หนึ่งในอุปกรณ์สลาย หรือควบคุมฝูงชนที่เห็นกันบ่อยทั้งในเมืองไทยเองและต่างประเทศก็คือ “แก๊สน้ำตา” หลายคนเข้าใจว่า แก๊สน้ำตาทำให้มีอาการแสบตา น้ำตาไหลจนต้องหลบออกจากหมอกควันเท่านั้น
แต่ความจริงแล้ว แก๊สน้ำตาส่งผลต่ออวัยวะอื่นๆ ได้มากมายทั้งภายนอกและภายใน
โปรแกรมตรวจสุขภาพวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 99 บาท ลดสูงสุด 96%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
แก๊สน้ำตาคืออะไร?
แก๊สน้ำตา (Tear gas) หรือสารควบคุมฝูงชน (Riot control agent) เป็นสารประกอบทางเคมีที่ออกฤทธิ์ระคายเคืองดวงตา ปาก ลำคอ ปอด และผิวหนัง ในชั่วระยะเวลาหนึ่ง
ส่วนประกอบของแก๊สน้ำตามีหลายอย่าง สารประกอบที่สำคัญ ได้แก่
- Chloroacetophenone (CN) เป็นสารที่ทำให้เกิดการระคายเคือง มีใช้มาตั้งแต่แก๊สน้ำตาในยุคสงครามโลก มีความอันตรายต่อร่างกายมากกว่าสารตัวอื่น
- Chlorobenzylidenemalononitrile (CS) เป็นสารที่ทำให้เกิดการระคายเคืองเช่นกัน แต่มีอันตรายน้อยกว่า CN สามารถล้างออกได้ด้วยน้ำเปล่า
นอกจากนี้ยังมีสารประกอบอื่นๆ ที่อาจจะพบได้ เช่น
- Chloropicrin (PS) เป็นสารสร้างความระคายเคืองให้ปอด ตา และผิวหนัง
- Bromobenzyl Cyanide (CA) เป็นสารที่ทำให้น้ำตาไหลและระคายเคืองตา
- Dibenzoxazepine (CR) เป็นสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อตาและผิวหนังมากกว่าทางเดินหายใจ
ปัจจุบันมีการนำแก๊สน้ำตามาพัฒนาหลายรูปแบบเพื่อประโยชน์ในการใช้งาน เช่น กระป๋อง กระสุน ระเบิด สเปรย์ ของเหลว
วิธีป้องกันแก๊สน้ำตา
หลักการป้องกันแก๊สน้ำตาทำได้โดยการปกปิดร่างกายให้มากที่สุด เพื่อเหลือพื้นที่ให้ร่างกายสัมผัสกับแก๊สน้ำตาให้น้อยที่สุด โดยอาจทำตามข้อควรปฎิบัติดังต่อไปนี้
- สวมหน้ากากอนามัย หรือหากหาไม่ได้ในบริเวณใกล้เคียง อาจใช้ผ้าพันคอพันรอบตั้งแต่จมูกไปจนถึงใต้คาง
- สวมแว่นกันลม แก๊สน้ำตาส่งผลให้ระคายเคืองดวงตาค่อนข้างมาก ควรสวมแว่นกันลมขนาดใหญ่ หรือแว่นสำหรับใส่ว่ายน้ำเพื่อป้องกัน
- สวมเสื้อผ้ามิดชิด อาจเตรียมเสื้อแขนยาว กางเกงขายาวและผ้าพันคอไป เพื่อปกปิดผิวกายจากแก๊สให้มากที่สุด
หากไม่ได้ใส่แว่นกันลม หรือแว่นสำหรับใส่ว่ายน้ำ ควรหลีกเลี่ยงการสวมคอนแทคเลนส์ เพราะไม่สามารถป้องกันแก๊สน้ำตาได้ และอาจทำให้ระคายเคืองมากกว่าเดิม
โปรแกรมตรวจสุขภาพวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 99 บาท ลดสูงสุด 96%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
แก๊สน้ำตามีผลต่อร่างกายอย่างไร?
เมื่อแก๊สน้ำตากระจายตัวในอากาศ สารเคมีจะจับกับความชื้นต่างๆ รวมถึงความชื้นจากร่างกายของมนุษย์ เช่น น้ำตา ไขมันที่ผิวกาย ไขมันจากเส้นผม น้ำมูก น้ำลาย
เมื่อแก๊สน้ำตาสัมผัสกับร่างกาย สารเคมีภายในแก๊สจะส่งผลต่อประสาทสัมผัสของร่างกายทำให้เกิดอาการระคายเคืองภายในไม่กี่วินาทีที่สัมผัส
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับร่างกาย มีดังนี้
- ผลต่อดวงตา เช่น น้ำตาไหล แสบร้อน ตาแดง เห็นภาพไม่ชัด
- ผลต่อจมูก เช่น น้ำมูกไหล แสบจมูก จมูกบวม
- ผลต่อปาก เช่น แสบ ระคายเคือง กลืนลำบาก น้ำลายไหล
- ผลต่อปอด เช่น แน่นหน้าอก ไอ หายใจมีเสียง หายใจหอบถี่
- ผลต่อผิวหนัง เช่น แสบร้อน มีผื่นแดงขึ้น
- ผลต่อหัวใจ เช่น อาจเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจและเป็นอันตรายในผู้ที่เป็นโรคหัวใจ
- อื่นๆ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน
แต่ผลข้างเคียงอาจหายไปหลังออกจากสถานที่ที่มีแก๊สน้ำตา หรือชำระล้างบริเวณที่สัมผัสแก๊สน้ำตาเรียบร้อยแล้ว ประมาณ 15-30 นาที หากอาการยังไม่ดีขึ้นหลังจากนั้น หรือมีอาการรุนแรงมากขึ้น ควรปรึกษาแพทย์ หรือตรวจสุขภาพ เพื่อหาสาเหตุของอาการที่แท้จริง
อย่างไรก็ตาม แก๊สน้ำตาสามารถทำอันตรายร้ายแรงต่อปอดได้เมื่อหายใจเข้าไปปริมาณมากในพื้นที่ปิด และอาจเป็นสาเหตุให้เสียชีวิตได้
วิธีปฏิบัติตัวเมื่อสัมผัสแก๊สน้ำตา
เมื่อสัมผัสถูกแก๊สน้ำตา ควรทำตามข้อปฎิบัติดังต่อไปนี้
- ออกจากพื้นที่ทันที ผลข้างเคียงของแก๊สน้ำตาจะมากขึ้นเรื่อยๆ ตามปริมาณและเวลาที่สัมผัสแก๊ส
- เดินเร็วได้แต่ไม่ควรวิ่ง การวิ่งจะทำให้หายใจเร็วขึ้นมาก และสูดเอาแก๊สน้ำตาเข้าไปมากขึ้น ดังนั้นควรใช้วิธีการเดินเร็วออกจากพื้นที่
- ล้างหน้าล้างตาด้วยน้ำสะอาด หากรู้สึกระคายเคืองดวงตา ตาพร่า ให้ล้างด้วยน้ำสะอาด 10-15 นาที ไม่ควรใช้สิ่งแปลกปลอม เช่น เบคกิ้งโซดา หรือนมในการล้างออก เพราะยังมีหลักฐานน้อยเกินกว่าจะยืนยันความปลอดภัย
- พยายามขึ้นที่สูงเพื่อหาอากาศบริสุทธิ์ แก๊สน้ำตามักจะลอยตัวอยู่ที่ต่ำ การขึ้นที่สูงจึงเป็นวิธีที่ดีในการหลีกเลี่ยงแก๊ส
- อาบน้ำล้างสบู่ หากมีโอกาสควรถอดเสื้อผ้าที่สัมผัสแก๊สน้ำตาออก แล้วรีบอาบน้ำล้างตัวเพื่อชะล้างแก๊สน้ำตาออกโดยเฉพาะบริเวณผม
- ไม่ควรจับกระป๋องแก๊สน้ำตาด้วยตัวเอง การจับกระป๋องแก๊สเพื่อโยนออกไปห่างๆ อาจทำให้ได้รับผลข้างเคียงรุนแรงขึ้นกว่าเดิม วิธีที่ดีที่สุดคือ การออกจากพื้นที่
- แยกเสื้อผ้าที่ปนเปื้อนแก๊ส สารเคมีที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองอาจอยู่ได้นานหลายวัน ดังนั้นควรตากเสื้อผ้าที่โดนแก๊สน้ำตาไว้ในที่อากาศถ่ายเทอย่างน้อย 48 ชั่วโมงก่อนนำมาซัก
หากทำตามข้อควรปฎิบัติต่างๆ แล้วอาการยังไม่หายไปหลัง 30 นาที หรือมีอาการผิดปกติเกี่ยวกับปอดและดวงตามากขึ้น ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อรับการตรวจตาและตรวจปอด รวมทั้งตรวจรายการที่จำเป็นต่อไป
โดยรวมแล้วแก๊สน้ำตาเป็นอาวุธที่ก่อให้เกิดอันตรายได้ แต่ผลข้างเคียงมักเกิดในระยะสั้นและไม่รุนแรง ส่วนหัวใจสำคัญของป้องกันแก๊สคือ สัมผัสกับแก๊สน้ำตาให้น้อยที่สุดและระยะเวลาสั้นที่สุด
เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจตรวจสุขภาพ จากคลินิกและโรงพยาบาลใกล้คุณ และไม่พลาดทุกการอัปเดตเรื่องสุขภาพและโปรโมชั่นเมื่อกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android