สวัสดีค่ะ มีประจำเดือน วันที่2มกราคม ประจำเดือนหายวันที่6 มกราคม รอบเดือนมาไม่ตรงค่ะ รอบเดือน พฤศจิกายน-มกราคม 33 วัน (เดือนธันวาไม่มา) มีพสพรอบเเรก. วันที่12 ช่วงตี2 ไม่ใส่ถุง หลั่งนอก กินยาคุมฉุกเฉินตอน 9 โมงเช้า เเล้วมีพสพ. ตอนบ่ายโมงอีกครั้ง(ใส่ถุงยาง) เกรงว่าอสุจิที่ตกค้างอยู่ในช่องคลอด มีสิทธ์จะถูกดันเข้าไปมั้ยคะ ผลลัพธ์ยาคุมฉุกเฉินจะป้องกันมั้ยคะ ที่กินไปตอน9โมงเช้า

สวัสดีครับ
การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่มีการป้องกันนั้นถ้ารับประทานยาคุมฉุกเฉินไปแล้วก็จะทำให้โอกาสตั้งครรภ์ลดลงไปได้ 75-95% ครับ ส่วนหลังจากนั้นถ้าหากได้มีการใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกต้องก็จะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้เพียง 2% เท่านั้น โดยที่จะไม่ทำให้โอกาสต่อการตั้งครรภ์ก่อนหน้านั้นเพิ่มสูงขึ้นครับ

หลังจากนี้หมอแนะนำให้ลองตรวจการตั้งครรภ์ดูก่อน โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้าย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ

สวัสดีครับ
เนื่องจากผู้ถามมีประวัติใช้วิธีการคุมกำเนิดที่หลากหลายครับ จะแบ่งตามประสิทธิภาพได้ดังนี้ครับ
- การหลั่งภายนอก เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพต่ำ วิธีนี้มีโอกาสการตั้งครรภ์ได้ประมาณร้อยละ 4-22
- การรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ใช้ภายหลังการมีเพศสัมพันธ์ผู้ถามทานภายใน 120 ชม. จึงมีประสิทธิภาพป้องกันได้ประมาณ 80% ครับ
- ถุงยางอนามัย เป็นวิธีเดียวที่ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้เมื่อใช้อย่างถูกวิธี วิธีนี้มีโอกาสการตั้งครรภ์ได้ประมาณร้อยละ 2-18
โดยรวมแล้วยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ครับ แต่ไม่สูงมากนัก เบื้องต้นแนะนำให้รอประจำเดือนมาตามรอบเดือนครับ หากขาดประจำเดือนแนะนำให้ตรวจการตั้งครรภ์ครับ

ยาคุมฉุกเฉินมีหลายกลไกในการป้องกันการตั้งครรภ์ค่ะ แต่กลไกที่เชื่อว่ามีประสิทธิภาพดีกว่ากลไกอื่น ๆ คือการชะลอการตกของไข่ ดังนั้น หากยาสามารถชะลอการตกของไข่ได้ทัน ก็จะป้องกันการเข้าผสมกันของไข่และอสุจิได้

แต่ประสิทธิภาพของยาคุมฉุกเฉินไม่ได้สูงเหมือนกับวิธีคุมกำเนิดมาตรฐานนะคะ แม้จะรับประทานเร็วและครบขนาดแต่ก็ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้อย่างน้อย 15% ค่ะ ต่อไปจึงไม่ควรนำยาคุมฉุกเฉินมาใช้แทนวิธีคุมกำเนิดปกติ เช่น ใช้เพราะไม่อยากใส่ถุงยางอนามัยนะคะ

การมีเพศสัมพันธ์ในวันที่ 12 มกราคม จึงถือว่ามีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 15% ตามผลป้องกันของยาคุมฉุกเฉินค่ะ

การมีเพศสัมพันธ์ในวันถัดมา โดยป้องกันด้วยถุงยางอนามัย ไม่ได้ลดประสิทธิภาพของยาคุมฉุกเฉิน และไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงของการมีเพศสัมพันธ์ในวันที่ 12 มกราคมนะคะ

และการมีเพศสัมพันธ์ในวันที่ 13 มกราคม ถ้าใช้ถุงยางอนามัยถูกวิธี และไม่มีปัญหารั่วซึมหรือฉีกขาด จะถือว่ามีโอกาสตั้งครรภ์เพียงแค่ 2% ตามผลป้องกันของถุงยางอนามัย ซึ่งความเสี่ยงนี้ถือว่าน้อยมากจนไม่น่าจะกังวลค่ะ
..
..
..
ถ้าไม่ตั้งครรภ์ ผู้ใช้ยาคุมฉุกเฉินส่วนใหญ่จะมีประจำเดือนมาตามรอบปกติเดิม หรือคลาดเคลื่อนไม่มาก จึงแนะนำให้รอดูว่าจะมีประจำเดือนมาหรือไม่นะคะ แต่ไม่ต้องสนใจว่าจะมีเลือดกะปริบกะปรอยภายใน 7 วันหลังรับประทานยาคุมฉุกเฉินหรือเปล่า เพราะเป็นเพียงผลข้างเคียงจากยา ไม่ได้สำคัญอะไร

ถ้าไม่มีประจำเดือนมา หรือถ้าไม่มั่นใจเนื่องจากประจำเดือนมาไม่ตรงเวลาอยู่แล้ว และกังวลว่าจะตั้งครรภ์ ก็สามารถตรวจให้ชัดเจนได้ โดยใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะ ตรวจในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันนะคะ

ในกรณีนี้ต้องกังวลเรื่องการที่อสุจิจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกจะถูกดันเข้าไปครับ เพราะการมีเพศสัมพันธ์ในครั้งแรกจะได้รับการป้องกันด้วยยาคุมฉุกเฉินไปแล้วครับ