August 25, 2019 16:16
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
อาการตามที่เล่ามานี้มีโอกาสสูงที่จะเกิดจากอารมณ์ขั้วแมเนียของโรคไบโพลาร์ได้ครับ ซึ่งในกรณีนี้ก็มีความเป็นไปได้ว่าการที่ถูกลดยาควบคุมอารมณ์ไปหลายตัวจะทำให้อาการกำเริบขึ้นมาอีกครั้ง
.
ในกรณีนี้หมอแนะนำว่าควรพาแฟนกลับไปพบแพทย์ก่อนวันนัดเพื่อตรวจประเมินอาการและปรับยาใหม่อีกครั้งก่อน การที่จะพยายามควบคุมพฤติกรรมผู้ป่วยในช่วงอารมณ์แมเนียนั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ยากถ้าไม่มียาช่วยครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
หมอครับ ผมเพิ่งจะศึกษาโรคนี้ได้2-3 เดือน ก็พอจะเข้าใจโรคนี้ดีครับ แต่คือผมเพิ่งคบกับแฟนได้ปีกว่า แล้วเค้าไม่เคยทำแบบนี้ หมอวินิจฉัยได้ไหมครับ ว่านี่คืออาการเค้าหรือนิสัยจริงๆ ตอนนี้ผมมืดแปดด้าน คิดไม่ออกจริงๆ เค้าบอกให้เลิกกันแล้ว ให้ผมเกลียดเค้า อย่าเจอเค้า ตอนนี้ไม่ได้คิดมากเรื่องเลิกครับ แต่กลัวเค้ากลับมาเศร้าจนทำร้ายตัวเองมากๆ ผมยังแยกไม่ค่อยออก อันไหน อาการกับนิสัยครับ หมอ ช่วยผมทีครับ
ตอบโดย
ศิรินทิพย์ ผอมน้อย (นักจิตวิทยาคลินิก)
ในกรณีที่หมอปรับลดยาลง แล้วผู้ป่วยมีอาการกำเริบซ้ำ แนะนำให้พาไปพบแพทย์ ประเมินอาการ ปรับยาตามความเหมาะสมของอาการนะคะ หากปล่อยไว้อาจทำให้อาการรุนแรงมากขึ้นและเมื่ออาการเข้าสู่ระยะซึมเศร้าอาจต้องเฝ้าระวังปัยหาพฤติกรรมทำร้ายตัวเองของผู้ป่วยด้วยค่ะ
ในระหว่างรักษา ควรให้ผู้ป่วยทานยาสม่ำเสมอ หมั่นชวนไปออกกำลังกาย งดเว้นจากสารเสพติดทุกชนิด และควรไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้งนะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
หมอครับ ผมเพิ่งจะศึกษาโรคนี้ได้2-3 เดือน ก็พอจะเข้าใจโรคนี้ดีครับ แต่คือผมเพิ่งคบกับแฟนได้ปีกว่า แล้วเค้าไม่เคยทำแบบนี้ หมอวินิจฉัยได้ไหมครับ ว่านี่คืออาการเค้าหรือนิสัยจริงๆ ตอนนี้ผมมืดแปดด้าน คิดไม่ออกจริงๆ เค้าบอกให้เลิกกันแล้ว ให้ผมเกลียดเค้า อย่าเจอเค้า ตอนนี้ไม่ได้คิดมากเรื่องเลิกครับ แต่กลัวเค้ากลับมาเศร้าจนทำร้ายตัวเองมากๆ ผมยังแยกไม่ค่อยออก อันไหน อาการกับนิสัยครับ หมอ ช่วยผมทีครับ
ตอบโดย
ฉัตรดนัย
ศรชัย
(นักจิตวิทยาการปรึกษา)
Rehabilitation in Mental Health & Addiction
สวัสดีครับ
ในกรณีของโรคไบโพล่าร์ จริงๆแล้วไม่อยากให้แยกนะครับว่าอันนี้ เกิดจากโรค อันนี้เกิดจากนิสัย ให้มองว่าเป็นการรับมือกับอารมณ์ที่เกิดขึ้นของเจ้าตัวจะดีกว่า เพราะจริงๆแล้วระยะเวลาแค่ 2-3 เดือน ถึงแม้ว่าจะทำให้เข้าใจว่าโรคไบโพล่าร์คืออะไร แต่อาการที่เกิดขึ้นในแต่ละคนต่างกันครับ ดังนั้นสิ่งที่สำคัญก็คือพยายามไม่ตัดสินว่า อันนี้เกิดจากโรคนะ หรือว่าอันนี้เป็นนิสัยของเขานะ เพราะจริงๆแล้วมันไม่สามารถแยกได้ชัดเจนขนาดนั้นครับ
สิ่งที่สำคัญก็คืออาจจะต้องเข้าใจมากกว่าว่าตัวแฟนต้องการอะไร ในการมีอารมณ์ขั้ว Mania เกิดขึ้นนั้น ก็มักจะเห็นได้ว่าพฤติกรรมบางอย่างมีความสุดโต่งและอาจจะส่งผลร้ายต่อร่างกายของเขาเอง การใช้เงิน หรืออะไรเหล่านี้ก็จะเปลี่ยนไป ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้ต่อให้ไม่ใช่เกี่ยวกับไบโพล่าร์ก็จะยังส่งผลในด้านลบกับตัวของเขาอยู่ดี หากเป็นเรื่องของการเที่ยว การดื่ม หากเห็นว่ามีจำนวนครั้งที่มากขึ้น ก็อาจจะสงสัยได้ครับว่าเป็นเพราะความรู้สึกมีพลัง อยากเที่ยว อยากสนุก ซึ่งในบางครั้งการที่เราค่อยๆเตือนเขาด้วยความหวังดี ถึงพฤติกรรมที่เกิดขึ้น ก็อาจจะทำให้เขายอมรับฟังได้บ้าง แต่จากที่เล่ามาแล้วก็เห็นว่าทะเลาะกันเวลาที่เราจะเข้าไปดูแล ใช่ไหมครับ
สิ่งที่จะต้องกลับมาทบทวนก็คือวิธีการในการพูดของเรามากกว่าที่ว่าจะใช้วิธีการแบบไหนในการเข้าพูดคุยกับเขา ผมแนะนำว่าการเริ่มด้วยการรับฟังจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด อาจจะชี้ให้เขาเห็นได้ว่าพฤติกรรมของเขาเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม และคุณรู้สึกเป็นห่วงที่เขาเป็นแบบนี้ จากที่คุณหมอและพี่นักจิตวิทยาแนะนำ ในเรื่องของการกลับไปพบจิตแพทย์เพื่อปรับยา หากว่าเจ้าตัวไม่รู้สึกว่าควรจะต้องไป บางครั้งคุณเองก็สามารถพูดให้เขาตระหนักถึงการดูแลตัวเขาเองในเรื่องนี้ได้นะครับว่า พฤติกรรมที่เขาทำอยู่จะส่งผลเสียต่อเขาอย่างไรบ้าง ถึงแม้ว่าการพูดในแต่ละครั้งจะเกิดการทะเลาะกันบ้างก็ตาม
สุดท้ายนี้อยากจะให้ลองหันกลับมาดูแลตัวเองด้วยนะครับ เพราะเข้าใจว่าบางครั้งการทะเลาะกันมากๆ หรือเป็นที่รองรับอารมณ์ก็ทำให้เครียดได้เช่นกัน ความเครียดของคุณอาจจะส่งผ่านออกมาทางสีหน้า ท่าทาง น้ำเสียง คำพูดที่ใช้ด้วย ซึ่งอาจจะส่งผลให้ตอนคุยกันเกิดการทะเลาะกันได้ ยังไงก็อย่าลืมตรงจุดนี้ด้วยนะครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
การที่จะแยกว่าพฤติกรรมของคนไข้เกิดจากอาการของโรคไบโพลาร์หรือเป็นนิสัยพื้นฐานเดิมในขณะที่ยังมีอาการแมเนียกำเริบอยู่นั้นเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ค่อนข้างยากและโดยส่วนใหญ่ก็จะต้องมีการประเมินอาการผ่านทางการพูดคุยกับผู้ป่วยโดยตรงก่อนครับ
.
สิ่งที่สำคัญในตอนนี้คงไม่ใช่การพยายามแยกแยะว่าอาการที่เกิดขึ้นนี้เกิดจากสิ่งใด แต่ความสำคัญน่าจะอยู่ที่การควบคุมให้อาการแมเนียหายไปโดยเร็วที่สุดก่อน ในกรณีนี้หมอแนะนำให้พาแฟนไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการอีกครั้งก่อนจะดีที่สุดครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
หมอครับ แฟนผมเป็นไบโพล่า ตอนนี้น่าจะเมเนีย ครับ เค้าไปดื่มข้างนอก ติดกัน2-3 วันแล้วช่วงนี้ ดูจะเมินๆ ผมด้วย ไปไหนก็ไม่บอก ถามก็เหมือนจะรำคาญ แล้วทะเลาะกันในที่สุด ถ้าผมหายไปเค้าก็ไม่ได้ตามไม่ได้อยากคุย แต่ก็ ยังคุยกับผมเวลาค่ำๆ เค้าจะไม่นอน หมอลดยาคุมอารมณ์ หลายตัวเลยครับ เหลือแค่ยานอนหลับที่ไปซื้อเอง ตามร้านเภสัช แล้วดูอาการตอนนี้เค้าเปลี่ยนไปมาก จากที่เคยน่ารัก คุยเก่ง ตอนนี้ ดูรำคาญเหวี่ยงๆ ใช้วาจารุนแรง เริ่มเป็นมาประมาณ 2เดือนกว่าๆ ได้แล้วครับที่ผมสังเกตุ แบบนี้ เค้าจะกลับมาสวิงอารมณ์ เศร้าอีกไหมครับ กลัวแค่เค้าทำร้ายตัวเองอย่างเดียวเลย ผมเป็นห่วง แล้วเวลาขอไปดูแลเค้า เคเาจะปฏิเสธแล้วออกเที่ยวกับเพื่อนๆ หมอมีคำแนะนำให้ผมไหมครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)