วริษา ศรีเปลี่ยนจันทร์
เขียนโดย
วริษา ศรีเปลี่ยนจันทร์
นพ.วรพันธ์ พุทธศักดา
ตรวจสอบความถูกต้องโดย
นพ.วรพันธ์ พุทธศักดา

ตุ่มนูนแดงเกิดจากอะไร รักษาได้อย่างไรบ้าง

รวมสาเหตุทำให้เกิดตุ่มนูนแดง วิธีรักษา และการดูแลตนเอง
เผยแพร่ครั้งแรก 17 ก.ค. 2020 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 ตรวจสอบความถูกต้อง 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 4 นาที
ตุ่มนูนแดงเกิดจากอะไร รักษาได้อย่างไรบ้าง

เรื่องควรรู้

ขยาย

ปิด

  • ตุ่มนูนแดง เป็นอาการแสดงความผิดปกติทางผิวหนังซึ่งจะเกิดตุ่มนูนกลมขนาดเล็ก หรือใหญ่ขึ้นตามร่างกาย
  • ตุ่มนูนแดงสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยอาจเกิดจากการอุดตันของรูขุมขน การเจริญเติบโตของเส้นเลือด หรือเนื้อเยื่อพังผืดในผิวหนัง หรือโรคผิวหนังบางชนิด เช่น โรคเริม โรคหิด โรคผิวหนังอักเสบ โรคภูมิแพ้
  • การรักษาอาการตุ่มนูนแดงสามารถทำได้หลายวิธี เช่น รับประทานยา ทาครีมบำรุงผิว ฉีดวัคซีน ผ่าตัด ทำเลเซอร์ ขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้เกิดตุ่มนูนแดงว่า เกิดจากอะไร
  • คุณสามารถบรรเทาอาการตุ่มนูนแดงได้โดยการดูแลตนเองอย่างเหมาะสมด้วยเช่นกัน เช่น ไม่ขัดผิวที่มีตุ่มขึ้น หลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดดจัดๆ สวมเสื้อผ้าที่เนื้อผ้านุ่มสบาย ไม่เกา หรือแกะตุ่มนูน
  • เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจเลเซอร์หน้าแก้ปัญหาผิว

ตุ่มนูนแดง เป็นอาการแสดงของความผิดปกติทางผิวหนังอย่างหนึ่ง ตุ่มนูนแดงมักมีลักษณะเป็นตุ่มนูนกลมมีขนาดประมาณ 1 เซนติเมตรหรืออาจเล็ก หรือใหญ่กว่านั้น อีกทั้งสามารถเกิดขึ้นได้หลายตุ่ม และเกิดขึ้นได้หลายตำแหน่งบนร่างกายในเวลาเดียวกัน

การมีตุ่มนูนแดงขึ้นตามร่างกายไม่ใช่อาการที่ร้ายแรง แต่ก็ขึ้นอยู่กับโรค หรือความผิดปกติที่ทำให้เกิดตุ่มนูนแดงขึ้นด้วย

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
เลเซอร์หน้าแก้ปัญหาผิววันนี้ ที่คลินิกใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 96 บาท ลดสูงสุด 99%

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!

สาเหตุที่ทำให้เกิดตุ่มนูนแดง

การเกิดตุ่มนูนแดงสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยมักเกิดจากโรคผิวหนัง หรือโรคบางอย่างที่มีอาการแสดงออกมาเป็นตุ่มนูนแดง เช่น

  • สิวอักเสบ (Acne Vulgaris) เกิดจากการอุดตันของต่อมไขมันในรูขุมขนจนเกิดการอักเสบขึ้น มักเกิดบริเวณทุกตำแหน่งบนใบหน้า หน้าอก และแผ่นหลัง

  • ขนคุด (Keratosis pilaris) หรือเรียกอีกชื่อว่า “โรคหนังไก่” เกิดจากการอุดตันของรูขุมขนรวมกับมีผิวแห้ง ไม่ได้รับความชุ่มชื้น ทำให้เกิดตุ่มแดงเล็กรอบๆ เส้นขน

  • ไฝแดง (Cherry Angioma) เกิดจากการเจริญเติบโตของเส้นเลือดในผิวหนังชั้นบน ทำให้เกิดตุ่มแดงขึ้นตามร่างกาย มักเกิดในผู้สูงอายุ

  • ติ่งเนื้อ (Skin tags) มีลักษณะเป็นตุ่ม หรือก้อนเนื้อขนาดเล็ก มีเนื้อสีแดงอ่อนๆ หรือสีน้ำตาลขึ้นมาตามผิวหนัง มักเป็นอาการของโรคเบาหวาน วัยหมดประจำเดือน หรือการทำงานที่ผิดปกติของต่อมไร้ท่อ

  • คีลอยด์ (Keloids) เป็นก้อน หรือตุ่มเนื้อนูน อาจมีสีแดง สีชมพู หรือสีเนื้อ เกิดขึ้นจากการงอกของเนื้อเยื่อพังผืดบริเวณบาดแผลบนผิวหนัง ตุ่มเนื้อคีลอยด์เกิดได้หลายขนาด ตั้งแต่ขนาดเล็กประมาณ 1 เซนติเมตรไปจนถึงเป็นก้อนเนื้อขนาดใหญ่ที่ต้องผ่าตัดออก

  • โรคอีสุกอีใส (Chickenpox) เป็นโรคผิวหนังที่พบได้ทั่วไป โดยเฉพาะในผู้ป่วยเด็ก เกิดจากการติดเชื้อไวรัสวาริเซลลา ซอสเตอร์ (Varicella Zoster) ทำให้ผู้ป่วยมีตุ่มนูนแดงขึ้นตามร่างกาย ก่อนจะกลายเป็นตุ่มพุพอง และตกสะเก็ดเป็นแผลแห้งในภายหลัง

  • โรคผิวหนังผื่นแพ้สัมผัส (Contact dermatitis) เกิดจากการไปสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ที่สร้างความระคายเคือง จนทำให้เกิดอาการแพ้ออกมาในรูปของผื่นแดง หรือตุ่มนูนแดง

  • โรคหูด (Wart) เป็นโรคติดต่อทางผิวหนังที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเอชพีวี (Human Papilloma Virus: HPV) จนทำให้เซลล์ผิวหนังแข็งตัว และหนาตัวขึ้นมา

  • โรคหิด (Scabies) เกิดจากตัวหิดซึ่งอาศัยอยู่ในผิวหนังของคน จนส่งผลให้เกิดอาการคัน มีผื่น และมีตุ่มแดงขึ้นกระจายไปทั่วตัว

  • โรคกระเนื้อ (Seborrheic keratosis) เป็นโรคที่เกิดจากการสัมผัสแสงแดดเป็นเวลานาน จนผิวหนังเกิดเป็นตุ่ม หรือติ่งเนื้อขึ้นมาตามผิวหนัง แต่อาจไม่ได้เป็นสีแดงมาก

  • โรคเริม (Cold Sore) เป็นโรคติดต่อทางผิวหนังที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส “เฮอร์พีส์ ซิมเพล็กซ์ (Herpes simplex virus)” จนทำให้เกิดตุ่มน้ำสีแดง ร่วมกับมีอาการคัน และแสบร้อนตามผิวหนังที่มีตุ่มขึ้น

  • โรคเรื้อน (Leprosy Update) เป็นโรคผิวหนังที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย “ไมโคแบคทีเรียม เลปรา (Mycobacterium leprae)” ทำให้เกิดตุ่มแดงนูน เป็นผื่น และมีอาการชาตามร่างกาย

  • โรคผิวหนังอักเสบ (Eczema) เกิดจากการอักเสบของผิวหนังชั้นนอก จนทำให้เกิดตุ่มแดง และมีน้ำเหลืองอยู่ข้างใน ร่วมกับมีอาการคันเกิดขึ้น

  • หูดข้าวสุก (Molluscum contagiosum) เป็นอีกโรคติดต่อทางผิวหนังที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสชื่อว่า “โมลัสคุม คอนทาจิโอซุม (Molluscum contagiosum)” หนึ่งในอาการแสดงของโรคนี้ คือ มีตุ่มนูนแดง หรือชมพู มีรอยบุ๋มยุบลงตรงกลาง

อาการมีตุ่มนูนแดงที่ควรไปพบแพทย์

หากยังไม่เคยมีตุ่มแดงขึ้นตามร่างกาย หรือมีโรคประจำตัวที่ทำให้เกิดตุ่มแดงขึ้น แล้วมีตุ่มนูนแดงขึ้นร่วมกับมีอาการต่อไปนี้ ควรไปพบแพทย์เพื่อขอรับการวินิจฉัย

  • ตุ่มนูนแดงขึ้นโดยไม่ทราบที่มาที่ไป
  • ตุ่มนูนแดงมีขนาดใหญ่ หรือมีหนองอยู่ในตุ่มด้วย รวมถึงมีการกระจายตัวไปทุกส่วนของร่างกายมากขึ้น
  • รู้สึกเจ็บแสบที่ตุ่มนูนแดง

หรือหากไม่มีเวลาไปพบแพทย์ ปัจจุบันมีบริการปรึกษาแพทย์ผิวหนังออนไลน์ให้บริการแล้ว เรียกว่า "สะดวกสบาย ประหยัดเวลาในการเดินทางและประหยัดเวลาในการรอพบแพทย์" ที่สำคัญยังสามารถเลือกได้ว่าจะโทรคุย หรือเปิดกล้องวิดีโอคอล 

การรักษาอาการตุ่มนูนแดง

การรักษาตุ่มนูนแดงจะขึ้นอยู่กับปัจจัยที่ทำให้เกิดตุ่มนูนแดง เช่น

  • รับประทานยารักษาสิว หรือทายารักษาสิว ยาต้านเชื้อไวรัส หรือเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดตุ่มนูนแดง เช่น ยาอะไซโคลเวียร์ (Acyclovir) ยาเบนโซอิลเพอร์ออกไซต์ (Benzoyl Peroxide) ครีมเพอร์เมทริน (Permethrin cream) ยาต้านฮิสตามีน (Antihistamine)
  • การทาครีมที่มีสารเรตินอยด์ ซึ่งเป็นสารวิตามินเอที่ช่วยบำรุงผิว เช่น เจลดิฟฟาริน (Differin Gel) ยาเตรทติโนอิน (Tretinoin)
  • การรับประทานยาคุมกำเนิด ซึ่งช่วยลดสิวได้ในผู้หญิง หากไม่แน่ใจว่าควรรับประทานยาคุมกำเนิดอย่างไร แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนเพื่อความปลอดภัยและประสิทฑิภาพในการรักษาสิวที่ดี
  • การฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันไม่ให้โรคดังกล่าวกลับมาเกิดขึ้นอีกครั้ง เช่น วัคซีนป้องกันโรคงูสวัด เพราะผู้ป่วยที่เคยเป็นโรคอีสุกอีใสมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคงูสวัดในภายหลังได้ เนื่องจากเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดเดียวกัน
  • การตัดตุ่มนูน ติ่งเนื้อ รวมถึงรักษาสิวด้วยเทคนิคต่างๆ เช่น การเลเซอร์ จี้ด้วยไฟฟ้า ทำศัลยกรรม การผ่าตัด การใช้ไนโตรเจนเหลวทำให้ผิวหนังเย็นจัดแล้วตัดชิ้นเนื้อออก

การดูแลผิวบริเวณที่มีตุ่มนูนแดง

นอกจากนี้การดูแลผิวบริเวณที่มีตุ่มนูนแดงให้เหมาะสม ก็ช่วยบรรเทาอาการตุ่มนูนแดงได้ เช่น

  • อย่าขัดผิวบริเวณที่มีตุ่มนูน แต่ให้ใช้น้ำสะอาดอุ่นๆ หรือน้ำเกลือเช็ดผิวที่มีตุ่มนูนแดงเบาๆ
  • อย่าทาแป้ง โลชั่น หรือใช้เครื่องสำอางบริเวณที่มีตุ่มนูนแดงจนกว่าอาการจะดีขึ้น หรือหากต้องการทาสารบำรุงผิวใดๆ บริเวณที่มีตุ่มนูนแดง ให้ปรึกษาแพทย์ก่อน
  • อย่าปล่อยให้ผิวที่มีตุ่มนูนแดงเปียกชื้น และควรทำความสะอาดผิวบริเวณนั้นให้แห้ง ได้รับอากาศถ่ายเทเสมอ
  • หลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดดจัดๆ หรือทาครีมกันแดดที่แพทย์แนะนำ
  • พยายามหลีกเลี่ยงไม่สัมผัสผิวของผู้อื่น พยายามไม่ออกไปเจอผู้คนจนกว่าอาการของโรคจะดีขึ้น เพราะโรคผิวหนังหลายๆ โรคเป็นโรคติดต่อที่ส่งต่อกันได้ผ่านการสัมผัสแม้เพียงเล็กน้อย
  • รักษาความสะอาดข้าวของเครื่องใช้รอบตัว รวมถึงทำความสะอาดเครื่องนุ่งห่ม เสื้อผ้าอยู่เสมอ และไม่ใส่เสื้อผ้าซ้ำ
  • ใส่เสื้อผ้าที่เนื้อผ้านุ่มสบาย เสื้อผ้าไม่คับจนเกินไปเพื่อให้สบายตัว และเนื้อผ้าไม่เสียดสีกับตุ่มนูนแดงจนเกิดแผล
  • ตัดเล็บ และตะไบเล็บให้ไม่คมเพื่อป้องกันการขูดโดนแผล
  • ไม่เกา หรือแกะตุ่มนูนเพื่อป้องกันการติดเชื้อ หรือเกิดการอักเสบมากกว่าเดิม
  • พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อไม่ปล่อยให้ร่างกายอ่อนแอจนเสี่ยงติดเชื้อไวรัส หรือเชื้อแบคทีเรียอื่นๆ ได้ง่าย

การเกิดตุ่มนูนแดงตามร่างกายไม่ใช่อาการอันตรายร้ายแรงที่ต้องรีบไปพบแพทย์โดยทันที โดยตุ่มนูนแดงอาจเกิดจากสิ่งสกปรก หรือสารสร้างความระคายเคืองบางอย่างที่เพียงทำความสะอาดร่างกาย หรือรับประทานยาฆ่าเชื้อก็หายได้

อย่างไรก็ตาม หากคุณมีตุ่มนูนแดงขึ้นตามร่างกายอย่างที่ไม่เคยเป็น และลองรักษาเบื้องต้นด้วยตนเองแล้วยังไม่หายดี รวมถึงมีอาการข้างเคียงอื่นๆ เกิดขึ้นอีก ก็ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อขอรับการวินิจฉัยทันที

เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจเลเซอร์หน้าแก้ปัญหาผิว จากคลินิกและโรงพยาบาลใกล้คุณ และไม่พลาดทุกอัปเดตเรื่องสุขภาพและโปรโมชั่นเมื่อกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android


7 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
University of Illinois, Raised Skin Bump: 25 Causes, Photos, & Treatments (https://www.healthline.com/health/raised-skin-bump), 15 July 2020.
Owen Kramer, What Is a Papule? (https://www.healthline.com/health/papule), 15 July 2020.
Ginard I Henry, MD, Papules and plaque (https://emedicine.medscape.com/article/1294801-overview#a4), 11 November 2020.

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)