เห็บ เป็นสัตว์ที่สามารถพบได้ทั่วไปโดยเฉพาะฤดูร้อนถึงฤดูใบไม้พลิ และอาจทำอันตรายกับทั้งมนุษย์รวมถึงสัตว์เลี้ยง ดังนั้นในบทความนี้จะพามารู้จักกับเห็บ อาการของคนที่ถูกเห็บกัด วิธีรักษา และวิธีหลีกเลี่ยงการถูกเห็บกัด
เห็บคืออะไร?
เห็บ ภาษาอังกฤษคือ Tick เป็นสัตว์จำพวก Arachnida ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกับแมงมุม แมงป่อง และไร มีขนาดเล็กประมาณปลายปากกา จนถึงปุ่มบนรีโมตโทรทัศน์
โดยส่วนมากเห็บมักหากินโดยอาศัยการกัดเจาะเลือดในสัตว์ 4 ขา เช่น หนู กวาง สุนัข รวมถึงคนด้วย
วงจรชีวิตของเห็บ
เห็บมีวงจรชีวิตหลักๆ 4 ระยะ ดังนี้
- ระยะที่ 1 วางไข่ (Egg) รอการฟักตัว
- ระยะที่ 2 เกิดเป็นตัวอ่อน (Larva)
- ระยะที่ 3 ออกหากิน (Nymph) ซึ่งเป็นระยะที่มักพบว่าเกาะตามตัวสิ่งมีชิวิตชนิดอื่น
- ระยะที่ 4 ช่วงโตเต็มวัย (Adult) ระยะนี้เห็บจะดูดเลือดจนตัวใหญ่ สังเกตเห็นได้ง่าย
เห็บมีวิธีหากินที่แตกต่างกับแมลงจำพวกอื่นที่เกาะตามร่างกาย เพราะเห็บจะเจาะติดอยู่นานหลายวัน ไม่เหมือนยุงที่ดูดเลือดแล้วเคลื่อนย้ายไปที่อื่น
หากถูกเห็บกัดแล้วไม่กำจัดออก เห็บจะสามารถเกาะอยู่ได้นานถึง 10 วัน และอาจเป็นพาหะของโรคไลม์ (Lyme disease) ได้อีกด้วย
เห็บมาจากไหน?
เห็บมักอาศัยอยู่ตามป่า พุ่มไม้ ต้นหญ้า ใบไม้ ต้นไม้ทั้งขนาดเล็กและใหญ่ มักแพร่กระจายได้เป็นจำนวนมากในช่วงฤดูใบไม้พลิ และฤดูร้อน
ปัจจัยที่ทำให้พื้นที่ต่างๆ มีเห็บชุกคือความชื้นและแหล่งน้ำ แต่เห็บจะแพร่พันธุ์ได้ช้าในสภาพอากาศแห้ง หนาว เนื่องจากวงจรชีวิตของเห็บจะดำเนินไปได้ช้าลง
หากมีสัตว์เลี้ยงไปสัมผัสถูกพุ่มไม้ที่เห็บเกาะอยู่ เห็บอาจกระโดดเข้าสู่ตัวของสัตว์ชนิดนั้นโดยเฉพาะสุนัข ดังนั้นหากสุนัขเลี้ยงของคนไปรับเห็บมาจากการวิ่งเล่นในสวน แล้วมาสัมผัสกับผิวหนังของคน เห็บอาจกระโดดเข้าสู่ผิวหนังคนและกัดคนได้เช่นกัน
อาการของคนที่ถูกเห็บกัด
โดยปกติ เห็บจะหาตำแหน่งที่อุณหภูมิอุ่นๆ ของร่างกาย ก่อนจะกัดดูดเลือด เช่น รักแร้ ตีนผม ขาหนีบ
แต่เนื่องจากเห็บในระยะออกหากินมักมีขนาดเล็กมาก ดังนั้นเมื่อกัดคนเข้า ระยะแรกผู้ถูกกัดจึงอาจไม่มีอาการใดๆ เลย จนกระทั่งอาการเริ่มพัฒนาไปสักระยะ จึงค่อยมีอาการดังนี้
- รู้สึกคัน ไม่สบายตัว
- ปวดแสบปวดร้อน
- มีจุดแดงขึ้นบริเวณที่กัด
- อาจมีอาการปวดคล้าบปวดข้อในบางคน
แต่สำหรับคนที่มีอาการแพ้หรือผิวไวต่อสิ่งแปลกปลอม อาจมีอาการดังต่อไปนี้ตั้งแต่แรกๆ
- ผื่นขึ้นบริเวณที่ถูกกัด
- หายใจหอบถี่
- บวม
- ปวดหัว มึนหัว
- มีไข้
- คลื่นไส้ อาเจียน
- กรณีรุนแรง อาจมีอาการอัมพาตบางส่วน
แม้อาการแพ้รุนแรงดังกล่าวจะพบได้ค่อนข้างน้อย แต่อาการจะค่อนข้างรุนแรง ดังนั้นหากมีอาการแพ้ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
วิธีดึงเห็บออกจากตัว
หากสังเกตเห็นเห็บอยู่บนร่างกาย ไม่ว่าจะคนหรือสัตว์เลี้ยง ควรรีบนำออกโดยทันที เพราะเห็บจะใช้เวลา 24 ชั่วโมงในการแพร่เชื้อแบคทีเรียเข้าสู่ร่างกาย โดยอาจทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
- ให้หาแหนบถอนขนขนาดเล็ก หากไม่มีแหนบให้ใช้ถุงมือแทน ไม่ควรจับเห็บด้วยมือเปล่า เนื่องจากอาจถูกกัดซ้ำ
- หนีบเห็บบริเวณที่ใกล้ปากของเห็บมากที่สุด เนื่องจากการหนีบที่ลำตัวเห็บ อาจทำให้ของเหลวรวมถึงเชื้อโรคภายในตัวเห็บ ถูกพ่นกลับเข้าไปในผิวหนังของเราได้
- ดึงเห็บออกช้าๆ ออกมาตรงๆ ไม่ควรบิดเห็บไปมา เพราะอาจทำให้เขี้ยวหักฝังอยู่ในเนื้อ และอาจเกิดการติดเชื้อตามมาในที่สุด
- หากดึงเห็บออกแล้วยังเห็นส่วนใดส่วนหนึ่งของเห็บฝังอยู่ในเนื้อของคนหรือสัตว์เลี้ยงที่ถูกเห็บกัด ให้ใช้แหนบดึงส่วนใดส่วนหนึ่งนั้นออกด้วยวิธีเดียวกัน
- ให้นำเห็บใส่ขวดยาหรือถุงที่มีซิปล็อกปิดสนิท เขียนวันที่ที่พบเห็บและตำแหน่งที่ถูกกัดติดไว้ที่ขวดยาหรือซองที่ใส่เห็บนั้นด้วย จากนั้นนำไปแช่ช่องแช่แข็งในตู้เย็นอย่างน้อย 10 วัน หากมีอาการผิดปกติเกิดขึ้นในภายหลัง เช่น อาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ ให้ไปพบแพทย์พร้อมกับตัวเห็บด้วย
- ล้างมือด้วยสบู่ให้สะอาด จากนั้นหาเห็บบริเวณอื่นๆ ของร่างกายต่อ เพราะอาจมีการแพร่กระจายของเห็บมากกว่า 1 ตำแหน่ง
- หากไม่พบเห็บแล้ว อาจปรึกษาเภสัชกรในการใช้ยาปฏิชีวนะตำแหน่งที่ถูกกัดเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
อย่างไรก็ตาม เห็บมีกลไกการยึดติดผิวหนังที่แน่นมาก ด้วยเขี้ยวที่มีลักษณะคล้ายเบ็ดตกปลา รวมถึงสารคัดหลั่งที่ทำให้สามารถยึดติดผิวหนังได้
ดังนั้น เห็บบางตัวอาจเล็กเกินกว่าที่จะใช้แหนบดึงออกมาได้ด้วยตัวเอง ควรไปพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ทำการดึงเห็บออกจากผิวหนังให้
วิธีการป้องกันเห็บ
แม้อันตรายจากการถูกเห็บกัดจะมีค่อนข้างน้อย แต่วิธีที่ดีที่สุดในการจัดการก็คือการป้องกันไม่ให้เห็บกัดตั้งแต่แรก ดังนั้นอาจทำตามวิธีต่อไปนี้ เมื่อมีความเสี่ยงที่จะถูกเห็บกัด
- หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีใบไม้ใบหญ้าจำนวนมาก
- หากมีความจำเป็นต้องเข้าใกล้พื้นที่ที่มีใบไม้ใบหญ้า พยายามเลือกเส้นทางที่มีการถางไว้แล้ว
- ควรสวมกางเกงขายาวที่สามารถสอดชายกางเกงเข้าไปในรองเท้าบู๊ทได้
- คอยทำความสะอาด ตัดแต่งสวนในบ้านอยู่เสมอ ไม่ให้สนามหญ้ายาวเกินไปหรือรกเกินไป
- อาจใช้ยากันยุงทั่วไปที่มีส่วนผสมของสาร N,N-diethyl-meta-toluamide หรือที่นิยมเรียกกันว่า DEET ซึ่งหาได้ทั่วไปตามท้องตลาด
หากใช้สารป้องกัน DEET ควรเลือกตราสินค้าที่น่าเชื่อถือ เพราะสินค้าบางชนิดอาจทำให้เกิดความระคายเคืองต่อผิวได้
ข้อควรระวังเกี่ยวกับเห็บ
เห็บสามารถเป็นพาหะนำเชื้อแบคทีเรียได้ รวมถึงยังมีขนาดเล็กทำให้สังเกตเห็นได้ยาก ดังนั้นทุกครั้งหลังจากสัมผัสพื้นที่เสี่ยงจะถูกเก็บเกาะ เช่น ป่า สวน หรือพุ่มหญ้า ควรรีบอาบน้ำล้างสบู่ให้ทั่วทันที
เนื่องจากในระยะแรก เห็บอาจยังไม่ได้เจาะติดลงไปในผิวหนัง ทำให้ล้างออกได้ง่าย แต่หากสังเกตเห็นเห็บและเริ่มมีอาการเหมือนไข้หวัดใหญ่ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพราะนั่นอาจนำไปสู่การเสียชีวิตได้
ดูแพ็กเกจตรวจภูมิแพ้ เปรียบเทียบราคา โปรโมชันล่าสุดจากโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำได้ที่นี่ หรือไม่พลาดทุกการอัปเดตแพ็กเกจเหล่านี้ เมื่อกดเป็นเพื่อนทางไลน์ @hdcoth และกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android