กองบรรณาธิการ HD
เขียนโดย
กองบรรณาธิการ HD

รู้สาเหตุไข้เลือดออก ป้องกันโรคได้ถูกวิธี

รู้สาเหตุไข้เลือดออก ป้องกันโรคได้ถูกวิธี
เผยแพร่ครั้งแรก 7 พ.ค. 2025 อัปเดตล่าสุด 7 พ.ค. 2025 เวลาอ่านประมาณ 4 นาที
รู้สาเหตุไข้เลือดออก ป้องกันโรคได้ถูกวิธี

โรคไข้เลือดออกเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญในประเทศไทย ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โดยเฉพาะช่วงฤดูฝนที่มีการระบาดสูงขึ้น เพราะเป็นช่วงที่ยุงลายแพร่พันธุ์ การรู้จักกับสาเหตุของโรคไข้เลือดออกจะช่วยให้คุณลดความเสี่ยงและรับมือโรคนี้ได้ดีขึ้น [1]

สาเหตุของโรคไข้เลือดออก เกิดจากอะไร

ไข้เลือดออกมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัสเดงกี (Dengue virus: DENV) มีทั้งหมดอยู่ 4 สายพันธุ์ คือ DENV-1, DENV-2, DENV-3 และ DENV-4 ติดต่อได้โดยยุงลายตัวเมียเป็นพาหะนำโรค (Aedes mosquitoes) ได้แก่ ยุงลายบ้าน (Aedes aegypti) และยุงลายสวน (Aedes albopictus) [1]

เมื่อโดนยุงลายที่มีเชื้อไวรัสกัดหรือดูดเลือด เราอาจมีความเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อเดงกี จนเกิดการติดเชื้อเป็นไข้เลือดออกตามมาได้ ถึงอย่างนั้น เชื้อไวรัสเดงกีจะไม่ติดต่อจากคนสู่คน [1]

ไข้เลือดออกแพร่กระจายยังไง

อาการไข้เลือดออกเป็นแบบไหน

อาการของโรคไข้เลือดออกจะต่างกันไปตามความรุนแรงของโรค ผู้ป่วยส่วนใหญ่ 80–90% อาการไม่รุนแรง บางคนอาจมีไข้สูง ปวดหัว ปวดเมื่อยตามตัว มีอาการคล้ายไข้หวัด มักไม่มีอาการไอและไม่มีน้ำมูก มีผื่นแดงหรือจุดเลือดออกตามตัว [3]

ทั้งนี้ อาการของโรคไข้เลือดออก แบ่งตามการดำเนินโรคได้เป็น 3 ระยะ คือ [2],[4]

1. ระยะไข้ (Febrile phase)

มีไข้สูงแบบเฉียบพลันเกิน 38.5 องศาเซลเซียส ประมาณ 2–7 วัน ร่วมกับอาการอื่น ๆ เช่น อาการปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ ปวดกระดูก ปวดเบ้าตา เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้องบริเวณชายโครงขวา และมีผื่นแดงคันตามตัว [2],[4]

2. ระยะวิกฤต (Critical phase)
ระยะวิกฤตเป็นระยะที่ต้องเฝ้าระวัง โดยไข้จะลดลงอย่างรวดเร็ว แต่อาการอื่นไม่ดีขึ้น หรือรุนแรงขึ้นกว่าเดิม ปริมาณเกล็ดเลือดลดต่ำ ทำให้เลือดออกได้ง่าย เช่น เลือดกำเดาไหล เลือดออกตามไรฟัน และอุจจาระเป็นเลือด [2],[4]

นอกจากนี้ อาจเกิดการรั่วของพลาสมาหรือสารน้ำออกนอกหลอดเลือด ทำให้ระบบไหลเวียนเลือดล้มเหลวหรือเกิดภาวะช็อก ส่งผลให้ความดันโลหิตต่ำ หายใจหอบเหนื่อย ปลายมือเท้าเย็น ตัวเย็น ชัก หมดสติ และหัวใจหยุดเต้น จนอาจนำไปสู่การเสียชีวิต [2],[4]

ระยะฟื้นตัว (Recovery phase)

อาการทั่วไปจะดีขึ้น ไข้ลดลง อุณหภูมิร่างกายเป็นปกติ เริ่มอยากรับประทานอาหาร ชีพจรเต้นแรงขึ้นและช้าลง ปัสสาวะออกมากขึ้น แต่อาจพบผื่นแดงเป็นวงสีขาวตามร่างกายอยู่บ้าง ระยะนี้เป็นระยะปลอดภัย ร่างกายกำลังหายจากโรค [2],[4]

สงสัยว่าเป็นไข้เลือดออก เมื่อไรควรไปพบแพทย์

เมื่อเป็นไข้มานานกว่า 2 วันแล้วอาการไม่ดีขึ้น ควรรีบไปโรงพยาบาล เพื่อตรวจเลือดยืนยันผลให้แน่ชัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีอาการข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้ [2],[3]

  • ไข้ลงเร็ว แต่อาการอื่นไม่ดีขึ้น ยังคงมีอาการอ่อนเพลีย ไม่มีแรง กระสับกระส่าย หรือซึม
  • ปวดท้องรุนแรง
  • อาเจียนเกิน 3 ครั้ง/วัน
  • เวียนหัว หน้ามืด มือเท้าเย็น
  • ปัสสาวะน้อย หรือไม่ปัสสาวะเลยในช่วง 4–6 ชั่วโมง
  • เลือดออกผิดปกติ เช่น เลือดกำเดาไหล อาเจียนเป็นเลือดหรือสีดำ อุจจาระสีดำ ปัสสาวะสีน้ำตาลเข้มหรือสีดำ

เป็นไข้เลือดออก ดูแลตัวเองที่บ้านได้ไหม

กรณีไม่มีอาการรุนเเรง เเละเป็นการติดเชื้อครั้งเเรก ส่วนใหญ่จะหายได้ภายใน 2–7 วัน โดยไม่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล แต่ควรเฝ้าระวังอาการรุนแรงหลังไข้ลง (ระยะวิกฤต) [1],[3]

คนที่เป็นไข้เลือดออกแล้วอาการไม่รุนแรง สามารถดูแลตัวเองที่บ้านได้ด้วยวิธีต่อไปนี้ [1],[3],[4]

  • พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อฟื้นฟูร่างกายและบรรเทาอาการอ่อนเพลีย
  • ดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการขาดน้ำ สามารถจิบน้ำเกลือแร่ ORS ร่วมด้วย
  • ถ้ามีไข้ ให้เช็ดตัวลดไข้ อาจรับประทานยาพาราเซตามอลหรือยาลดไข้อื่น ๆ ตามปริมาณที่แพทย์แนะนำ ห้ามใช้ยากลุ่ม NSAIDs เด็ดขาด เช่น ยาแอสไพริน หรือยาไอบูโพรเฟน เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงของการเลือดออก ทำให้อาการรุนแรงขึ้น
  • ควรรับประทานอาหารอ่อน ๆ รสไม่จัด งดอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีสีดำ แดง
  • ถ้าอาการไม่ดีขึ้นหรือเกิดอาการรุนแรง ควรรีบไปพบแพทย์ทันที

วิธีป้องกันโรคไข้เลือดออก

การป้องกันโรคไข้เลือดออกควรระมัดระวังไม่ให้ถูกยุงกัดมากที่สุด เช่น สวมเสื้อผ้าปกปิดร่างกายให้มิดชิด แขนยาวขายาว ใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันยุงกัด โดยเลือกที่มีส่วนผสมสารป้องกันยุงหรือสารไล่ยุง (DEET) ติดมุ้งลวดตามประตูหน้าต่างกันยุงเข้า [1],[3],[4]

นอกจากนี้ ควรปรับสภาพแวดล้อมรอบบ้านให้ปลอดยุงลายมากขึ้น โดยกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุง กำจัดน้ำขังในภาชนะต่าง ๆ รอบบ้าน เช่น กระถางต้นไม้ ยางรถยนต์เก่า ภาชนะที่ไม่ได้ใช้ รวมถึงใช้สารเคมีกำจัดยุงในพื้นที่ที่มียุงชุกชุม หรือใช้เครื่องดักยุง [1],[3],[4]

อีกสิ่งที่สำคัญ คือ การฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออก สามารถป้องกันเชื้อไวรัสเดงกีได้ทั้ง 4 สายพันธุ์ ซึ่งการฉีดวัคซีนไข้เลือดออกจะช่วยลดการติดเชื้อไข้เลือดออก ลดโอกาสที่ต้องนอนโรงพยาบาลและลดความรุนแรงของโรค [4],[5]

ใครบ้างควรฉีดวัคซีนไข้เลือดออก

ไข้เลือดออกเป็นโรคที่มีการแพร่ระบาดตลอดปี และเกิดได้กับทุกเพศทุกวัย

การฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออกจะช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัสเดงกี และลดความรุนแรงของโรคลง โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงต่อไปนี้ [3],[4]

  • เด็ก
  • ผู้สูงอายุ
  • คนที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคอ้วน โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคตับ หรือโรคไตวาย ​

ปัจจุบันมีวัคซีนไข้เลือดออก ป้องกันได้ 4 สายพันธุ์ มีทั้งแบบ 2 เข็ม ฉีดได้ในคนอายุ 4 ปีขึ้นไป และแบบ 3 เข็ม ฉีดได้ในคนอายุ 6–45 ปี และเคยป่วยเป็นโรคไข้เลือดออกมาก่อนเท่านั้น ก่อนรับวัคซีนสามารถปรึกษาแพทย์เพิ่มเติมถึงชนิดของวัคซีนที่เหมาะสมได้ [5]


ที่มาของข้อมูล:

1. กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข: “ไข้เด็งกี่ (Dengue)”.

2. กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข: “แนวทางการวินิจฉัย ดูแลรักษาผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก (ฉบับย่อ) พ.ศ. 2566”.

3. โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์: “ไข้เลือดออก ภัยร้ายจากยุงลาย”.

4. โรงพยาบาลนครธน: “ไข้เลือดออกในเด็ก ภัยเงียบจากยุงร้าย”.

5. สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย: “ตารางการให้วัคซีนในเด็กไทย แนะนำโดย สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย 2568”

ข้อมูลในเอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นสำหรับประชาชนเป็นการทั่วไปโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการให้ข้อมูลเท่านั้น ข้อมูลนี้ไม่ควรถูกนำไปใช้เพื่อวินิจฉัยหรือรักษาปัญหาสุขภาพหรือโรคใด ๆ
การให้ข้อมูลดังกล่าวนี้ไม่มีวัตถุประสงค์เป็นการทดแทนการปรึกษากับผู้ให้บริการทางการแพทย์ โปรดปรึกษาผู้ให้บริการทางการแพทย์ของท่านสำหรับคำแนะนำเพิ่มเติม
C-ANPROM/TH/DENV/0761: APR 2025

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)