วัยทำงานหรือช่วงอายุประมาณ 23-60 ปี เป็นช่วงวัยเก็บเกี่ยวประสบการณ์ หลายคนทุ่มเทพลังกายใจเพื่อให้บรรลุเป้าหมายชีวิตในช่วงวัยนี้ จนถึงกับอาจละเลยการดูแลสุขภาพไป
เมื่อพูดถึงปัญหาสุขภาพ โรคร้ายอย่าง “มะเร็ง” ถือว่ามีคนเป็นกันเยอะ โดยจากสถิติของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ พ.ศ. 2562 พบว่า ช่วงอายุ 30 จะเริ่มมีผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่จำนวนมาก และเพิ่มจำนวนขึ้นตามช่วงอายุที่มากขึ้น ช่วงอายุที่มีผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่มากที่สุดอยู่ที่อายุ 55 ปี
ทั้งหมดเป็นผู้ป่วยเพศหญิงมากกว่าเพศชาย และในบรรดาผู้ป่วยที่สามารถระบุระยะของโรคได้ พบว่าเป็นมะเร็งระยะที่ 4 มากที่สุด รองลงมาเป็นระยะที่ 3, 2 และ 1 ตามลำดับ
ตัวเลขเหล่านี้แสดงได้เห็นว่า โรคมะเร็งเป็นโรคหนึ่งที่คนวัยทำงานต้องเฝ้าระวัง อาการ และหลายคน กว่าจะพบว่าเป็นโรคนี้ ก็เมื่อเข้าสู่ระยะรุนแรงแล้ว
5 ชนิดมะเร็งที่เสี่ยงจะเป็นได้มากในช่วงวัยทำงาน
มาดู 5 ชนิดมะเร็งที่เสี่ยงจะเป็นได้มากในช่วงวัยทำงาน อาการแสดง รวมถึงค่าใช้จ่ายโดยประมาณในการรักษา
1. มะเร็งตับ
มะเร็งตับมีความเสี่ยงจะพบได้บ่อยในช่วง 30-35 ปี พบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง
มักพัฒนาจากภาวะตับแข็ง ซึ่งมาจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ หรือรับประทานอาหารปนเปื้อนอะฟลาทอกซิน (Aflatoxin) จากราในอาหารแห้งจำพวกถั่ว พริกป่น หรือบางคนอาจตับแข็งเนื่องจากรับสารกำจัดศัตรูพืช
ระยะแรกของมะเร็งตับมักไม่มีอาการใดๆ เลย กระทั่งก้อนมะเร็งพัฒนาไปมากแล้วจึงค่อยแสดงความผิดปกติ เช่น
- น้ำหนักลดโดยไม่รู้สาเหตุ
- เบื่ออาหาร
- คลื่นไส้
- อาเจียน
- เจ็บช่องท้องส่วนบนบริเวณด้านขวา หรืออาจมีอาการบวมบริเวณดังกล่าว
- มีอาการดีซ่าน ผิวหนังและตาเหลือง
- อุจจาระสีซีด
- อ่อนแรง
- ไม่สบายตัว
- มีไข้
การรักษามะเร็งตับมักใช้วิธีผ่าตัด เคมีบำบัด หรือปลูกถ่ายตับใหม่ ขึ้นอยู่กับระยะของโรคที่เป็นและบริเวณที่เกิดก้อนเนื้อร้าย
ค่าใช้จ่ายสำหรับรักษามะเร็งตับด้วยวิธีทำคีโม อยู่ที่ประมาณ 180,000-220,000 บาท
ส่วนการปลูกถ่ายตับ ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ราวๆ 400,000-500,000 บาท ไม่รวมค่ายากดภูมิเดือนละประมาณ 10,000 บาท
2. มะเร็งปากมดลูก
มะเร็งปากมดลูกพบมากในผู้หญิงช่วงอายุ 35-50 ปี กลุ่มเสี่ยงได้แก่ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนหลายคน ผู้ที่มีลูก 3 คนขึ้นไป หรือมีลูกตั้งแต่อายุยังน้อย
มะเร็งปากมดลูกระยะแรกเริ่มอาจไม่มีอาการแสดงใดๆ เลย จนกระทั่งเข้าสู่ระยะลุกลามแล้วจึงจะมีอาการที่ผู้ป่วยสังเกตได้เอง เช่น
- รู้สึกเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์
- มีตกขาวหรือเลือดออกทางช่องคลอดหลังมีเพศสัมพันธ์ใหม่ๆ
- มีเลือดที่ไม่ใช่เลือดประจำเดือนออกมาจากช่องคลอด
การรักษามะเร็งปากมดลูกมักใช้หลายวิธีผสมกัน ได้แก่ ผ่าตัด ฝังแร่ และฉายแสง ขึ้นอยู่กับระยะของโรค
ค่าผ่าตัดขึ้นอยู่กับบริเวณที่ต้องผ่าตัดออกไป เทคนิคการผ่า รวมถึงสถานที่ให้บริการ อยู่ที่ราว 70,000-120,000 บาท ส่วนค่าใช้จ่ายในการฝังแร่และฉายแสงหรือฉายรังสีรักษามะเร็งปากมดลูกอยู่ที่ประมาณ 150,000 บาท
3. มะเร็งเต้านม
มะเร็งเต้านมพบมากในผู้หญิงช่วงอายุ 35-55 ปี ซึ่งผู้หญิงทุกคนมีความเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านมได้ ส่วนใหญ่แล้วเป็นผลมาจากการสัมผัสฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) เป็นเวลานาน พบว่าผู้ที่เคยมีประวัติเป็นมะเร็งรังไข่มีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งเต้านมเพิ่มขึ้น เนื่องจากโรคมะเร็งรังไข่ก็เกี่ยวข้องกับการสัมผัสฮอร์โมนเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ ผู้ที่มีภาวะอ้วน ขาดการออกกำลังกาย ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ได้รับรังสีปริมาณสูง ก็มีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งเต้านมมากกว่าคนอื่นๆ เช่นกัน
ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมมักเข้าพบแพทย์เนื่องจากอาการต่อไปนี้
- คลำพบก้อนที่เต้านม ใต้แขน หรือรักแร้
- ลักษณะผิว ขนาด สี ของเต้านมมีความเปลี่ยนแปลง เช่น มีผื่น แดง มีผื่นคล้ายผิวส้ม
- หัวนมบุ๋ม มีแผล มีเลือดไหลหรือน้ำเหลืองไหลออกมา
- มีอาการปวดบริเวณเต้านม
การรักษามะเร็งเต้านมอาจใช้หลายวิธีร่วมกัน ได้แก่ การผ่าตัด ทำคีโม ใช้ยา ฉายแสงหรือฉายรังสีรักษา
ค่าผ่าตัดรักษามะเร็งเต้านม อยู่ที่ประมาณ 130,000-160,000 บาท ค่าทำคีโมขึ้นอยู่กับจำนวนเข็มที่ต้องใช้และสถานที่ให้บริการ รวมแล้วอาจอยู่ในหลักแสนถึงล้าน ค่าใช้จ่ายในการฉายรังสีรักษา แบบ 3 มิติ อยู่ที่ประมาณ 85,000 บาท ส่วนแบบ 2 มิติ อยู่ที่ราวๆ 70,000 บาท
4. มะเร็งปอด
บางคนอาจคิดว่า มะเร็งปอดเป็นได้เฉพาะในผู้ที่สูบบุหรี่จัด เนื่องจากผู้สูบบุหรี่มีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งปอดได้มากกว่าผู้ไม่สูบบุหรี่ราว 10-30 เท่า แต่ความจริงแล้ว แม้ตัวคุณเองไม่ได้สูบบุหรี่ แต่ก็สามารถรับสารพิษจากบุหรี่ได้จากควันที่คนอื่นสูบ รวมไปถึงมลภาวะ สารพิษ และสิ่งแวดล้อมในที่ทำงานได้เช่นกัน
โดยส่วนใหญ่มักพบมะเร็งปอดพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง
มะเร็งปอดมักมีอาการแสดงเมื่อโรคเป็นมากแล้ว เช่นอาการต่อไปนี้
- ไอเรื้อรัง โดยอาจเป็นลักษณะไอแห้งๆ หรือไอมีเสมหะ บางครั้งมีเลือดปน
- มีปัญหาการหายใจ เช่น หายใจสั้นๆ หรือหายใจมีเสียงหวีด
- เจ็บหน้าอก
- เสียงแหบ
- ติดเชื้อในปอดบ่อย
- เหนื่อยง่ายหรือรู้สึกเหนื่อยอยู่ตลอดเวลา
- น้ำหนักลดมากในช่วงเวลาสั้นๆ
- อาจมีอาการทางระบบประสาท เช่น แขน ขา อ่อนแรง ชา กลั้นปัสสาวะ อุจจาระ ไม่ได้ ถ้าเซลล์มะเร็งปอดลามไปที่สมองหรือไขกระดูกสันหลัง
- อาจมีอาการปวดกระดูกมาก หากเซลล์มะเร็งลามสู่กระดูกแล้ว
การรักษามะเร็งปอดขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่เป็น ขนาดเซลล์มะเร็ง ความรุนแรงของโรค และสภาพร่างกายผู้ป่วย อาจใช้วิธีผ่าตัดเอาเนื้อร้ายออก ทำคีโม ฉายแสง หรือใช้วิธีรักษาแบบตรงจุดหรือแบบมุ่งเป้า (Targeted Therapy)
ค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดรักษามะเร็งปอดประมาณ 20,000 บาท ค่าทำคีโมขึ้นอยู่กับสูตรยา ราคาต่อ 1 เข็มอยู่ที่หลักหมื่นปลายๆ หรืออาจเกิน 100,000 บาท และต้องทำหลายครั้ง ค่าใช้จ่ายสำหรับการฉายแสงรักษามะเร็งปอด ด้วยเทคนิค IMRT/VMAT อยู่ที่ประมาณ 200,000 บาท เทคนิค 3 มิติ อยู่ที่ 150,000 บาท
ส่วนการรักษาแบบตรงจุดหรือแบบมุ่งเป้าซึ่งให้ผลค่อนข้างดี และมีผลข้างเคียงต่อเซลล์ดีบริเวณใกล้ๆ น้อย ราคาค่อนข้างสูงมาก คืออยู่ที่ประมาณ 170,000-2,000,000 บาท
5. มะเร็งผิวหนัง
มะเร็งผิวหนังมักพบในผู้ที่อายุ 40 ปีขึ้นไป เพศชายเป็นมากกว่าเพศหญิง บริเวณผิวนอกร่มผ้ามีโอกาสเป็นมะเร็งผิวหนังมากกว่าบริเวณในร่มผ้า เนื่องจากปัจจัยที่ทำให้เป็นมะเร็งชนิดนี้ได้มากคือรังสีอัลตราไวโอเลต
คนวัยทำงานที่ต้องอยู่กลางแจ้งหรือออกแดดเป็นประจำ ซึ่งผิวหนังต้องสัมผัสกับรังสี UVA และ UVB บ่อยๆ จึงจัดว่าเป็นกลุ่มเสี่ยง
เนื่องจากเป็นอวัยวะที่อยู่ภายนอกจึงเห็นความผิดปกติได้ค่อนข้างง่าย โดยเฉพาะบริเวณแขน ขา มือ ใบหน้า อาการที่ควรสังเกตเพราะอาจบ่งชี้ถึงมะเร็งผิวหนัง ได้แก่
- ไฝที่มีอยู่เดิมมีลักษณะเปลี่ยนไป เช่น ไม่สมมาตร ขอบไฝไม่เรียบ สีไม่สม่ำเสมอ
- ไฝหรือปานที่มีอยู่โตเร็วขึ้น
- มีผื่นหรือก้อนเกิดใหม่ โดยไม่หายไปแม้ผ่านไปแล้ว 4-6 สัปดาห์
- เป็นแผลเรื้อรัง ไม่หายใน 4 สัปดาห์
วิธีรักษามะเร็งผิวหนังมักใช้วิธีขูดออกและจี้ด้วยไฟฟ้า จี้เย็น หรือผ่าตัดผิวหนังและเนื้อเยื่อโดยรอบออก ซึ่งอาจต้องทำหลายครั้ง
ตัวอย่างค่ารักษามะเร็งผิวหนังด้วยวิธีจี้เย็น ผ่าตัด จากสถาบันโรคผิวหนัง อยู่ที่หลักร้อยถึง 2,000 บาทต่อจุดต่อครั้งครั้ง
อย่างไรก็ตาม การรักษามะเร็งมักไม่ใช่แค่จ่ายค่าผ่าตัด ฉายแสง ทำคีโม ดังข้างต้นแล้วจบ ยังมักมีค่าห้องสำหรับผู้ป่วย ค่าเดินทาง หรืออาจต้องมีค่าใช้จ่ายสำหรับผู้ดูแลผู้ป่วย
นอกจากนี้โรคมะเร็งยังเป็นโรคที่ต้องมีการติดตามผลการรักษาต่อเนื่อง ต้องคอยระมัดระวังเซลล์มะเร็งลุกลามไปยังอวัยวะอื่น อาจต้องรับประทานยาหรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น แนวทางการรับประทานอาหาร
เหล่านี้ล้วนก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายจำนวนมาก ยังไม่นับว่าในช่วงเป็นมะเร็ง ผู้ป่วยย่อมมีคุณภาพชีวิตแตกต่างไปจากเดิม บางคนอาจไม่สามารถทำงานในตามปกติ ทำให้ขาดรายได้
ทำอย่างไรให้ห่างไกลโรคมะเร็ง
การดูแลสุขภาพ หรือป้องกันตัวเองให้ห่างไกลจากโรคมะเร็ง ไม่ว่าจะเป็น 5 ชนิดมะเร็งที่เสี่ยงจะเป็นได้มากในช่วงวัยทำงาน หรือมะเร็งชนิดอื่นๆ อย่างแรกคือต้องรู้เท่าทันมะเร็งแต่ละชนิด เพื่อจะได้หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่ควบคุมได้อย่างเหมาะสม เช่น
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ หรือสวมแมสก์ป้องกันฝุ่นในช่วงที่ฝุ่น PM 2.5 มีความหนาแน่นสูง เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งปอด
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ เพื่อลดความเสี่ยงของมะเร็งตับ
- ฉีดวัคซีน HPV เพื่อป้องกันไวรัส HPV สาเหตุใหญ่ของมะเร็งปากมดลูก
- ทาครีมกันแดดที่มีสารป้องกันรังสี UVA และ UVB เมื่อต้องออกกลางแจ้ง โดยไม่ลืมทาครีมซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมง เพื่อป้องกันมะเร็งผิวหนัง
นอกจากนี้ เนื่องจากมะเร็งระยะเริ่มแรกมักไม่มีอาการใดๆ การตรวจคัดกรองมะเร็งตามความเสี่ยงด้านพฤติกรรม เพศ และวัย จึงเข้ามาเป็นตัวช่วยเพื่อให้พบโรคตั้งแต่เนิ่นๆ นำไปสู่การรักษาอย่างทันท่วงที ซึ่งโอกาสจะรักษาหายก็จะมีมากกว่ารักษาเมื่อเป็นระยะลุกลาม
ข้อสำคัญคือ ทุกคนควรสังเกตร่างกายของตนเองอย่างสม่ำเสมอ ดูว่ามีอะไรผิดปกติไปจากเดิมหรือไม่ เพื่อเป็นข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วนแก่แพทย์ผู้ทำการตรวจ เพื่อให้ได้ผลแม่นยำที่สุด
รับมืออาการเจ็บป่วย ด้วยประกันสุขภาพจาก พรูอีซี่แคร์
แม้จะดูแลสุขภาพเป็นอย่างดี หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง ตรวจคัดกรองตามช่วงอายุ แต่การเกิดโรคมะเร็งยังมีปัจจัยภายในอย่างพันธุกรรมที่ไม่สามารถควบคุมได้
ดังนั้นเพื่อปิดความเสี่ยงด้านค่ารักษา ประกันสุขภาพที่คุ้มครองค่ารักษามะเร็งจึงเข้ามาเป็นทางเลือกหนึ่ง กดเช็คเบี้ยหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่
ปิดความเสี่ยงล้มละลายเพราะรักษามะเร็ง ด้วยประกันสุขภาพ พรูอีซี่แคร์
- อายุรับประกันภัยตั้งแต่ 20-60 ปี เหมาะสำหรับวัยทำงาน First Jobber ก็ทำได้ มี 4 แผนให้เลือก คุณบริการจัดการความเสี่ยงเองได้ตามใจ
- ให้ผลประโยชน์รวมสูงสุด 1 ล้านบาท ตั้งแต่วันเริ่มสัญญาถึงอายุ 65 ปี
- ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลแบบผู้ป่วยใน ค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าผ่าตัด ค่าแพทย์ ค่ารถพยาบาล และค่ารักษาพยาบาลอื่นๆ
- ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอกโรคมะเร็ง ค่ารักษาต่อเนื่อง ตามความจำเป็นทางการแพทย์อันเป็นผลมาจากโรคมะเร็ง
วัยเริ่มทำงานที่อายุยังน้อยที่ดูสุขภาพแข็งแรง ยังไม่เคยเกิดความปกติใดๆ บ่งบอกว่าเป็นมะเร็ง อาจคิดว่าการซื้อประกันสุขภาพไม่จำเป็น ความจริงแล้วประกันสุขภาพควรมีไว้ก่อนตั้งแต่ยังสุขภาพแข็งแรงดี เนื่องจากด้วยเงื่อนไขของบางกรมธรรม์ ถ้ามีอาการป่วยขึ้นแล้วจะไม่สามารถทำประกันได้
อย่างไรก็ตาม ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจในรายละเอียดความคุ้มครองและเงื่อนไขก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง เงื่อนไขอาจมีการเปลี่ยนแปลง สำหรับประกันสุขภาพ ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอกโรคมะเร็ง พรูอีซี่แคร์ สามารถสอบถามเพิ่มเติมที่ตัวแทนประกันภัย พรูเดนเชียล ประกันชีวิต
การดูแลสุขภาพ ป้องกันก่อนเกิดโรค เป็นสิ่งสำคัญ แต่การเตรียมพร้อมเผื่อไว้กรณีเกิดเหตุไม่คาดคิด ก็เป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน