LGBTQ+ หรือกลุ่มผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ เป็นกลุ่มที่ต้องมีการดูแลสุขภาพเฉพาะทาง เพื่อเตรียมความพร้อมทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ ให้รองรับกับการดำเนินชีวิตในรูปแบบที่ต้องการ
หลายคนอาจเข้าใจว่า การดูแลสุขภาพของ LGBTQ+ นั้นมักเกี่ยวข้องกับการเตรียมร่างกายเพื่อการผ่าตัดศัลยกรรมเท่านั้น แต่จริงๆ แล้ว ยังมีการดูแลสุขภาพด้านอื่นๆ ที่ควรรู้อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมความพร้อมด้านสภาพจิตใจ การปรับสมดุลฮอร์โมน ไปจนถึงการศัลยกรรมเพื่อปรับลักษณะทางกายภาพอื่นๆ ซึ่งขั้นตอนเหล่านี้นับว่ามีความสำคัญมาก เพื่อให้การดำเนินชีวิตมีความสมบูรณ์ที่สุด ทั้งนี้กระบวนการดูแลสุขภาพเฉพาะทางสำหรับ LGBTQ+ นั้นมีรายละเอียดดังนี้
1. การเตรียมความพร้อมด้านสภาพจิตใจ
สภาพจิตใจที่แข็งแรงเป็นพื้นฐานสำคัญของการดำเนินชีวิตอย่างมั่นคงและสมบูรณ์ LGBTQ+ หลายๆ คนอาจมีความรู้สึกสับสน กังวล หรือกดดัน เนื่องจากได้รับแรงเสียดทานจากเพื่อน ครอบครัวหรือสังคมในหลากหลายรูปแบบ ทั้งด้านคำพูดและการกระทำ ซึ่งบางครั้งอาจส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจอย่างร้ายแรงได้ ดังนั้นการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพจิตใจ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ LQBTQ+ ที่กำลังประสบปัญหาดังกล่าวสามารถก้าวผ่านปัญหาเหล่านั้นได้อย่างเหมาะสม
นอกจากนี้สำหรับผู้ที่ต้องการศัลยกรรมเพื่อปรับลักษณะทางกายภาพหรือปรับเพศสภาพ ตามข้อบังคับแพทยสภาระบุว่า ผู้ที่ต้องการเข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศ จำเป็นจะต้องได้รับคำปรึกษาจากจิตแพทย์จำนวน 2 ท่าน เพื่อประเมินและรับรองว่าสภาวะจิตใจมีความพร้อมต่อการผ่าตัดแปลงเพศ เพราะหากดำเนินการผ่าตัดแปลงเพศไปแล้ว จะไม่สามารถแก้ไขได้อีก ดังนั้นการเตรียมความพร้อมด้านสภาพจิตใจของ LQBTQ+ จึงเป็นสิ่งสำคัญ
2. การดูแลเรื่องการใช้ฮอร์โมน
LQBTQ+ หลายคน มีการใช้ฮอร์โมนเพื่อปรับลักษณะทางกายภาพภายนอก ให้ใกล้เคียงกับเพศสภาพที่ต้องการมากที่สุด ซึ่งมีทั้งการรับประทาน การฉีดและการใช้ภายนอก เช่น แผ่นแปะผิวหนัง เจลทาผิวหนัง เป็นต้น
แต่ปัญหาที่พบคือ ผู้ที่ใช้ฮอร์โมนส่วนใหญ่มักไม่ได้เข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนใช้ฮออร์โมน แต่มักจะได้รับคำแนะนำจากเพื่อนหรือคนรู้จัก ซึ่งบางวิธีอาจไม่เหมาะสมกับสภาพร่างกายของตนเอง ทั้งนี้การใช้ฮอร์โมนที่ผิดวิธีอาจส่งผลกระทบที่ร้ายแรงต่อร่างกายได้ เช่น เป็นต้นเหตุของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดสมอง การทำงานของตับหรือไตผิดปกติ เป็นต้น
ดังนั้นสำหรับผู้ที่ต้องการใช้ฮอร์โมนเพื่อปรับลักษณะทางกายภาพของร่างกาย ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อวางแผนการใช้ฮอร์โมนอย่างถูกต้องและเหมาะสม โดยต้องมีการติดตามผลของการใช้ฮอร์โมนอย่างสม่ำเสมอ ทั้งในแง่ของประสิทธิผลและผลข้างเคียงจากการใช้ฮอร์โมนทุกรูปแบบ
3. การศัลยกรรมเพื่อปรับลักษณะทางกายภาพ
การศัลยกรรมเพื่อปรับลักษณะทางกายภาพมีหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่การตกแต่งปรับเปลี่ยนโครงหน้า การปรับแต่งสรีระร่างกาย การศัลยกรรมหน้าอก การผ่าตัดกล่องเสียง การผ่าตัดแปลงเพศ ตลอดจนกระบวนการหัตถการอื่นๆ เพื่อปรับเปลี่ยนลักษณะกายภาพให้เป็นไปตามต้องการ
ทั้งนี้กระบวนการที่กล่าวมานั้น จำเป็นต้องกระทำโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่พร้อมให้คำปรึกษาด้านข้อมูลและมีเครื่องมือทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐาน เพราะหากเกิดข้อผิดพลาดใดๆ อาจไม่สามารถแก้ไขกลับคืนมาได้ หรือบางครั้งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
4. การดูแลเรื่องรูปร่างและผิวพรรณ
อีกหนึ่งสิ่งที่คนทุกเพศ ทุกวัย ให้ความสำคัญคือการดูแลรูปร่างและผิวพรรณให้สวยงามและมีสุขภาพดีอยู่เสมอ เช่น การสลายไขมัน ยกกระชับสัดส่วน การฉีดสารเติมเต็ม การกำจัดขนทั้งบริเวณใบหน้าและร่างกาย การลดรอยแผลเป็น รอยแดง รอยนูนจากการผ่าตัด ฯลฯ เช่นเดียวกับการศัลยกรรม การบริการเหล่านี้จำเป็นต้องอยู่ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและเพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้รับบริการ
5. การตรวจสุขภาพประจำปี สำหรับผู้มีความหลากหลายทางเพศ
การตรวจสุขภาพประจำปีเป็นสิ่งสำคัญสำหรับคนทุกเพศทุกวัย ซึ่งเพศและช่วงวัยที่ต่างกัน ย่อมต้องการโปรแกรมตรวจสุขภาพที่แตกต่างกันด้วย สำหรับกลุ่ม LQBTQ+ อาจต้องการโปรแกรมตรวจสุขภาพที่เฉพาะเจาะจงยิ่งขึ้น เพราะอย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า บางคนอาจมีการใช้ฮอร์โมนในรูปแบบต่างๆ เพื่อปรับลักษณะทางการภาพของร่างกาย หรือเคยมีการผ่าตัดศัลยกรรม ทำหัตถการต่างๆ ที่จะต้องมีการตรวจเช็คร่างกายอย่างเฉพาะเจาะจง
ทั้งนี้โปรแกรมตรวจสุขภาพทั่วไปมักไม่ครอบคลุมความต้องการ จึงต้องมีการออกแบบโปรแกรมตรวจสุขภาพที่เฉพาะเจาะจงยิ่งขึ้น เพื่อจะได้ทราบการเปลี่ยนแปลงหรือความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นกับร่างกายได้
จะเห็นได้ว่าการดูแลสุขภาพของ LQBTQ+ นั้นมีรายละเอียดที่ต้องให้ความสำคัญค่อนข้างมาก หากมองข้ามข้อใดข้อหนึ่งไป อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพในอนาคตได้ จากความต้องการดังกล่าว ส่งผลให้ปัจจุบันโรงพยาบาลชั้นนำหลายแห่ง เปิดบริการคลินิกเพื่อรองรับความต้องการของกลุ่ม LQBTQ+ โดยเฉพาะ
ทั้งนี้หนึ่งในโรงพยาบาลที่มีการให้บริการด้านการดูแลสุขภาพของกลุ่ม LGBTQ+ คือ โรงพยาบาลบำรุงราษฏร์ ซึ่งมีบริการ Pride Clinic เปิดให้บริการครอบคลุมในทุกมิติ ตั้งแต่การเตรียมความพร้อมด้านสภาพจิตใจ การใช้ฮอร์โมนบำบัด การทำหัตถการ และการใช้ศัลยกรรมช่วยปรับแต่งลักษณะทางกายภาพ รวมถึงการผ่าตัดเปลี่ยนเพศภายใต้การดูแลของทีมแพทย์ผู้ชำนาญการ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตรงกับความต้องการของแต่ละบุคคลให้มากที่สุด
สุขภาพ เป็นสิ่งสำคัญเราที่จำเป็นต้องใส่ใจ ฉะนั้นการดูแลสุขภาพอย่างเฉพาะเจาะจงตามความต้องการร่างกายตนเอง จึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม ที่สำคัญต้องอยู่บนพื้นฐานของความปลอดภัยและภายใต้การดูแลของทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้เราสามารถเลือกใช้ชีวิตได้ในแบบที่ต้องการได้อย่างอิสระ