“แสบร้อนกลางอก เรอเปรี้ยว จุกแน่นลิ้นปี่” หากเริ่มมีอาการเหล่านี้ต้องระวัง เพราะคุณอาจกำลังป่วยเป็นโรคกรดไหลย้อน!
รู้ไหม? จากการสำรวจประชากรทั่วโลกพบว่า ในประชากร 100 คน จะมีผู้ป่วยโรคกรดไหลย้อนตั้งแต่ 3-33 คน ทั้งยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วย
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
โรคกรดไหลย้อน ดูเหมือนเป็นโรคที่ไม่อันตราย จึงทำให้หลายคนคิดว่าไม่ต้องรีบรักษา แต่รู้ไหมว่า โรคที่หลายคนมองข้ามนี้ อาจนำไปสู่โรคร้ายแรงอย่างโรคมะเร็ง ดังนั้นหากคุณกำลังเริ่มมีอาการใดอาการหนึ่ง ดังที่กล่าวมานี้ ต้องรีบรักษาแต่เนิ่นๆ เพื่อจะได้ลดความเสี่ยงของการเป็นโรคมะเร็งลงไปได้
โรคกรดไหลย้อนคืออะไร ใครเป็นกลุ่มเสี่ยงบ้าง และต้องรักษาอย่างไร บทความนี้มีคำตอบ
โรคกรดไหลย้อนคืออะไร? มีสาเหตุมาจากอะไร?
โรคกรดไหลย้อน (Gastroesophageal Reflux Disease : GERD) คือภาวะที่กรด ด่าง หรือแก๊สจากกระเพาะอาหาร ไหลย้อนขึ้นไปยังหลอดอาหาร ทำให้เกิดอาการระคายเคืองบริเวณลำคอ แสบร้อนกลางอก หรือจุกเสียดใต้ลิ้นปี่ ทั้งนี้ กรดไหลย้อนเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น
- หูรูดหลอดอาหารส่วนปลายที่ติดกับกระเพาะอาหารทำงานผิดปกติ โดยหูรูดนี้จะทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้กรด หรืออาหารไหลย้อนกลับขึ้นมาที่หลอดอาหาร หากหูรูดทำงานผิดปกติ เช่น คลายตัวบ่อย คลายตัวทั้งๆ ที่ไม่มีการกลืน กรดและอาหารก็มีโอกาสไหลย้อนขึ้นมาได้
- กระเพาะอาหารทำงานผิดปกติ ทำให้มีอาหารค้างอยู่ในกระเพาะอาหารเป็นเวลานาน จึงมีโอกาสไหลย้อนขึ้นมาในหลอดอาหารได้
- หลอดอาหารมีการรับรู้ความรู้สึกไวกว่าปกติ ทำให้เมื่อมีกรดไหลย้อนขึ้นมาเพียงเล็กน้อย ก็ทำให้รู้สึกแสบร้อนมากกว่าปกติ
- กระเพาะอาหารเลื่อนเข้าไปในหลอดอาหาร ทำให้กรดจากกระเพาะอาหารไหลเข้าสู่หลอดอาหารได้
กรดไหลย้อนมีอาการอย่างไร
โรคกรดไหลย้อน มีอาการหลักที่แสดงเด่นชัด ดังนี้
- แสบร้อนกลางอก มักจะเป็นหลังจากรับประทานอาหารมื้อหนักๆ ขณะที่โน้มตัวไปข้างหน้า หรือยกของหนัก
- เรอเปรี้ยว เมื่อเรอจะมีน้ำรสเปรี้ยวหรือขม ไหลย้อนขึ้นมาในปากหรือบางครั้งจะรู้สึกว่ามีอาหารย้อนจุกขึ้นมาในลำคอ
- กลืนติด รู้สึกว่ากลืนอาหารลำบาก
- เจ็บ แน่นหน้าอก รู้สึกจุก คล้ายมีอะไรติดหรือขวางอยู่บริเวณคอ ต้องพยายามกระแอมบ่อยๆ โดยมักเป็นหลังจากที่รับประทานอาหาร
- ไอแห้งๆ เสียงแหบ เจ็บคอ เนื่องจากกรด ไหลย้อนขึ้นมาบริเวณลำคอและกล่องเสียง
นอกจากอาการที่กล่าวมานี้ บางคนอาจรู้สึกคลื่นไส้ อาเจียนหลังรับประทานอาหาร ท้องอืด แน่นท้อง ร่วมด้วย หากคุณเริ่มมีอาการบ่งชี้เหล่านี้ ควรต้องรีบปรึกษาแพทย์ เพื่อวางแผนการรักษาให้เหมาะสมที่สุด
ใครเสี่ยงเป็นโรคกรดไหลย้อน?
กรดไหลย้อนสามารถเกิดได้กับทุกเพศทุกวัย โดยพบตั้งแต่เด็กทารกไปจนถึงผู้สูงอายุ แต่ส่วนใหญ่ผู้ที่มีความเสี่ยงเป็นโรคกรดไหลย้อนสูงกว่ากลุ่มอื่นๆ มีดังนี้
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
- ผู้ที่มีน้ำหนักเกินเกณฑ์มาตรฐาน ทำให้มีแรงดันช่องท้องสูงกว่าปกติ
- ผู้ที่มีพฤติกรรมการรับประทานไม่เหมาะสม เช่น รับประทานอาหารแล้วนอนทันที ดื่มน้ำอัดลม ชา กาแฟ เป็นประจำ รับประทานอาหารที่มีรสเผ็ดจัด เปรี้ยวจัด หรือมีไขมันสูง
- ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์ หรือสูบบุหรี่เป็นประจำ
- ผู้ป่วยด้วยโรคบางชนิด เช่น โรคผิวหนังแข็ง โรคเบาหวาน โรคไส้เลื่อนกระบังลม เป็นต้น
- ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ เนื่องจากขณะตั้งครรภ์ ฮอร์โมนในร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลง ส่งผลทำให้หูรูดหลอดอาหารทำงานผิดปกติ รวมถึงการขยายตัวของมดลูก จะเพิ่มแรงกดทับที่กระเพาะอาหาร ส่งผลให้กระเพาะอาหารบีบตัวผิดปกติ
- ผู้ที่รับประทานยาบางชนิด เช่น ยารักษาโรคซึมเศร้า ยารักษาโรคกระดูกพรุน
หากคุณอยู่ในกลุ่มเสี่ยงดังเหล่านี้ ควรเร่งปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เพื่อลดโอกาสเสี่ยงในการเกิดโรคกรดไหลย้อน
กรดไหลย้อน ถ้าเป็นแล้ว ต้องรักษาอย่างไร?
สำหรับผู้ที่มีอาการไม่รุนแรง วิธีการรักษาโดยทั่วไปคือ การรับประทานยา เช่น ยาลดกรด หรือยาบรรเทาอาการแสบร้อนบริเวณกลางอก ร่วมกับเรอเปรี้ยวและอาหารไม่ย่อย เนื่องจากกรดไหลย้อนและลดกรดในกระเพาะอาหาร
ทั้งนี้ยาบรรเทาอาการแสบร้อนบริเวณกลางอก จัดอยู่ในกลุ่มยาสามัญประจำบ้าน มีตัวยาสำคัญใน10 มิลลิกรัม ได้แก่
- โซเดียมแอลจิเนต 500 มิลลิกรัม
- โซเดียมไบคาร์บอเนต 213 มิลลิกรัม
- แคลเซียมคาร์บอเนต 325 มิลลิกรัม
ยาชนิดนี้ มักนิยมใช้ในผู้ที่มีอาการโรคกรดไหลย้อนในระยะเริ่มต้น โดยสามารถช่วยบรรเทาอาการแสบร้อนกลางอก เนื่องจากกรดไหลย้อนได้
แต่ในผู้ที่มีอาการค่อนข้างรุนแรง หรือผู้ป่วยเรื้อรัง แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยโรคเพิ่มเติม โดยอาจส่องกล้องตรวจหลอดอาหาร กระเพาะอาหาร และลำไส้เล็กส่วนต้น (Esophago-Gastro-Duodenoscopy) ส่งตรวจวัดค่าความเป็นกรด ด่าง (pH) ในหลอดอาหารและคอหอยส่วนล่าง หรือวิธีอื่นๆ ตามแพทย์วินิจฉัย
ทั้งนี้ในผู้ที่มีอาการรุนแรง อาจมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งหลอดอาหาร ลำคอ หรือกล่องเสียงได้ เนื่องจากเกิดการอักเสบเรื้อรังและต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน จนทำให้เซลล์บริเวณเยื่อบุผิวมีการเปลี่ยนแปลงไป และกลายเป็นเซลล์มะเร็งในที่สุด
โรคกรดไหลย้อนแม้เป็นอาหารที่ดูไม่ร้ายแรง แต่ก็ควรรีบรักษาแต่เนิ่นๆ เพราะหากปล่อยทิ้งไว้ อาจเกิดผลร้ายแรงตามมาได้ โดยวิธีที่ดีที่สุดคือปรับพฤติกรรม เพื่อหลีกเลี่ยงโอกาสเกิดโรค แต่หากมีอาการหรือสัญญาณเตือนแล้ว ก็ควรรีบรักษา โดยเบื้องต้นอาจรับประทานยาเพื่อบรรเทาอาการ แต่ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร เพื่อการใช้ยาอย่างเหมาะสมและเพื่อความปลอดภัยสูงสุด