หลังประจำเดือนมารู้สึกคันที่อวัยวะเพศ แต่ไม่ได้สนใจอะไร พอผ่านมาประมาณ2 เดือนยังรู้สึกคันบ้างเป็นบางครั้ง เลยลองสังเกตดู พบว่ามีติ่งเนื้อเล็กๆ สีชมพู อยากทราบว่ามันคือหูดหงอนไก่รึเปล่าคะ

สวัสดีครับ
จากรูปนั้นต้่งเนื้อสีชมพูเล็กๆเป็นลักษณะของโรคหูดหงอนไก่ครับ และนอกจากนี้ก็ยังมีลักษณะของตกขาวที่อาจบ่งบอกถึงการติดเชื้อแบคทีเรียหรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆในช่องคลอดได้ด้วย

หมอแนะนำว่าในกรณีนี้ควรไปพบแพทย์นรีเวชเพื่อตรวจประเมินอาการเพิ่มเติมดูก่อนเพื่อที่จะได้ให้การรักษาได้อย่างเหมาะสมครับ

ถ้าหากดูจากภายนอกในเบื้องต้นหูดก็ยังมีปริมาณไม่มากครับ ถ้าหากได้รับการรักษาโดยการจี้หูดออกก็มักจะช่วยให้อาการหายไปได้ แต่ทั้งนี้ก็ควรมีการตรวจภายในประเมินอาการเพิ่มเติมดูก่อนเนื่องจากอาจมีหูดที่มากกว่าในปริมาณที่มองเห็นจากภายนอกได้ครับ

ถ้าหากไปตรวจรักษาในโรงพยาบาลที่มีสิทธิ 30 บาทก็จะสามารถตรวจรักษาได้ฟรีครับ

โอกาสที่หูดจะหายไปเองได้นั้นมีน้อยมากครับ ในกรณีนี้จึงควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจและรับการรักษาครับ

โดยปกติแล้วการรักษาหูดก็จะได้รับการรักษาตั้งแต่วันแรกที่ไปตรวจเลยครับ ส่วนระยะเวลาที่ใช้ในการรักษาก็จะอยู่ที่ประมาณ 2-4 สัปดาห์ครับ

แนะนำให้รักษากับแพทย์โดยตรงเท่านั้นดีกว่าครับ สมุนไพรพลูคาวนั้นไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนที่จะบ่งบอกได้ว่ามีคุณสมบัติในการรักษาโรคหูดหงอนไก่จริงๆครับ

การติดเชื้อ HPV สามารถติดพร้อมกันหลายสายพันธุ์ได้ครับ และถ้าหากเคยเป็นโรคหูดหงอนไก่มาก่อนก็จะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปากมดลูกในอนาคตได้ หลังจากหูดหงอนไก่หายแล้วจึงควรไปตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเป็นประจำทุกปีด้วยครับ

คนที่มีเชื้อ HPV อยู่ไม่จำเป็นต้องแสดงอาการออกมาเสมอไปครับ ในอนาคตนั้นแฟนอาจจะมีอาการของโรคหูดหงอนไก่เกิดขึ้นมาหรือไม่ก็ได้ครับ

ในปัยังไม่มียาที่จะใช้ฆ่าเชื้อ HPV ได้โดยตรงครับ การรักษานั้นจะเป็นการกำจัดรอยโรคภายนอก เช่น กำจัดหูด หรือมะเร็งปากมดลูกออกไปเท่านั้น ส่วนเชื้อที่เหลืออยู่จะต้องรอเวลาให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมากำจัดเชื้อออกไปเอง

ถ้าหากมีการติดเชื้อ HPV โดยไม่มีความผิดปกติที่มองเห็นจากภายนอกก็ไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษาครับ

ถ้าหากตรวจแล้วเป็นแค่เชื้อราในช่องคลอดก็ควรเชื่อตามผลตรวจของแพทย์ที่คลินิกเปหลักครับ เพราะแพทย์ที่ได้มีการตรวจภายในประเมินอาการโดยตรงจะมองเห็นรอยโรคที่มีความผิดปกติได้ชัดเจนมากกว่ารูปที่แนบมาเพียงอย่างเดียวครับ

ในกรณีที่เป็นเชื้อราในช่องคลอดการรักษานั้นก็จะต้องใช้ยาสอดหรือยากินฆ่าเชื้อราติดต่อกันนานประมาณ 1 สัปดาห์ (ซึ่งแพทย์ที่คลินิกน่าจะให้มาแล้ว) ร่วมกับควรระมัดระวังไม่ให้เกิดความอับชื้นที่มากเกินไปและไม่สวมใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่นจนเกินไปครับ

มีความเป็นไปได้ที่ตะไม่ใช่หูดหงอนไก่ครับ ถ้าหากได้ตรวจดูลักษณะติ่งโดยละเอียดแล้วก็ไม่ต้องกังวลครับ

ถ้าเป็นเรื่องการตรวจมะเร็งปากมดลูกพยาบาลและแพทย์ก็สามารถตรวจได้ในประสิทธิภาพที่เหมือนกันครับ ในกรณีนี้หมอแนะนำให้รอผลตรวจมะเร็งปากมดลูกที่ได้ตรวจไปก่อน ยังไม่ต้องกังวลไปก่อนล่วงหน้าครับ และถ้าหากมีการเป็นหูดหงอนไก่อยู่ผลตรวจมะเร็งมากปากมดลูกก็มักจะตรวจพบเชื้อ HPV ครับ

ถ้าหากตรวจไม่พบเชื้อ HPV ก็จะแสดงว่ามีโอกาสเป็นมะเร็งปากมดลูกและหูดหงอนไก่ได้น้อยครับ เพียงแต่ว่าก็ไม่ได้เป็นการยืนยันว่าจะไม่มีการติดเชื้อ 100% ถ้าหากผลตรวจออกมาปกติก็ยังมีความจำเป็นต้องตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเป็นประจำทุกปีอยู่ครับ

ถ้าหากตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกแล้วผลออกมาปกติก็ไม่ได้เป็นการบ่งบอกว่าติ่งเนื้อที่เป็นไม่ใช่หูดหงอนไก่ครับ การที่จะบอกได้ว่าติ่งเนื้อที่เป็นอยู่เป็นหูดหงอนไก่หรือไม่จะต้องอาศัยการตรวจภายในเพื่อดูลักษณะติ่งเนื้อให้ชัดเจนเป็นหลักเท่านั้น เพราะถึงแม้ติ่งเยื้อดังกล่าวจะเป็นหูดหงอนไก่จริงก็ยังมีโอกาสที่จะตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกแล้วไม่พบความผิดปกติได้ครับ

จากข้อความล่าสุดยังมีส่วนที่มีความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องอยู่ครับ หมอขอสรุปข้อมูลใหม่อีกครั้งดังนี้นะครับ
1. การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกหรือเชื้อ HPV นั้นสามารถตรวจพบได้ทั้งในกรณีที่เป็นหูดและมะเร็งปากมดลูกครับ เพียงแต่ว่าโอกาสที่จะตรวจพบได้นั้นไม่เท่ากับ 100% ในกรณีที่มีรอยโรคอยู่ภายนอกจึงยังต้องอาศัยการตรวจดูลักษณะของรอยโรคโดยตรงก่อนจึงจะบอกได้ว่ารอยโรคนั้นเกิดจากโรคหูดหงอนไก่หรือไม่
2. ถ้าหากตรวจคัดกรองเชื้อ HPV แล้วผลเป็นลบก็เป็นการบอกว่า “ตรวจไม่พบ” เชื้อ HPV ในการตรวจครั้งนี้เท่านั้น แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะมีเชื้อ HPV ที่ยังตรวจไม่พบซ่อนได้อยู่ครับ ถึงแม้ผลตรวจจะเป็นลบจึงยังต้องมีการตรวจคัดกรองเชื้อ HPV ซ้ำเป็นประจำทุกปีครับ
3. ถ้าหากได้มีการตรวจภายในเพื่อประเมินอาการโดยตรงแล้วลักษณะรอยโรคไม่เหมือนหูด โอกาสที่จะเป็นหูดก็มีน้อยครับ หมอแนะนำให้เชื่อถือผลตรวจที่ได้ตรวจไปในวันนี้เป็นหลักครับ

ถ้าหากมีความกังวลเรื่องความเชี่ยวชาญของผู้ตรวจก็สามารถไปพบแพทย์นรีเวชเพื่อตรวจประเมินอาการโดยตรงใหม่อีกครั้งได้ครับ

การตรวจแล้วพบเชื้อ HPV เป็นการระบุว่าติ่งเนื้อที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นหูดหงอนไก่ครับ แต่ถ้าหากตรวจแล้วไม่พบเชื้อก็จะยังไม่สามารถสรุปได้ว่าติ่งเนื้อนี้เป็นหูดหงอนไก่หรือไม่ แต่จะต้องอาศัยการตรวยภายในประเมินอาการเพิ่มเติมครับ

ส่วนการระบุสายพันธุ์ของเชื้อ HPV นั้นสามารถทำได้ครับ แต่ก็ขึ้นอยู่กับเทคนิคที่ใช้ตรวจด้วยว่ามีการตรวจหาเชื้อ HPV แบบระบุสายพันธุ์หรือไม่ครับ

การติดเชื้อ HPV ทางน้ำลายสามารถเกิดขึ้นได้ถ้าหากฝ่ายที่มีเชื้อมีเชื้ออยู่ในปากครับ

ใช่ครับ ถ้าไม่มีเชื้ออยู่ที่อื่นที่ไม่ใช่ปาก การทำออรัลเซ็กซ์ก็จะไม่ทำให้เกิดการติดเชื้อครับ