ผู้ที่ผ่าตัดแปลงเพศตั้งใจที่จะเปลี่ยนจากชายเป็นหญิงโดยทั่วไปนั้นมีความสุขดี โดยมีจำนวน 96% ที่ต้องการผ่าตัดศัลยกรรมเพิ่มขึ้นอีกด้วย แม้ว่างานวิจัยในหัวข้อนี้จะทำออกมาดีเพียงใด แต่ก็ยังคงมีข้อจำกัดใหญ่ ๆ บางประการ
อุปสรรค์ของงานวิจัยการแปลงเพศ
ข้อจำกัดแรกคือจำนวนผู้เข้าร่วมวิจัยที่มีจำนวนน้อย (small sample sizes) อย่างไรก็ตาม เราต้องระลึกไว้เสมอว่าขนาดของกลุ่มตัวอย่างแม้จะเป็นเพียงไม่กี่ร้อยคนก็สามารถให้ผลที่มีนัยสำคัญทางสถิติได้ ยิ่งไปกว่านั้น จำนวนคนข้ามเพศทั่วโลกนั้นมีน้อย โดยที่มีการประมาณเพียงแค่ครั้งเดียวว่าอย่างมากที่สุดคือมีผู้หญิงข้ามเพศ 11,900 คน และมีผู้ชายข้ามเพศ 30,400 คน
ผ่าตัดแปลงเพศ วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 178,200 บาท ลดสูงสุด 32,100 บาท
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ข้อจำกัดอีกอย่างหนึ่งเกี่ยวกับงานวิจัยเรื่อง SRS คืออคติที่เกิดจากการเลือกตัวอย่าง (sampling bias) เช่น นักวิจัยแจกแบบสอบถาม และบางครั้งมีเพียงครึ่งหนึ่งของผู้ที่ได้รับการผ่าตัดแปลงเพศแล้วเท่านั้นที่ตอบแบบสอบถาม
มีงานวิจัยจำนวนมากที่ชี้แนะว่ามีจำนวนผู้ที่ได้รับการผ่าตัดแปลงเพศจากชายเป็นหญิงจำนวนมากที่พอใจกับการผ่าตัด และตามที่ได้กล่าวไปแล้ว หลายรายอยากได้รับการผ่าตัดเพิ่มเติม ยิ่งไปกว่านั้น ส่วนใหญ่ของผู้ที่ได้รับการผ่าตัดยังถึงจุดสุดยอดได้อีกด้วย
ความคิดเห็นของคนที่ผ่าตัดแปลงเพศจากชายเป็นหญิง
ต่อไปนี้เป็นบางส่วนของการค้นพบซึ่งอ้างอิงจากตัวอย่างของงานวิจัยเกี่ยวกับการผ่าตัดแปลงเพศจากชายเป็นหญิง
- มากกว่า 90 % ของผู้ที่ได้รับการผ่าตัดแปลงเพศกล่าวว่ามีความพึงพอใจกับการผ่าตัด
- คนส่วนใหญ่ที่ได้รับการผ่าตัดแปลงเพศมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
- 78% ของผู้เข้าร่วมวิจัยพึงพอใจกับรูปลักษณ์ของอวัยวะเพศใหม่
- ระหว่าง 56-85% ของผู้เข้าร่วมมีความสุขดีกับการใช้งานอวัยวะเพศใหม่
- ประมาณ 82% ของผู้เข้าร่วมวิจัยสามารถไปถึงจุดสุดยอดได้ระหว่างการช่วยตนเองและการมีเพศสัมพันธ์
- การถึงจุดสุดยอดนั้นแตกต่างออกไปหลังการผ่าตัดหากกล่าวในรายละเอียด การถึงจุดสุดยอดจะสั้นกว่าและรุนแรงกว่าในผู้ที่แปลงเพศจากชายเป็นหญิง
- หลายรายมีกิจกรรมทางเพศเพิ่มขึ้นหลังการผ่าตัด รวมถึงการร่วมเพศโดยการสอดใส่ทางช่องคลอด
- บางคนที่ได้รับการผ่าตัดแปลงเพศมีความเจ็บปวดหลังการผ่าตัด
- ผู้วิจัยชี้แนะให้ผู้ที่ผ่าตัดแปลงเพศได้รับการสนับสนุนทางด้านจิตใจหลังการผ่าตัด
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีความก้าวหน้าของการผ่าตัดแปลงเพศเพียงใด แต่ก็ยังขาดการสนับสนุนทางด้านจิตใจอย่างเป็นระบบสำหรับประชากรกลุ่มนี้ ตัวอย่างเช่น ในสหรัฐอเมริกา เราไม่เพียงแต่จะล้มเหลวในการสนับสนุนทุนวิจัย แต่ยังล้มเหลวในการจัดให้มีโครงสร้างพื้นฐานที่เชื่อถือและพึ่งพาได้เพื่อให้เกิดการรักษาดังกล่าว
หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่ต้องเกิดขึ้นในการรับรู้ของชาวอเมริกันคือ การทำให้เกิดการสนับสนุนและเข้าใจปัญหาของบุคคลข้ามเพศ ชาวอเมริกันหลายรายไม่เข้าใจว่าผู้ที่ต้องการผ่าตัดแปลงเพศ ต้องการรักษาด้วยฮอร์โมนเช่นกัน
บรูซ เจนเนอร์ เป็นคนโชคดีที่สามารถรับค่าใช้จ่ายไหว โชคไม่ดีที่ไม่ใช่ทุกคนมีเงินมากพอที่จะผ่านกระบวนการผ่าตัดแปลงเพศได้ ซึ่งส่วนใหญ่มักทำที่ต่างประเทศ ถึงแม้ว่าคุณอยากจะหาเงินให้มากเพียงพอเพื่อบินไปกรุงเทพหรือยุโรปเพื่อการผ่าตัดดังกล่าว แต่ก็จะมีเงินเหลืออยู่เพียงน้อยนิดสำหรับการตรวจติดตาม รวมทั้งการดูแลและติดตามในเรื่องของสุขภาพจิต นั่นแหละ เริ่มมองเห็นปัญหาหรือยังข้อสังเกต: ในเวลาที่บทความนี้ได้รับการตีพิมพ์ แคธิลีน เจนเนอร์ ยังไม่ได้ประกาศให้โลกรับรู้ถึงชื่อของเธอหรือความต้องการที่จะใช้คำสรรพนามแบบผู้หญิง