June 12, 2019 02:26
ตอบโดย
นิชดา พงษ์ธัญญกรณ์ (แพทย์ทั่วไป) (พญ.)
สวัสดีค่ะ ภาพไม่ขึ้นนะคะ แต่สำหรับการรักษาสิวคร่าวๆด้วยตัวเอง ขั้นแรกต้องรักษาความสะอาด ล้างหน้าให้สะอาด ซักปลอกหมอน หลีกเลี่ยงมลภาวะจากฝุ่น หลีกเลี่ยงการสัมผัส ไม่ควรขัดหน้าบ่อยหรือถูกหน้าแรง ดูแลเรื่องอาหารการกิน กินอาหารให้ครบห้าหมู่ ดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงการนอนดึกหรือปัจจัยที่ทำให้เกิดความเครียด
สำหรับยาภายนอก ให้ทา Benzoyl Peroxide เริ่มต้นขนาด 2.5% ทิ้งไว้ 10 นาที ก่อนล้างหน้า เช้า-เย็น ช่วงแรกของการใช้อาจรู้สึกแสบ ถ้าแสบให้ทิ้งไว้เพียง 10 นาทีก็พอ หลังจากนั้นเมื่อใช้ไปได้ระยะเวลาหนึ่ง ให้เพิ่มขนาดของยาเป็น 5% แล้วก็ทาเหมือนเดิมก่อนล้างหน้า ยานี้จะมีฤทธิ์ละลายหัวสิวที่อุดตันและฆ่าเชื้อ อาจใช้เวลานาน ขึ้นอยู่กับสภาพของผิวในแต่ละคนด้วย หลังล้างหน้าใช้ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย Clindamycin ซึ่งจะมีในรูปแบบน้ำและเจล ขึ้นอยู่กับว่าสะดวกแบบไหน ยาตัวนี้จะออกฤทธิ์ได้ดีกับสิวอักเสบ หรือถ้าทาบริเวณที่เป็นสิวอุดตันจะเป็นการป้องกันไม่ให้ติดเชื้อ ซึ่งจะนำมาสู่การเกิดสิวอักเสบในภายหลังได้ สำหรับสิวอักเสบให้ใช้ยาแต้มสิว หรือ Salicylic acid 2% แต้มบริเวณสิวอักเสบ โดยเฉพาะที่มีหัวหนอง มันจะช่วยให้ยุบเร็วขึ้น สำหรับสิวอุดตันแนะนำใช้ยา Adapalene 0.1% เป็นยาในกลุ่มเรตินอยด์ (Retinoids) ยานี้ลดการแบ่งตัวของเซลล์ผิวหนังชั้นนอกและทำให้ผิวหนังชั้นนอกลอกได้เร็วขึ้น วิธีใช้ให้ทาบางๆตอนกลางคืน และใช้วิธีการกดสิวอุดตันออกร่วมด้วย การกดสิวถ้าไม่ชำนาญควรให้ทางคลินิกโรคผิวหนังหรือคนที่ชำนาญกดออก มิเช่นนั้นอาจจะติดเชื้อแล้วกลายเป็นสิวอักเสบได้ สำหรับในรายที่เป็นสิวมาก หรือรักษาโดยวิธีดังกล่าวแล้วไม่หาย อาจพิจารณาเป็นยากิน คือ Acnotin ซึ่งเป็นยาที่ทำให้ต่อมไขมันฝ่อแบบถาวร ซึ่งจะช่วยยับยั้งต้นเหตุของการเกิดสิวอุดตันโดยตรง ทั้งนี้ต้องกินเป็นเวลาติดต่อกันอย่างน้อย 4 เดือน แต่ยานี้ไม่ควรซื้อมากินเอง เพราะค่อนข้างอันตราย มีผลข้างเคียงเยอะ ที่เด่นชัดเลยคือ ผิวแห้ง ปากแห้ง ทำให้เด็กในครรภ์พิการในกรณีสตรีที่ท้องอยู่ และถ้ากินเกินขนาดหรือเป็นเวลานานมากๆจะมีผลต่อตับได้ ยานี้ควรปรึกษาแพทย์ก่อนกิน หรือเรียกว่า ยานี้เป็นทางเลือกสุดท้ายสำหรับการรักษาโดยวิธีอื่นๆไม่ได้ผลค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
สารินทร์ สีหมากสุก (นพ.)
ภาพสิวไม่ขึ้นนะครับ
สิว เป็นโรคทางผิวหนังที่พบได้บ่อยครับ เมื่ออายุเราเยอะขึ้น สิวเหล่านี้จะค่อยๆหายไปในที่สุด ซึ่งตำแหน่งที่มักจะพบสิวได้บ่อยได้แก่ บริเวณที่มีต่อมไขมันจำนวนมาก เช่น ใบหน้า หน้าอก หลัง คอ เป็นต้น
สิวมีด้วยกันอยู่หลายระยะ เช่น สิวอุดตันหัวดำและหัวขาว สิวอักเสบตุ่มแดง สิวอักเสบหัวหนอง และสิวหัวช้าง การมีสิวเกิดขึ้นจำนวนมากอาจส่งผลต่อชีวิตประจำวันของเราได้ครับ เช่น เสียความมั่นใจเนื่องจากมีสิวเยอะ มีรอยดำเยอะบนใบหน้า รวมถึงการมีหลุมสิว ดังนั้นการรักษาสิวควรมีการรักษาที่ถูกต้อง เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดแผลเป็น หลุมสิว หรือเชื้อดื้อยาได้หากมีการรักษาที่ไม่ถูกต้อง จึงควรพบแพทย์นะครับ
สาเหตุจากการเกิดสิว
- การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย โดยเฉพาะฮอร์โมนเพศชาย เช่น androgen ซึ่งจะพบมากในเพศชาย (เพศหญิงก็มีได้เช่นกัน แต่น้อย) ฮอร์โมนตัวนี้จะไปกระตุ้นต่อมไขมันให้มีการทำงานมากขึ้น จึงทำให้เกิดการอุดตันตามรูขุมขน เกิดเป็นสิวอุดตันและสิวอักเสบในอนาคตได้ หรือในผู้หญิงที่มีฮอร์โมนเพศชายเยอะ หรือเป็นถุงน้ำในรังไข่หลายใบ(PCOS) ก็อาจจะมีสิวเยอะได้เช่นกัน รวมถึงก่อนมีประจำเดือน ฮอร์โมน Progesterone จะสูงขึ้น จึงทำให้เกิดสิวได้เช่นกั
- Hyperkeratosis เกิดจากควาผมิดปกติของการผลัดเซลล์ของเซลล์ผิวหนัง
- เกิดจากการติดเชื้อ P.acne ซึ่งเป็นเชื้อที่ทำให้เกิดสิว
- Inflammation มีการบาดเจ็บหรือมีการอักเสบของผิวหนังในบริเวณดังกล่าว
- อื่นๆ เช่น อาหารที่มี Glycemic index สูง หรืออาหารที่มีน้ำตาลในปริมาณเยอะ (แต่ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ครับ ว่าจริงๆแล้ว เป็นสาเหตุของการเกิดสิวด้วยหรือไม่) เช่น ช็อคโกแลต เค้ก เบเกอรี่ หรือของหวานต่างๆ , นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่อดหลับอดนอน, ไม่เครียด หมั่นออกกำลังกาย, งดทาครีมกันแดดที่ทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน, หรือหลีกเลี่ยงการแต่งหน้า ทารองพื้นที่หนาจนเกินไป โดยเฉพาะช่วงที่เป็นสิวเยอะๆ , การใช้กระดาษซับมัน ควรซับอย่างเดียวไม่ควรถูบริเวณผิวหน้า เพราะอาจจะไปกระตุ้นสิวได้เช่นกัน, งดการแคะแกะเกาสิว, หลีกเลี่ยงการทำหัตถการที่มีการสครับผิวหน้า หรือการทำช้อนทองคำ ทรีตเม้นหน้า อาจไปกระตุ้นทำให้สิวเห่อได้, หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ไม่ได้มาตรฐานหรือโฆษณาอวดอ้างเกินจริง, รักษาความสะอาดบนผิวหน้า ล้างหน้าในคนที่มีผิวมันเยอะ อาจจะเช้ากลางวันและเย็น ไม่ควรล้างหน้าบ่อยจนเกินไป เป็นต้นครับ
วิธีการรักษา
วิธีการรักษาสิวคือลดการอักเสบลงของสิวและการป้องกันการเกิดสิวที่จะเกิดขึ้นใหม่ ซึ่งหากมีสิวขึ้นเป็นจำนวนมาก อาจจะต้องใช้ระยะเวลาในการรักษาสักหน่อยครับ โดยการรักษาจะต้องมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตามที่หมอได้แนะนำไปข้างบน ร่วมกับการใช้ยาจึงจะมีประสิทธิภาพ โดยยาที่ใช้ในการรักษาสิว แบ่งคร่าวๆได้เป็น 3 กลุ่ม คือ ยาทา ยาฉีด และยารับประทาน
ยาทาจะมียากลุ่มละลายหัวสิว เช่น Benzoyl peroxide ทาก่อนล้างหน้าทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที จะช่วยลดการเกิดสิวอุดตัน โดยมากแพทย์มักพิจารณาให้ร่วมกับยาปฏิชีวนะชนิดทา ที่จะไปทำลายฆ่าเชื้อสิว (แต่จะไม่ให้ยาปฏิชีวนะตัวเดียว เนื่องจากมีโอกาสทำให้เชื้อดื้อยาได้ง่าย) และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้สิวอุดตันลดลง อาจรักษาควบคู่กับการกดสิวจากผู้ชำนาญ (ไม่ควรกดเองเด็ดขาด หากทำไม่เป็น เพราะจะทำให้เกิดรอยดำตามมาได้)
ยากลุ่มวิตามินเอ จะไปช่วยแก้ไขปัญหาการเกิด Hyperkeratosis ให้กลับเป็นปกติ ลดการอักเสบของสิว ลดสิวอุดตัน แต่ยากลุ่มนี้อาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองของผิวหนังได้หรือเกิดรอยแดง ควรทาบางๆ
ยาฉีด มักจะเป็น triamcinolone acetonide ใช้ในการฉีดเม็ดสิวที่มีการอักเสบอยู่ให้ยุบลง แต่ต้องระวัง หากฉีดเยอะเกินไปหรือฉีดไม่ถูกต้อง อาจทำให้ผิวบริเวณนั้นกลายเป็นหลุมหรือยุบลงไปได้
ในกรณีที่เป็นสิวอักเสบขึ้นเยอะ การทายาอย่างเดียวอาจจะเอาไม่อยู่ แพทย์อาจพิจารณาเพิ่มยารับประทาน เช่นยาปฏิชีวนะและยาในอนุพันธุ์ของวิตามินเอ จะช่วยให้ประสิทธิภาพในการรักษาสิวให้สูงขึ้น แต่ยากลุ่มอนุพันธุ์วิตามินเอ มีผลข้างเคียงค่อนข้างเยอะ เช่น ผิวแห้ง ปากแห้ง ตาแห้ง ตับอักเสบ ไขมันในเลือดสูง ทำให้เกิดโรคซึมเศร้า และระหว่างที่รักษาด้วยยาตัวนี้ ห้ามตั้งครรภ์โดยเด็ดขาด รวมถึงการบริจาคเลือด การใช้ยาในกลุ่มนี้จึงควรได้รับคำแนะนำวิธีการใช้ และอยู่ในการดูแลควบคุมของแพทย์ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
นิธิวัฒน์ ตั้งชมพู (นพ.)
สวัสดีครับ
ภาพที่แสดง นึงถึง การติดเชื้อที่ผิวหนัง เช่น เชื้อแบคทีเรีย และ รูขุมขนอักเสบครับ
การรักษาเบื้องต้นของรูขุมขนอักเสบ แนะนำว่า
1.งดอาบน้ำร้อน ให้อาบน้ำที่อุณหภูมิห้อง
2.ทาโลชัน ให้ความขุ่ทชื้นสม่ำเสมอ
3.รักษาความสะอาดของผิวหนังบริเวณดังกล่าว ไม่ควรอับชื้น
4.งดแคะแกะเกา หรือบีบ ** อาจทำให้มีการติดเชื้อมากขึ้น และอาจทำให้เป็นรอยช้ำ หรือรอยดำได้
5.ถ้าเป็นมากแนะนำให้ไปพบแพทย์ เพื่อตรวจวินิจฉัยเพ้่ทเติม อาจได้ยาสเตียรอยด์ หรือยาฆ่าเชื้อมาทาครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
มีสิวขึ้นแบบนี้ต้องรักษาแบบไหนให้หายครับหมอ ปล.ไม่มันใจเลยครับตัดผมสั้น
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)