไทยจะทยอยได้รับวัคซีนต้านเชื้อไวรัส COVID-19 กันแล้ว ซึ่งดูเหมือนจะช่วยให้สถานการณ์คลี่คลายลง แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีการเปิดเผยข่าวและผลการศึกษาใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนในการป้องกันการติดเชื้อไวรัส
ในตอนนี้เป็นที่ยืนยันแล้วว่า ไม่ใช่วัคซีนต้านเชื้อไวรัส COVID-19 ทุกยี่ห้อที่จะช่วยป้องกันการติดเชื้อได้อย่างเด็ดขาด แต่สามารถบรรเทาความรุนแรงของอาการเมื่อติดเชื้อลงได้ ต่างจากผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีนที่มีแนวโน้มจะอาการรุนแรงกว่าจนอาจถึงแก่ชีวิต
ประชาชนหลายคนก็ยังไม่นิ่งนอนใจและยังคงหวาดกลัวการติดเชื้อกันอยู่ ด้วยตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่หลายรายซึ่งเป็นผู้ที่เคยได้รับวัคซีนมาก่อนแล้ว รวมถึงผู้ที่มีอาการข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนอย่างรุนแรงจนถึงแก่ชีวิตหลายคน
นี่จึงกลายเป็นคำถามว่า “แล้วเราควรดูแลตนเองอย่างไรเมื่อได้รับวัคซีนแล้ว?” และ “จะรู้ได้อย่างไรว่า ร่างกายตนเองมีภูมิต้านเชื้อไวรัสเรียบร้อย หลังฉีดวัคซีน?” HD.co.th จะพามาดูเคล็ดลับการดำเนินชีวิตหลังจากรับวีคซีนต้านไวรัส COVID-19 พร้อมกัน!
5 อาการข้างเคียงที่พบบ่อยหลังฉีดวัคซีนต้านไวรัส COVID-19
จะเห็นได้จากข่าวหรือหน้าสื่อออนไลน์ เกี่ยวกับอาการข้างเคียงหลังจากวัคซีนต้านไวรัส COVID-19 โดยมีหลากหลายอาการ ระดับความรุ่นแรงไม่เท่ากัน ได้แก่
- ปวดศีรษะ
- ปวดเมื่อยตามตัว
- มีไข้สูง
- อ่อนเพลีย
- ปวดระบมบริเวณที่ฉีดวัคซีน
หากคุณเกิดอาการเหล่านี้ก็อย่าเพิ่งตกใจ สามารถปฐมพยาบาลเพื่อบรรเทาอาการด้วยตนเองได้ ดังนี้
- หากมีไข้สูง ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามตัว ให้ดื่มน้ำมากๆ สวมใส่เสื้อผ้าที่ไม่รัดแน่นเพื่อให้สบายตัว นอนพักผ่อนให้มากๆ หากรู้สึกหนาวสั่นจากไข้ สามารถรับประทานยาพาราเซตามอล (Paracetamol) ขนาด 500 มิลลิกรัม ครั้งละ 1 เม็ด จนกว่าไข้จะทุเลาลง
- หากปวดระบมบริเวณที่ฉีดวัคซีน ให้ประคบเย็น หากผ่านไป 2 วันยังไม่ดีขึ้น ให้ลองออกกายบริหารแขนข้างที่ฉีดเบาๆ
นอกจากยาพาราเซตามอลสำหรับลดไข้ คุณไม่ควรรับประทานยาบรรเทาอาการเองโดยไม่ผ่านคำแนะนำจากแพทย์ เพราะอาจจะเกิดอันตรายต่อสุขภาพได้ในภายหลัง รวมถึงตัวยาอาจไปทำปฏิกิริยากับวัคซีนจนเกิดผลข้างเคียงรุนแรง
โดยตัวยาที่คุณต้องระมัดระวัง อย่ารับประทาน เมื่อเกิดอาการข้างเคียงจากวัคซีน ได้แก่
- ยาแอสไพริน (Aspirin)
- ยาไอบูโพรเฟน (Ibuprofen)
- ยาอาร์โคเซีย(Arcoxia)
- ยาเซเลเบร็กซ์ (Celebrex)
โดยปกติอาการข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนต้านไวรัส COVID-19 จะหายไปภายใน 1-3 วัน แต่หากอาการไม่ดีขึ้น รวมถึงมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วยอย่างรุนแรง เช่น แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก มีผื่นขึ้นตามตัว กล้ามเนื้ออ่อนแรง ปากเบี้ยว มีอาการบวมทั่วร่างกาย คลื่นไส้อาเจียนอย่างหนัก ให้รีบไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด
การใช้ชีวิตหลังฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 ครบ 2 เข็มแล้ว
สำหรับหลายคนที่ยังสับสนว่า แล้วตนเองควรจะดำเนินชีวิตอย่างไรเมื่อรับวัคซีนครบแล้ว คุณสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำง่ายๆ ได้ดังต่อไปนี้
- จำไว้เสมอว่า วัคซีนไม่ได้ป้องกันการติดเชื้อไวรัสได้ 100% เพียงสามารถบรรเทาอาการหลังติดเชื้อไม่ให้รุนแรงได้เท่านั้น และยังมีคนจำนวนมากที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน ดังนั้นคุณจึงยังต้องใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ และพกเจลแอลกอฮอล์ติดตัวอยู่เสมอ
- คุณสามารถออกไปข้างนอกบ้านได้ แต่ก็ยังต้องรักษาระยะห่าง (Social Distancing) ระหว่างผู้คนรอบตัวอยู่เสมอ ทั้งผู้ที่ได้รับวัคซีนครบแล้ว อยู่ในระหว่างรับวัคซีนให้ครบ 2 เข็ม และยังไม่ได้รับวัคซีนเลย
- หลีกเลี่ยงการใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นการดื่มน้ำจากแก้วเดียวกัน รับประทานอาหารโดยใช้ช้อนกลางคันเดียวกัน หรือตักอาหารร่วมภาชนะเดียวกัน เพราะยังมีความเสี่ยงที่คุณอาจจะติดเชื้อจากผู้อื่นอยู่
- หากต้องการเดินทางไปต่างประเทศ ให้ตรวจสอบเงื่อนไขเกี่ยวกับเอกสารการตรวจหาเชื้อไวรัส COVID-19 ในประเทศนั้นๆ ให้เรียบร้อยก่อน เพื่อให้คุณสามารถเดินทางเข้าออกประเทศได้โดยไม่ติดขัด
- หมั่นดูแลความสะอาดบ้านอยู่เสมอ และควรเปิดหน้าต่างให้มีการถ่ายเทอากาศรอบๆ บ้านบ้าง
- รับประทานอาหารที่ปรุงสุกสะอาด หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารดิบ ไม่ได้ปรุงสุก หรือซื้อมาจากสถานที่ที่ไม่มีสุขอนามัยดีพอ
- พักผ่อนให้เพียงพอ อย่าปล่อยให้ร่างกายอ่อนเพลีย
จากคำแนะนำข้างต้น คุณจะเห็นได้ว่า การดำเนินชีวิตต่างๆ ในช่วงเวลานี้ก็ยังต้องมีการระมัดระวังอยู่เช่นเดิม ด้วยเชื้อไวรัสที่ยังมีการแพร่กระจายอยู่ทั่วโลก รวมถึงการเกิดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่มากมายที่ยังไม่มียารักษาและแนวทางควบคุมอย่างปลอดภัย
ดังนั้นถึงแม้คุณจะรับวัคซีนต้านเชื้อไวรัสครบ 2 เข็มแล้ว คุณก็ยังต้องระมัดระวังตนเองและรักษาสุขอนามัยให้สะอาดอยู่เสมอ
คลายความกังวลหลังฉีดวัคซีน ด้วยการตรวจระดับภูมิคุ้มกัน
สำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนครบทั้ง 2 เข็มแล้ว แต่ยังกังวลหรือข้องใจว่า แล้วตกลงร่างกายของตนเองมีภูมิคุ้มกันในการต้านเชื้อไวรัส COVID-19 แล้วหรือยัง ทางโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ได้เปิดให้บริการสำหรับ “การตรวจวัดระดับภูมิ หลังฉีดวัคซีน COVID-19”
โดยแพ็กเกจนี้จะสามารถตอบข้อสงสัยและความกังวลใจให้กับผู้เข้ารับบริการทุกท่านที่ต้องการทราบการเปลี่ยนแปลงของภูมิตอบสนองภายในร่างกายของตนเองว่า สามารถต้านเชื้อไวรัส COVID-19 ได้หรือไม่ หลังจากฉีดวัคซีนต้านเชื้อไวรัสครบแล้ว
เพื่อที่เมื่อคุณทราบผลการตรวจหาระดับภูมิตอบสนองแล้ว คุณจะได้ทราบวิธีการดูแลตนเองเพิ่มเติมต่อไป รวมถึงได้วางแผนการเดินทาง การพบปะผู้คน หรือการดำเนินชีวิตที่อาจเสี่ยงทำให้ติดเชื้อเพิ่มเติม
โดยทางโรงพยาบาลได้แบ่งแพ็กเกจออกเป็น 2 แบบ ได้แก่
- แพ็กเกจการตรวจวัดระดับภูมิ หลังฉีดวัคซีนโควิด-19 เหมาะกับผู้ที่ต้องการตรวจสอบระดับภูมิตอบสนองของร่างกายหลังจากฉีดวัคซีนว่า มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ในระดับที่สามารถต้านเชื้อไวรัส COVID-19 ได้หรือไม่
- แพ็กเกจการตรวจระดับภูมิ หลังฉีดวัคซีนโควิด-19 และระดับวิตามินดี เหมาะกับผู้ที่อยากตรวจทั้งระดับภูมิตอบสนองของร่างกายที่มีต่อเชื้อไวรัส COVID-19 และระดับวิตามินดีซึ่งเป็นวิตามินที่จำเป็นต่อการสร้างความแข็งแรงให้ระบบภูมิคุ้มกันและเม็ดเลือดขาว
ผู้ที่มีระดับวิตามินดีต่ำมักจะเป็นผู้ที่ติดเชื้อโรคต่างๆ ค่อนข้างง่าย เสี่ยงเป็นการเกี่ยวกับทางเดินหายใจ เช่น โรคไข้หวัด โรคหลอดลมอักเสบ โรคปอดอักเสบ และวัณโรค รวมถึงเสี่ยงติดเชื้อไวรัส COVID-19 ได้ง่ายเช่นกัน
หากคุณไม่มั่นใจว่า ภูมิคุ้มกันภายในร่างกายของตนเองแข็งแรงพอหรือไม่ และมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรหลังจากฉีดวัคซีน ก็สามารถมาเข้ารับการตรวจได้ ด้วยราคาการตรวจที่ไม่แพงจนเกินไป โดยอยู่ที่ 1,500-2,900 บาทเท่านั้น
อย่าลังเลที่จะเข้ารับการตรวจ เพื่อไขข้อข้องใจเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในสถานการณ์การแพ่ระบาดของเชื้อไวรัสตอนนี้ เพื่อที่คุณจะได้รู้จักการดูแลตนเองอย่างเหมาะสม รวมถึงเพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับคนที่คุณรักและอยู่ใกล้ชิดด้วย