June 05, 2018 00:04
ตอบโดย
พิศุทธิกาญจญ์ รังคกูลนุวัฒน์ (พญ.)
ก่อนอื่นเลย ต้องอธิบายก่อนค่ะ ว่า กลไกการแพ้อาหารนั้น หมายถึง ถ้าเราแพ้อาหาร การแพ้นั้นต้องผ่านภูมิคุ้มกันของเรา ( IgE mediated) ซึ่งจะแสดงอาการหลากหลายอย่างตั้งแต่ คลื่นไส้อาเจียน ถ่ายเหลว เวียศรีษะ ปวดหัว มีผื่นขึ้นตามร่างกาย ปากบวม หน้าบวม เป็นต้น แบบนี้ เรียกว่า การแพ้อาการที่แท้จริง
*** แต่มีอีกสภาวะหนึ่ง ที่เลียนแบบการแพ้อาหาร คือ คนไข้จะมีปฏิกิริยาคล้ายการแพ้อาหาร แต่ไม่ได้เกิดจากการผ่านระบบภูมิคุ้มกันของเรา แต่เกิดจากการกระตุ้น mast cell เพื่อให้เกิดการหลัง histamine, หรือตัวอาหารเองที่มี histamine มากๆหรือ การที่อาหารนั้น ไปยับยั้ง enzyme ที่ย่อย histamine
กระบวนการนี้ เรียกว่า ‘histamine intolerance หรือ HIT’
ดังนั้น อาหารที่จะกระตุ้นให้คนไข้ที่มี sensitivity มากต่อ histamine อยู่แล้ว มีอาการ HIT จึงแบ่งเป็น 3 กลไก คือ
1.อาหารที่มี histamine ในปริมาณมาก ได้แก่ alcohol, ปลา โดยเฉพาะในกลุ่ม scromboid fish ที่ผ่านการหมักดอง มักเกิดการสร้าง histamine ขึ้นมาปริมาณมาก , ผักดอง , peanut, soybean เป็นต้น
2.histamine liberator หรือคุณกำลังสงสัยอยู่ว่าสิ่งนี้คืออะไร อาหารกลุ่มนี้คือ อาหารตัวอาหารเอง มี level ของ histamine ต่ำ แต่เมื่อเข้าไปในร่างกาย สามารถกระตุ้นให้ mast cell หลั่ง histamine ออกมามากมาย จนเกิดปฏิกิริยา HIT นั่นเองค่ะ อาหารกลุ่มนึ้ ได้แก่ ผลไม้รสเปรี้ยว ชอคโกแลต และ ใะเขือเทศ เป็นต้น ส่วนไข่ ในทาง allergy จะแยก egg yolk และ egg white ส่วน egg yolk นี้ เป็น low histamine content food ส่วน egg white นั้น ยังเป็นที่ถกเถียงกันถึงกลไกการเป็น Histamine liberator ค่ะ
3.กลุ่ม DAO inhibitor ได้แก่ alcohol ชาต่างๆ และ energy drinks เป็นต้น
หวังว่สจะพออธิบายให้คุณเข้าใจได้ไม่มากก็น้อยนะคะ
อ่านเพิ่มเติมได้ ที่
https://watermark.silverchair.com/znu00507001185.pdf?token=AQECAHi208BE49Ooan9kkhW_Ercy7Dm3ZL_9Cf3qfKAc485ysgAAAawwggGoBgkqhkiG9w0BBwagggGZMIIBlQIBADCCAY4GCSqGSIb3DQEHATAeBglghkgBZQMEAS4wEQQM5T6ErQxCn4mfCCzjAgEQgIIBX_gTUyaGPSu4K5mU-CJYAEOU424CzuWQbYZO2SqVXj1XzeSYQcdYiJaFpSh7XHd235L-muSS5pKc0Kyh1oU6fbsAZHanz--o_jg2al-Xs14PpOfRXx5nd_kzFue6kzqqlTru_MkEtfhZRg6kZaFXNCOE6yFw5fCpLqmcX4qIWiW4voHVjetd-Ia4WnT_saY8lUHVJM5dsXL-n_CkPL3aPdctoKJBziLg7-ReXkgdzmB9NMmKSR604BL2bEeYprLwW0V2VnlhFxej78roAUQnQaqEBEu6sK-btF_G-zYskPxROvHyGALSXoyyuioYaPCDQZsrwa2R3ybsxpNkLXYZS0uHbFaK8h_QdD8UjU8XjNaEvkOmb9WfMSDrdNTLwRnfgNUEkApfYoR7G5zOFLUSPoiUElMBUfsCoICNfpVa4i5K4nnX6726ZIjI9cUUn5ejhJCWF0RQSZeAd56qhR4Hjg
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ประโยคที่ว่า "อาหารที่จะปล่อยสารฮิสตามีนออกมา" มันแตกต่างกับอาหารที่มีฮิสตามีนสูงยังไงหรอครับ แล้วก็ประโยคที่ว่า "อาหารบางชนิดเช่นส้ม ถั่ว ปลา หอย และไข่ขาว ถึงแม้ว่าจะมีระดับฮิสตามีนน้อยแต่ก็มักจะเป็นตัวทำให้อาหารชนิดอื่นเกิดการหลั่งสารฮิสตามีนออกมา" หมายความว่า(ตามที่ผมเข้าใจ) อาหารจำพวกนี้เดิมทีก็มีสารฮิสตามีนแหละแต่ในปริมาณที่น้อย แต่ว่ามันจะมีอีกสารที่ไปกระตุ้นให้อาหารชนิดอื่นเกิดการสร้างสารฮิสตามีนขึ้นมาเพิ่มอีก ผมเข้าใจถูกไม๊ครับหรืออย่างไรช่วยบอกและชี้แจงทีครับ ขอบคุณครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)