วริษา ศรีเปลี่ยนจันทร์
เขียนโดย
วริษา ศรีเปลี่ยนจันทร์
นพ.พิสุทธิ์ พงษ์ชัยกุล
ตรวจสอบความถูกต้องโดย
นพ.พิสุทธิ์ พงษ์ชัยกุล

ยาดาฟลอนคืออะไร รักษาริดสีดวงทวารให้หายขาดได้ไหม

รวมข้อมูลของยาดาฟลอน รักษาอะไรได้บ้าง ช่วยให้ริดสีดวงทวารหายได้ไหม
เผยแพร่ครั้งแรก 25 ก.ย. 2020 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 ตรวจสอบความถูกต้อง 2 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 4 นาที
ยาดาฟลอนคืออะไร รักษาริดสีดวงทวารให้หายขาดได้ไหม

เรื่องควรรู้

ขยาย

ปิด

  • ยาดาฟลอน® คือ ยาในกลุ่ม MPFF ซึ่งมักใช้รักษาโรคเกี่ยวกับหลอดเลือด ความผิดปกติของการไหลเวียนในหลอดเลือดดำและโรคริดสีดวงทวาร
  • ยาดาฟลอน® เป็นยาที่มักใช้ในผู้ใหญ่และต้องปรึกษาแพทย์ก่อนหากต้องใช้ยานี้ในเด็กอายุต่ำว่า 18 ปี
  • ผลข้างเคียงของยาดาฟลอน® อาจเกิดขึ้นได้ในผู้ป่วยบางราย แต่มักเกิดขึ้นได้น้อย เช่น เวียนศีรษะ นอนไม่หลับ อาหารไม่ย่อย ท้องเสีย
  • มีหลายคนแนะนำให้ใช้ยาดาฟลอน® ร่วมกับสมุนไพรเพชรสังฆาต เพื่อรักษาโรคริดสีดวงทวาร แต่ความจริงแค่รับประทานยาดาฟลอน®เพียงอย่างเดียวก็เพียงพอแล้ว และสมุนไพรเพชรสังฆาตยังมีแคลเซียมออกซาเลทมาก ซึ่งอาจทำให้เกิดโรคเกาต์ หรือโรคนิ่วในไตได้
  • เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจตรวจสุขภาพทั่วไป

สำหรับใครที่กำลังมองหายารักษาโรคริดสีดวงทวาร บางทียาดาฟลอน® อาจเป็นทางออกสำหรับการรักษาความทุกข์ทรมานของคุณ เรามาดูพร้อมๆ กันว่า ยาตัวนี้มีสรรพคุณดีอย่างไร แล้วมีข้อควรระวังในการใช้อย่างไรบ้าง

ความหมายของยาดาฟลอน®

ยาดาฟลอน® (Daflon®) เป็นชื่อทางการค้าของยาในกลุ่ม MPFF (Micronized Purified Flavonoid Fraction) ขนาด 500 มิลลิกรัม ตัวยาจะประกอบไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ หรือสารฟลาโวนอยด์ชื่อว่า “ไดออสมิน (Diosmin)” 450 มิลลิกรัม และสารเฮสเพอริดิน (Hesperidin) ขนาด 50 มิลลิกรัม

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ตรวจและรักษาริดสีดวงทวารวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 970 บาท ลดสูงสุด 46%

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!

ข้อบ่งใช้หลักๆ ของยาดาฟลอน® มักใช้สำหรับรักษาอาการต่อไปนี้

  • รักษาโรคริดสีดวงทวาร
  • รักษาโรคเกี่ยวกับหลอดเลือด หรือความผิดปกติของการไหลเวียนเลือดในหลอดเลือดดำ เช่น โรคเส้นเลือดขอด อาการปวดเมื่อยขา อาการขาบวม

นอกจากนี้ยาดาฟลอน® ยังสามารถใช้รักษาภาวะน้ำเหลืองบวม (Lymphedema) ภาวะไหลเวียนของเลือดช้าลง (Venous Stasis) ภาวะผื่นผิวหนังอักเสบ (Stasis Dermatitis) อีกด้วย

กลไกการออกฤทธิ์ของยาดาฟลอน® คือ ตัวยาจะเข้าไปช่วยเพิ่มการบีบตัวของหลอดเลือดดำ ทำให้หลอดเลือดขยายตัวเพื่อให้เลือดหมุนเวียนไปทั่วร่างกายได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น และเพิ่มความแข็งแรงของหลอดเลือดดำด้วย

สำหรับรูปแบบของยาดาฟลอน® ที่จำหน่ายในประเทศไทยจะเป็นรูปแบบยาเม็ด

วิธีรับประทานยาดาฟลอน®

การรับประทานยาดาฟลอน® มักจะต้องรับประทานติดต่อกันประมาณ 1-2 เดือน แต่ทั้งปริมาณการรับประทานยา และระยะเวลาที่รับประทานก็จะแตกต่างกันไปตามอายุ น้ำหนัก อาการเจ็บป่วยของผู้ป่วยแต่ละราย รวมถึงประวัติสุขภาพด้วย เช่น

  • หากเป็นโรคริดสีดวงทวารแบบเฉียบพลัน ตัวยาจะเข้าไปทำให้หลอดเลือดแข็งแรง ไม่แตกง่าย ทำให้อาการเลือดออกระหว่างเป็นโรคริดสีดวงทวารลดลง

    โดยส่วนมากแพทย์จะให้รับประทาน 2 เม็ดต่อวัน วันละ 3 เวลาหลังอาหาร หรือพร้อมอาหารได้เลย เป็นระยะเวลา 4 วัน หลังจากนั้นให้ลดขนาดยาเป็น 2 เม็ดต่อวัน วันละ 2 เวลา เป็นระยะเวลา 3 วันแทน แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่การประเมินอาการของแพทย์ด้วย

  • หากเป็นโรคเกี่ยวกับหลอดเลือด ตัวยาจะเข้าไปช่วยทำให้การไหลเวียนของเลือดคล่องตัวขึ้น ให้โดยปกติจะให้รับประทาน 1 เม็ดต่อวัน วันละ 2 ครั้งหลังอาหารมื้อกลางวันกับมื้อเย็น

สำหรับปริมาณการรับประทานยาในเด็ก ผู้ปกครองควรปรึกษากับแพทย์เสียก่อน เพื่อให้แพทย์ประเมินอาการเจ็บป่วยของเด็ก และประวัติสุขภาพอื่นๆ ว่า เด็กสามารถรับประทานยาดาฟลอน® ได้หรือไม่

แต่โดยปกติยาตัวนี้จะไม่เหมาะกับผู้มีอายุต่ำกว่า 18 ปี เว้นแต่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์ หรือแพทย์เป็นผู้จ่ายยา 

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ตรวจและรักษาริดสีดวงทวารวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 970 บาท ลดสูงสุด 46%

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!

แต่ทางที่ดีเพื่อไม่เกิดโรคนี้กับเด็กๆ ซึ่งจะสร้างความทุกข์ทรมานต่อร่างกายเป็นอย่างมาก ผู้ปกครองควรระมัดระวังอย่าให้เด็กนั่งอยู่ในห้องน้ำนานๆ ฝึกการขับถ่ายให้เป็นนิสัย เช่น เมื่อปวดท้องให้รีบเข้าห้องน้ำทันที ห้ามอั้น 

ให้รับประทานอาหารที่มีกากใยมากๆ เช่น ผักสดและผลไม้สด ดื่มน้ำสะอาดมากๆ และพาเด็กไปตรวจริดสีดวงทวารเมื่อเด็กมีอาการคล้ายกับเป็นโรคนี้

ผลข้างเคียงจากยาดาฟลอน®

ยาดาฟลอน® สามารถส่งผลข้างเคียงได้ไม่ต่างจากการใช้ยาชนิดอื่นๆ แต่มักเกิดขึ้นได้น้อย เช่น

  • เป็นผื่นคัน
  • เวียนศีรษะ
  • นอนไม่หลับ
  • คลื่นไส้อาเจียน
  • ปวดท้อง
  • อาหารไม่ย่อย
  • ท้องเสีย

ข้อควรระวังในการใช้ยาดาฟลอน®

การใช้ยาดาฟลอน® มีข้อควรระวังบางอย่างที่ควรรู้ เพื่อจะได้ใช้ยานี้อย่างเหมาะสมและไม่เสี่ยงเกิดผลกระทบต่อร่างกาย

  • อาการแพ้ยา ยาดาฟลอน® สามารถก่ออาการแพ้ยาได้เช่นเดียวกับยาชนิดอื่น หากใช้ยาแล้วมีอาการคล้ายกับอาการแพ้ยา เช่น ผื่นขึ้น คลื่นไส้อาเจียน หายใจไม่ออก ปากบวม หน้าบวม ให้รีบไปพบแพทย์ทันที
  • การใช้ยาเกินขนาด ให้ใช้ยาในปริมาณที่แพทย์กำหนดและสั่งจ่ายเท่านั้น รวมถึงอย่าซื้อยามารับประทานเพิ่มเองด้วย
  • หากลืมรับประทานยา เมื่อลืมรับประทานยาดาฟลอน® ให้รีบรับประทานยาทันทีที่นึกได้ แต่หากใกล้เวลาที่ต้องรับประทานยาครั้งต่อไป ให้ข้ามยาครั้งที่ลืมรับประทานไปเลย แล้วรับประทานยาครั้งถัดไปในปริมาณปกติแทน ไม่ต้องรับประทานเพิ่มเพื่อชดเชยครั้งที่ลืม
  • รับประทานยาพร้อมอาหาร หรือหลังอาหารเท่านั้น อย่ารับประทานยาดาฟลอน® หากท้องว่าง
  • ยาช่วยรักษาโรคริดสีดวงทวารเพียงแค่หยุดอาการเลือดออกเท่านั้น แต่ไม่สามารถรักษาอาการเจ็บ หรือปวดแผลได้ นอกจากรับประทานยา ผู้ป่วยต้องดูแลตนเองด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และไปพบแพทย์เพื่อรักษาเพิ่มเติมด้วย
  • อย่ารับประทานยาร่วมกับบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะยิ่งทำให้เกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยามากขึ้น หรือส่งผลทำให้การออกฤทธิ์ของยาเปลี่ยนไป
  • ผู้ป่วยโรคไต หรือมีความผิดปกติเกี่ยวกับไต ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาดาฟลอน®

การใช้ยาดาฟลอน®กับสมุนไพรเพชรสังฆาต

หลายคนมักใช้ยาดาฟลอน® ร่วมกับยาสมุนไพรเพชรสังฆาตเพื่อให้อาการริดสีดวงทวารดีขึ้นเร็วกว่าเดิม แต่ความจริงแล้วไม่จำเป็นต้องรับประทานคู่กันก็ได้ เพราะฤทธิ์ของสมุนไพรเพชรสังฆาตเหมือนกับยาดาฟลอน® เช่นกัน

นอกจากนี้ในสมุนไพรเพชรสังฆาตยังมีสารแคลเซียมออกซาเลทมาก หากรับประทานไปเป็นระยะเวลานาน หรือต่อเนื่องเกินความจำเป็น ก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคเกาต์ หรือเป็นนิ่วที่ไตได้

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ตรวจและรักษาริดสีดวงทวารวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 970 บาท ลดสูงสุด 46%

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!

ยาดาฟลอน® เป็นยาสำหรับรักษาโรคริดสีดวงทวารในส่วนของการหยุดอาการเลือดออกเท่านั้น แต่ไม่ได้ช่วยให้ติ่งเนื้อ ที่ยื่นออกมาจากรูทวารหลุดออกไปแต่อย่างใด

การรักษาโรคนี้จึงต้องรักษาด้วยการรับประทานยาร่วมกับทำตามคำแนะนำของแพทย์ โดยแพทย์อาจให้ผู้ป่วยเข้ารับการผ่าตัดเพื่อนำติ่งเนื้อริดสีดวงทวารออก หรืออาจเป็นการฉีดสีให้ติ่งเนื้อริดสีดวงฝ่อ

อีกสิ่งที่สำคัญคือ ผู้ป่วยริดสีดวงทวารจะต้องดูแลตนเองด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ มีกากใยช่วยในการขับถ่ายร่วมกับการรับประทานยาด้วย เพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดของโรคนี้

หากไม่อยากเป็นโรคริดสีดวงทวารซึ่งเป็นโรคที่ก่อความรู้สึกเจ็บ และทุกข์ทรมานอย่างมาก แนะนำให้หมั่นดูแลสุขภาพด้วยการรับประทานอาหารประเภทผักสด ผลไม้สด หรืออาการที่มีกากใยมากๆ ดื่มน้ำสะอาดมากๆ พักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ

อีกเคล็ดลับสำคัญคือ ไม่ควรนั่งแช่นานๆ ในระหว่างขับถ่าย เพื่อไม่ให้กล้ามเนื้อหูรูดหย่อนจนกลายเป็นติ่งเนื้อริดสีดวงทวารได้

เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจตรวจสุขภาพทั่วไป จากคลินิกและโรงพยาบาลใกล้คุณ และไม่พลาดทุกอัปเดตเรื่องสุขภาพและโปรโมชั่นเมื่อกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android


7 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
Rama Square ช่วงสาระปันยา, ยาดาฟลอน (Daflon) ใช้อย่างไรให้ถูกโรค (https://youtu.be/x5kHdb7Eylw), 16 กันยายน 2563.
Panel Perubatan Hello Doktor, Daflon® (https://hellodoktor.com/drugs-herbals/drugs/daflon/#gref), 16 September 2020.

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)