เพราะร่างกายของผู้หญิงมีความซับซ้อน หากดูแลไม่เหมาะสมก็มีโอกาสเกิดความผิดปกติหรือเจ็บป่วยได้ง่าย โดยส่วนมากความผิดปกติที่เกิดขึ้น มักไม่ส่งผลกระทบเพียงระบบเดียวเท่านั้น แต่ยังลุกลามไปยังระบบการทำงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย และบางครั้งยังส่งผลต่อภาพลักษณ์ภายนอกจนทำให้เสียความมั่นใจได้
ทั้งนี้โรคที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงส่วนใหญ่มักเป็นโรคเฉพาะทางที่การตรวจสุขภาพพื้นฐานโดยทั่วไปอาจไม่เพียงพอ จึงต้องมีการตรวจที่เฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น แต่จะมีโรคหรือภาวะใดบ้าง HD.co.th รวม 4 โรคยิดฮิตที่มักเกิดกับผู้หญิงมาให้แล้ว
4 โรคยอดฮิตที่ผู้หญิงทุกคนล้วนเสี่ยง
โรคและภาวะที่ผู้หญิงแทบทุกคนมักต้องเผชิญ จนต้องมีการตรวจแบบเฉพาะเจาะจงเพื่อหาความเสี่ยงกัน ได้แก่
1. โรคมะเร็งเต้านม
โรคมะเร็งเต้านม (Breast Cancer) เป็นโรคมะเร็งอันดับหนึ่งที่พรากชีวิตผู้หญิงทั่วโลกไปมากมาย และยังมีแนวโน้มเพิ่มจำนวนมากขึ้นทุกปี โดยอาการแรกเริ่มที่มักตรวจพบในผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านม ได้แก่
- มีก้อนอยู่ในเนื้อเต้านมหรือข้างเต้านมบริเวณใต้แขน
- มีอาการปวดเจ็บข้างในเต้านม
- เต้านมมีผื่นแดงหรือรู้สึกแสบร้อน
- หัวนมมีน้ำเหลืองไหลออกมาหรือเกิดแผล
ทั้งนี้ผู้หญิงทุกคนล้วนมีความเสี่ยงที่จะป่วยเป็นโรคมะเร็งเต้านม โดยเฉพาะผู้ที่มีญาติใกล้ชิดทางสายเลือดเป็นโรคมะเร็งเต้านมมาก่อน จะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นประมาณ 2-5 เท่า ดังนั้นผู้หญิงทุกคนจึงควรเข้ารับการตรวจมะเร็งเต้านมเป็นประจำ โดยมีวิธีการตรวจหลายรูปแบบ ดังนี้
- การตรวจภาพถ่ายรังสีวิทยาหรือการทำแมมโมแกรม (Mammogram)
- การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan)
- การตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่หรือการอัลตราซาวด์ (Ultrasound)
- การเจาะชิ้นเนื้อเพื่อส่งตรวจทางพยาธิวิทยา (Biopsy)
- การตรวจเลือด
2. โรคมะเร็งปากมดลูก
โรคมะเร็งปากมดลูก (Cervical Cancer) เป็นอีกหนึ่งโรคที่พบบ่อยเป็นอันดับ 3 ของโรคมะเร็งในผู้หญิง โดยปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งปากมดลูกก็คือ เชื้อ HPV (Human Papillomavirus) ซึ่งเป็นเชื้อที่ติดต่อกันผ่านการมีเพศสัมพันธ์ ผู้ที่มีพฤติกรรมเปลี่ยนคู่นอนบ่อย หรือไม่รักษาสุขอนามัยบริเวณช่องคลอด จัดเป็นกลุ่มผู้ที่มีโอกาสเป็นโรคมะเร็งปากมดลูกค่อนข้างสูง นอกจากนี้ผู้ที่สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ หรืออยู่ในช่วงอายุประมาณ 30 ปีขึ้นไป ก็ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงเช่นกัน
ทั้งนี้ผู้หญิงทุกคนควรเข้ารับการตรวจมะเร็งปากมดลูกเป็นประจำ โดยสามารถตรวจได้ตั้งแต่อายุ 21 ปีขึ้นไป หรือหากมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกเมื่อไร ในอีก 3 ปีถัดไป ก็ควรเริ่มตรวจโรคมะเร็งปากมดลูกครั้งแรก และตรวจอย่างต่อเนื่องปีละ 1 ครั้ง
วิธีตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกแบ่งออกได้ 2 วิธีหลักๆ ได้แก่
- การตรวจตินแพร็พ (ThinPrep) เป็นการใช้วัตถุหรือแปรงขนอ่อนขนาดเล็กสอดเข้าไปเก็บเซลล์จากปากมดลูก แล้วนำไปใส่ในขวดที่บรรจุน้ำยารักษาสภาพเซลล์เอาไว้ จากนั้นนำส่งทางห้องปฏิบัติการเพื่อตรวจวิเคราะห์เซลล์ต่อไป
- การตรวจแปปเสมียร์ (Pap Smear) เป็นการใช้เครื่องมือสอดเข้าไปในช่องปากมดลูก เพื่อป้ายเก็บเซลล์แล้วนำไปส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ
3. อาการปวดประจำเดือน
ผู้หญิงส่วนใหญ่มักคิดว่าอาการปวดประจำเดือนเป็นอาการปกติที่ไม่อันตราย แต่จริงๆ แล้ว สามารถสะท้อนสัญญาณความผิดปกติได้หลายอย่าง เช่น ภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบ ภาวะปากมดลูกตีบ เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ หรือเนื้องอกที่มดลูก เป็นต้น
ทั้งนี้หลักเกณฑ์ที่บ่งบอกว่า อาการปวดท้องประจำเดือนเป็นอาการที่ปวดผิดปกติ ได้แก่
- ปวดท้องระหว่างมีประจำเดือน แต่กินยาแก้ปวดไปแล้วก็ไม่หาย
- อาการปวดรุนแรงขึ้นทุกเดือน
- มีไข้สูงพร้อมกับปวดท้องระหว่างมีประจำเดือนด้วย
- ปวดท้องและมีเลือดประจำเดือนไหลออกมามากกว่าปกติ
- ประจำเดือนหมดรอบไปแล้ว แต่อาการปวดท้องยังคงอยู่
- มีตกขาวหรืออาการคันช่องคลอดร่วมด้วย
4. ภาวะหมดประจำเดือน
วัยหมดประจำเดือน (Menopause) หรือที่เรียกอีกชื่อว่า “วัยทอง” เป็นช่วงวัยที่ส่งผลกระทบกับร่างกายค่อนข้างมากเพราะระดับฮอร์โมนและการทำงานของระบบสืบพันธุ์ลดลง จนส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างทั้งทางด้านร่างกาย ด้านจิตใจ และภาพลักษณ์ เช่น
- อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย หรือซึมเศร้าง่าย
- มีอาการร้อนวูบวายข้างในร่างกาย
- อ่อนเพลียง่าย ไม่สดชื่น ไม่มีแรง หากออกกำลังกายก็ต้องใช้เวลาพักนาน
- สุขภาพผิวเริ่มอ่อนแอ ทำให้ผิวหยาบกร้านง่าย มีริ้วรอย หย่อนยาน ไม่กระชับ
- เกิดฝ้า กระ หรือบางรายอาจเป็นสิวง่ายขึ้น
- มีปัญหาด้านการนอนหลับ เช่น หลับไม่สนิท ตื่นกลางดึก หรือนอนหลับยาก
- น้ำหนักตัวไม่คงที่ โดยอาจน้ำหนักตัวลดหรือเพิ่มง่ายกว่าปกติ
- ช่องคลอดแห้ง มีอารมณ์ความรู้สึกทางเพศน้อยลง
นอกจากนี้วัยหมดประจำเดือนยังอาจทำให้เกิดโรคร้ายอื่นๆ ตามมา เช่น โรคกระดูกพรุน โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ภาวะคอเลสเตอรอลในเลือดสูง ดังนั้นหากเริ่มเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อจะได้รู้แนวทางการดูแลสุขภาพและรับมือกับอาการที่เกิดขึ้นได้อย่างเหมาะสม
ตรวจสุขภาพหาความเสี่ยงด้วยโปรแกรมตรวจสตรี ที่ โรงพยาบาลบำรุงราษฏร์
เพราะร่างกายของผู้หญิง ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ หลายโรงพยาบาลจึงมีบริการตรวจสุขภาพผู้หญิงแบบเฉพาะเจาะจง รวมไปถึงที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ โรงพยาบาลเอกชนชั้นนำของประเทศไทย ก็มีโปรแกรมตรวจสตรี ที่ออกแบบเพื่อผู้หญิงโดยเฉพาะ เพื่อตรวจคัดกรองความเสี่ยง ติดตามโรคและภาวะผิดปกติต่างๆ ได้ทันเวลา โปรแกรมที่น่าสนใจ ได้แก่
- โปรแกรมตรวจภาวะหมดประจำเดือนระยะเริ่มต้น สำหรับสตรีอายุ 40-45 ปี
- โปรแกรมตรวจภาวะหมดประจำเดือนขั้นพื้นฐาน สำหรับผู้หญิงอายุ 45-55 ปี
- โปรแกรมตรวจภาวะหมดประจำเดือน ในผู้หญิงที่ไม่ใช้ฮอร์โมนเพศและอายุ 40 ปีขึ้นไป
- โปรแกรมตรวจภาวะหมดประจำเดือนเชิงลึก สำหรับสตรีอายุ 45-55 ปี
- โปรแกรมตรวจคัดกรองภาวะหมดประจำเดือน
- โปรแกรมตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก (Co-Testing)
- โปรแกรมรักษาเนื้องอกที่เต้านม ด้วยความเย็นติดลบ
นอกจากนี้โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ยังตระหนักถึงปริมาณผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านมที่เพิ่มสูงขึ้นทุกปี และเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในผู้ดูแล ป้องกัน พร้อมออกแบบแนวทางการรักษา เพื่อให้ผู้หญิงทุกคนที่กำลังเผชิญกับโรคร้ายชนิดนี้ได้พบกับทางเลือกในการรักษาที่แม่นยำ และเห็นผล ผ่านโปรแกรมตรวจสุขภาพเต้านม ซึ่งได้แก่
- โปรแกรมเจาะชิ้นเนื้อเต้านมด้วยเข็มขนาดใหญ่ โดยใช้เครื่องอัลตราซาวด์บอกตำแหน่ง
- โปรแกรมเจาะชิ้นเนื้อเต้านมด้วยเข็มขนาดใหญ่ โดยใช้เครื่องแมมโมแกรมบอกตำแหน่ง
- โปรแกรมเจาะชิ้นเนื้อเต้านมด้วยเข็มขนาดใหญ่ โดยใช้เครื่องเจาะชิ้นเนื้อระบบสุญญากาศ ร่วมกับการใช้แมมโมแกรมบอกตำแหน่ง
- โปรแกรมตรวจคดกรองมะเร็งเต้านมในผู้หญิงที่มีความเสี่ยงสูง
- โปรแกรมตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมในผู้หญิงที่มีความเสี่ยงสูง อายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป
- โปรแกรมตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม ด้วยเครื่องแมมโมแกรมระบบดิจิทัลและอัลตราซาวด์
หากคุณเป็นหนึ่งในกลุ่มเสี่ยง หรือกังวลกับปัญหาสุขภาพ ควรเข้ารับบริการตรวจสุขภาพสตรีกับโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เพื่อรับการดูแลและป้องกันจากแพทย์เฉพาะทางด้านสุขภาพของสตรี หรือหากตรวจพบความผิดปกติใดๆ ก็จะได้วางแผนการรักษาที่เหมาะสมและทันเวลา
เพราะสุขภาพที่ดีคือปัจจัยขับเคลื่อนพลังบวกและความรู้สึกมั่นใจของผู้หญิงทุกคน คุณจึงไม่ควรมองข้ามทุกสัญญาณความผิดปกติ หรือรอจนกว่าจะมีอาการใดๆ เกิดขึ้นก่อน แล้วจึงค่อยมาตรวจสุขภาพในภายหลัง จึงควรตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ ผ่านบริการโปรแกรมตรวจสุขภาพสตรีจากโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์