สำหรับใครที่กำลังมองหายารักษาโรคริดสีดวงทวาร บางทียาดาฟลอน® อาจเป็นทางออกสำหรับการรักษาความทุกข์ทรมานของคุณ เรามาดูพร้อมๆ กันว่า ยาตัวนี้มีสรรพคุณดีอย่างไร แล้วมีข้อควรระวังในการใช้อย่างไรบ้าง
ความหมายของยาดาฟลอน®
ยาดาฟลอน® (Daflon®) เป็นชื่อทางการค้าของยาในกลุ่ม MPFF (Micronized Purified Flavonoid Fraction) ขนาด 500 มิลลิกรัม ตัวยาจะประกอบไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ หรือสารฟลาโวนอยด์ชื่อว่า “ไดออสมิน (Diosmin)” 450 มิลลิกรัม และสารเฮสเพอริดิน (Hesperidin) ขนาด 50 มิลลิกรัม
ตรวจและรักษาริดสีดวงทวารวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 970 บาท ลดสูงสุด 46%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ข้อบ่งใช้หลักๆ ของยาดาฟลอน® มักใช้สำหรับรักษาอาการต่อไปนี้
- รักษาโรคริดสีดวงทวาร
- รักษาโรคเกี่ยวกับหลอดเลือด หรือความผิดปกติของการไหลเวียนเลือดในหลอดเลือดดำ เช่น โรคเส้นเลือดขอด อาการปวดเมื่อยขา อาการขาบวม
นอกจากนี้ยาดาฟลอน® ยังสามารถใช้รักษาภาวะน้ำเหลืองบวม (Lymphedema) ภาวะไหลเวียนของเลือดช้าลง (Venous Stasis) ภาวะผื่นผิวหนังอักเสบ (Stasis Dermatitis) อีกด้วย
กลไกการออกฤทธิ์ของยาดาฟลอน® คือ ตัวยาจะเข้าไปช่วยเพิ่มการบีบตัวของหลอดเลือดดำ ทำให้หลอดเลือดขยายตัวเพื่อให้เลือดหมุนเวียนไปทั่วร่างกายได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น และเพิ่มความแข็งแรงของหลอดเลือดดำด้วย
สำหรับรูปแบบของยาดาฟลอน® ที่จำหน่ายในประเทศไทยจะเป็นรูปแบบยาเม็ด
วิธีรับประทานยาดาฟลอน®
การรับประทานยาดาฟลอน® มักจะต้องรับประทานติดต่อกันประมาณ 1-2 เดือน แต่ทั้งปริมาณการรับประทานยา และระยะเวลาที่รับประทานก็จะแตกต่างกันไปตามอายุ น้ำหนัก อาการเจ็บป่วยของผู้ป่วยแต่ละราย รวมถึงประวัติสุขภาพด้วย เช่น
- หากเป็นโรคริดสีดวงทวารแบบเฉียบพลัน ตัวยาจะเข้าไปทำให้หลอดเลือดแข็งแรง ไม่แตกง่าย ทำให้อาการเลือดออกระหว่างเป็นโรคริดสีดวงทวารลดลง
โดยส่วนมากแพทย์จะให้รับประทาน 2 เม็ดต่อวัน วันละ 3 เวลาหลังอาหาร หรือพร้อมอาหารได้เลย เป็นระยะเวลา 4 วัน หลังจากนั้นให้ลดขนาดยาเป็น 2 เม็ดต่อวัน วันละ 2 เวลา เป็นระยะเวลา 3 วันแทน แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่การประเมินอาการของแพทย์ด้วย - หากเป็นโรคเกี่ยวกับหลอดเลือด ตัวยาจะเข้าไปช่วยทำให้การไหลเวียนของเลือดคล่องตัวขึ้น ให้โดยปกติจะให้รับประทาน 1 เม็ดต่อวัน วันละ 2 ครั้งหลังอาหารมื้อกลางวันกับมื้อเย็น
สำหรับปริมาณการรับประทานยาในเด็ก ผู้ปกครองควรปรึกษากับแพทย์เสียก่อน เพื่อให้แพทย์ประเมินอาการเจ็บป่วยของเด็ก และประวัติสุขภาพอื่นๆ ว่า เด็กสามารถรับประทานยาดาฟลอน® ได้หรือไม่
แต่โดยปกติยาตัวนี้จะไม่เหมาะกับผู้มีอายุต่ำกว่า 18 ปี เว้นแต่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์ หรือแพทย์เป็นผู้จ่ายยา
ตรวจและรักษาริดสีดวงทวารวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 970 บาท ลดสูงสุด 46%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
แต่ทางที่ดีเพื่อไม่เกิดโรคนี้กับเด็กๆ ซึ่งจะสร้างความทุกข์ทรมานต่อร่างกายเป็นอย่างมาก ผู้ปกครองควรระมัดระวังอย่าให้เด็กนั่งอยู่ในห้องน้ำนานๆ ฝึกการขับถ่ายให้เป็นนิสัย เช่น เมื่อปวดท้องให้รีบเข้าห้องน้ำทันที ห้ามอั้น
ให้รับประทานอาหารที่มีกากใยมากๆ เช่น ผักสดและผลไม้สด ดื่มน้ำสะอาดมากๆ และพาเด็กไปตรวจริดสีดวงทวารเมื่อเด็กมีอาการคล้ายกับเป็นโรคนี้
ผลข้างเคียงจากยาดาฟลอน®
ยาดาฟลอน® สามารถส่งผลข้างเคียงได้ไม่ต่างจากการใช้ยาชนิดอื่นๆ แต่มักเกิดขึ้นได้น้อย เช่น
- เป็นผื่นคัน
- เวียนศีรษะ
- นอนไม่หลับ
- คลื่นไส้อาเจียน
- ปวดท้อง
- อาหารไม่ย่อย
- ท้องเสีย
ข้อควรระวังในการใช้ยาดาฟลอน®
การใช้ยาดาฟลอน® มีข้อควรระวังบางอย่างที่ควรรู้ เพื่อจะได้ใช้ยานี้อย่างเหมาะสมและไม่เสี่ยงเกิดผลกระทบต่อร่างกาย
- อาการแพ้ยา ยาดาฟลอน® สามารถก่ออาการแพ้ยาได้เช่นเดียวกับยาชนิดอื่น หากใช้ยาแล้วมีอาการคล้ายกับอาการแพ้ยา เช่น ผื่นขึ้น คลื่นไส้อาเจียน หายใจไม่ออก ปากบวม หน้าบวม ให้รีบไปพบแพทย์ทันที
- การใช้ยาเกินขนาด ให้ใช้ยาในปริมาณที่แพทย์กำหนดและสั่งจ่ายเท่านั้น รวมถึงอย่าซื้อยามารับประทานเพิ่มเองด้วย
- หากลืมรับประทานยา เมื่อลืมรับประทานยาดาฟลอน® ให้รีบรับประทานยาทันทีที่นึกได้ แต่หากใกล้เวลาที่ต้องรับประทานยาครั้งต่อไป ให้ข้ามยาครั้งที่ลืมรับประทานไปเลย แล้วรับประทานยาครั้งถัดไปในปริมาณปกติแทน ไม่ต้องรับประทานเพิ่มเพื่อชดเชยครั้งที่ลืม
- รับประทานยาพร้อมอาหาร หรือหลังอาหารเท่านั้น อย่ารับประทานยาดาฟลอน® หากท้องว่าง
- ยาช่วยรักษาโรคริดสีดวงทวารเพียงแค่หยุดอาการเลือดออกเท่านั้น แต่ไม่สามารถรักษาอาการเจ็บ หรือปวดแผลได้ นอกจากรับประทานยา ผู้ป่วยต้องดูแลตนเองด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และไปพบแพทย์เพื่อรักษาเพิ่มเติมด้วย
- อย่ารับประทานยาร่วมกับบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะยิ่งทำให้เกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยามากขึ้น หรือส่งผลทำให้การออกฤทธิ์ของยาเปลี่ยนไป
- ผู้ป่วยโรคไต หรือมีความผิดปกติเกี่ยวกับไต ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาดาฟลอน®
การใช้ยาดาฟลอน®กับสมุนไพรเพชรสังฆาต
หลายคนมักใช้ยาดาฟลอน® ร่วมกับยาสมุนไพรเพชรสังฆาตเพื่อให้อาการริดสีดวงทวารดีขึ้นเร็วกว่าเดิม แต่ความจริงแล้วไม่จำเป็นต้องรับประทานคู่กันก็ได้ เพราะฤทธิ์ของสมุนไพรเพชรสังฆาตเหมือนกับยาดาฟลอน® เช่นกัน
นอกจากนี้ในสมุนไพรเพชรสังฆาตยังมีสารแคลเซียมออกซาเลทมาก หากรับประทานไปเป็นระยะเวลานาน หรือต่อเนื่องเกินความจำเป็น ก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคเกาต์ หรือเป็นนิ่วที่ไตได้
ตรวจและรักษาริดสีดวงทวารวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 970 บาท ลดสูงสุด 46%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ยาดาฟลอน® เป็นยาสำหรับรักษาโรคริดสีดวงทวารในส่วนของการหยุดอาการเลือดออกเท่านั้น แต่ไม่ได้ช่วยให้ติ่งเนื้อ ที่ยื่นออกมาจากรูทวารหลุดออกไปแต่อย่างใด
การรักษาโรคนี้จึงต้องรักษาด้วยการรับประทานยาร่วมกับทำตามคำแนะนำของแพทย์ โดยแพทย์อาจให้ผู้ป่วยเข้ารับการผ่าตัดเพื่อนำติ่งเนื้อริดสีดวงทวารออก หรืออาจเป็นการฉีดสีให้ติ่งเนื้อริดสีดวงฝ่อ
อีกสิ่งที่สำคัญคือ ผู้ป่วยริดสีดวงทวารจะต้องดูแลตนเองด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ มีกากใยช่วยในการขับถ่ายร่วมกับการรับประทานยาด้วย เพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดของโรคนี้
หากไม่อยากเป็นโรคริดสีดวงทวารซึ่งเป็นโรคที่ก่อความรู้สึกเจ็บ และทุกข์ทรมานอย่างมาก แนะนำให้หมั่นดูแลสุขภาพด้วยการรับประทานอาหารประเภทผักสด ผลไม้สด หรืออาการที่มีกากใยมากๆ ดื่มน้ำสะอาดมากๆ พักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ
อีกเคล็ดลับสำคัญคือ ไม่ควรนั่งแช่นานๆ ในระหว่างขับถ่าย เพื่อไม่ให้กล้ามเนื้อหูรูดหย่อนจนกลายเป็นติ่งเนื้อริดสีดวงทวารได้
เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจตรวจสุขภาพทั่วไป จากคลินิกและโรงพยาบาลใกล้คุณ และไม่พลาดทุกอัปเดตเรื่องสุขภาพและโปรโมชั่นเมื่อกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android