อาจยากที่จะป้องกันความเจ็บปวดจากแผลพุพอง แต่ไม่ต้องเป็นกังวลว่าจะไม่มีทางรักษา วิธีการที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้ จะช่วยลดอาการปวดและรักษาแผลพุพองบริเวณเท้าที่เกิดขึ้นได้
วิธีบรรเทา และรักษาแผลพุพอง
1. ป้องกันแผลพุพองด้วยน้ำยาดับกลิ่นกาย
แผลพุพองจะรุนแรมากขึ้นหากมีความชื้นและถูกเสียดสี ดังนั้น ควรดูแลให้เท้าแห้งอยู่เสมอ หลังจากทำความสะอาดเท้าเสร็จแล้วให้ทาน้ำยาดับกลิ่นกายบริเวณหลังเท้าและข้างเท้า ทิ้งไว้ให้แห้งก่อนสวมรองเท้า น้ำยาดับกลิ่นกายจะช่วยบรรเทาอาการและลดการเสียดสีของเท้ากับรองเท้าที่คุณสวมใส่
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
2. ปิดคลุมเพื่อป้องกัน
ผ้าพันแผลจะช่วยลดการเสียดสีและป้องกันแผลพุพองไม่ให้เกิดอาการระคายเคืองได้ วิธีการพันแผลที่ถูกต้องนั้นสำคัญที่จะส่งผลให้แผลหายเร็วขึ้นหรือแย่ลง วิธีที่ถูกต้องดังนี้ วางผ้าพันแผลในลักษณะรูปเต้นท์โดยให้ปลายผ้าทั้งสองด้านทบเข้าหากัน ส่วนกลางของผ้าวางบนแผล วิธีนี้จะเป็นการปล่อยแผลไม่ให้อับชื้น รักษา และป้องกันไม่ให้แผลโดนเสียดสีจากการสวมรองเท้า ป้องกันแผลจากสิ่งสกปรกและเชื้อโรคที่เป็นสาเหตุของการติดเชื้อ
3. แช่ในน้ำชาเขียว
ชาเขียวมีส่วนประกอบของสารต้านการอักเสบที่สามารถช่วยรักษาแผลพุพองได้ วิธีการคือ ชงชา 3 ซองกับน้ำร้อน จากนั้นเทเบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชาลงไปในถ้วยชา (เพื่อช่วยฆ่าเชื้อ) ทิ้งชาไว้ให้เย็น เทชาลงในชามหรือกะละมัง จากนั้นแช่เท้าที่เป็นแผลไว้ หรืออาจใช้ผ้าก๊อซชุบน้ำชาแล้วพันไว้บริเวณแผลกรณีที่บริเวณดังกล่าวไม่สามารถแช่น้ำได้ นอกจากนี้ หากแผลที่เป็นอยู่ยังไม่หลุดลอกออกมา คุณสามารถเร่งการรักษาได้ด้วยการแช่เท้าที่เป็นแผลกับน้ำอุ่นเพื่อให้แผลอ่อนนุ่มขึ้นและช่วยระบายของเหลวภายใต้แผลออกมา
4. เช็ดแผลด้วยน้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์
การรักษาวิธีนี้อาจเกิดกลิ่นรุนแรงจากน้ำส้มสายชู หากคุณพอจะทนกับกลิ่นได้ วิธีนี้ก็เป็นวิธีที่ง่ายและน่าลองวิธีหนึ่ง เนื่องจากน้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์มีส่วนประกอบของสารที่สามารถป้องกันเชื้อแบคทีเรียได้ ดังนั้นการใช้กับแผลพุพองจึงช่วยป้องกันการติดเชื้อได้ด้วยเช่นกัน แต่ถ้าการใช้น้ำส้มสายชูทำให้คุณรู้สึกเจ็บปวดเกินไป ลองใช้ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ล้างแผลและทาด้วยยาขี้ผึ้งทาแผลก็ช่วยได้เช่นกัน
5. วิตามินอี
วิตามินอีมีคุณสมบัติวิเศษที่สามารถฟื้นฟูผิวที่เป็นแผลได้ ซึ่งจะช่วยให้เซลล์ผิวหนังฟื้นตัวและสามารถป้องกันไม่ให้เกิดแผลเป็น คุณสามารถหาซื้อน้ำมันหรือครีมที่มีส่วนประกอบของวิตามินอีได้จากร้านขายยาทั่วไป หรือใช้แคปซูลวิตามินอี โดยการแกะแคปซูลแล้วเทผงวิตามินลงบนแผลโดยตรง
6. ทาแผลด้วยน้ำมันละหุ่ง
เป็นที่ทราบกันดีว่า น้ำมันละหุ่งเป็นยาที่ดีชนิดหนึ่งที่สามารถรักษาอาการแผลพุพองได้ วิธีการคือ ทาแผลด้วยน้ำมันละหุ่งทุกวันก่อนเข้านอนจะช่วยให้แผลแห้งเร็วขึ้น นอกจากนี้ คุณสามารถผสมน้ำมันละหุ่งกับน้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์ แล้วทาบริเวณแผลจะช่วยป้องกันเชื้อโรค ทำให้แผลแห้งและหายเร็วขึ้น
7. น้ำมันดอกวิชฮาเซล
เนื่องจากดอกวิชฮาเซลมีส่วนประกอบของสารแทนนินที่ทำให้เกิดรสฝาด จะช่วยล้างแผล ทำให้แผลแห้ง และหายเร็วขึ้น ใช้สำลีชุบน้ำมันวิชฮาเซลแล้วทาบริเวณแผล ทำทุกวันจนกว่าอาการจะดีขึ้น
8. ทาด้วยเจลว่านหางจระเข้
ว่านหางจระเข้มีคุณสมบัติที่สามารป้องกันอาการอักเสบและสามารถลดอาการปวดบวมของแผลให้ทุเลาลงได้ การศึกษาวิจัยยืนยันว่าว่านหางจระเข้สามารถใช้เป็นยารักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกระดับที่สองและระดับที่สามได้อย่างมีประสิทธิภาพ
9. ปล่อยให้แผลได้ระบายอากาศ
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า แผลพุพองจะหายเร็วขึ้นหากไม่ถูกปิดทับด้วยผ้าหรือเทปพันแผลใดๆ ดังนั้นพยายามเปิดแผลเมื่อคุณอยู่บ้านเพราะเมื่อแผลได้รับการระบาย แผลจะแห้งและหายเร็วขึ้น เพื่อให้เกิดประสิทธภาพสูงสุดเมื่อเปิดแผลจากผ้าที่พันไว้แล้ว ให้ใช้ขี้ผึ้งทาแผลทาบางๆ จะทำให้แผลยิ่งหายเร็วขึ้น