โรคหัวใจและหลอดเลือด ประกอบด้วย 2 โรค ได้แก่ โรคหัวใจขาดเลือด และ โรคหลอดเลือดสมอง หลักๆ แล้วเกิดจากหลอดเลือดอุดตัน ทำให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจและสมองไม่เพียงพอ
สถิติจากกระทรวงสาธารณสุข (พ.ศ. 2561) พบว่า มีคนไทยป่วยด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือดเป็นจำนวน 432,943 คน อัตราเสียชีวิตถึง 20,855 คนต่อปี และยังเพิ่มจำนวนอย่างต่อเนื่อง ส่วนข้อมูลจากสำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค (พ.ศ. 2559) ก็พบว่า ในปี พ.ศ. 2553 และ 2557 โรคหัวใจและหลอดเลือดเป็นสาเหตุการตายอันดับ 1 ของคนไทย
โรคหัวใจและหลอดเลือดมักแสดงอาการรุนแรงอย่างเฉียบพลัน หากได้รับการรักษาไม่ทันท่วงทีอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต
7 สัญญาณโรคหัวใจและหลอดเลือด
มาดู 7 สัญญาณเสี่ยง ที่เตือนว่าหลอดเลือดหัวใจหรือหลอดเลือดสมองของคุณอาจกำลังมีปัญห
1. เจ็บแน่นหน้าอก
อาการเจ็บหน้าอกที่บ่งชี้ว่าหลอดเลือดที่จะส่งเลือดไปเลี้ยวหัวใจมีการอุดตัน ทำให้เลือดเลี้ยงหัวใจไม่เพียงพอ จะมีลักษณะเฉพาะคือเจ็บแน่น รู้สึกจุกๆ เหมือนมีอะไรมากดทับ บริเวณกลางหน้าอก อาจเจ็บร้าวไปยังคอและแขนร่วมด้วย
ส่วนการเจ็บหน้าอกด้านซ้ายนั้นไม่ได้บ่งบอกถึงโรคหัวใจเสมอไป เพราะบริเวณดังกล่าวมีทั้งกล้ามเนื้อ กระดูก เส้นประสาทจำนวนมาก การเจ็บแปลบขึ้นมาอาจเกิดจากออกกำลังกายหักโหมหรือเคลื่อนไหวผิดท่าก็ได้
2. อ่อนแรงฉับพลัน
อาการอ่อนแรงฉับพลันอาจเป็นสัญญาณของหัวใจขาดเลือด หรือสมองขาดเลือดก็ได้ โดยอาการของหัวใจขาดเลือดมักจะแสดงออกมาในลักษณะเหนื่อยหมดแรง หอบ พูดแล้วเหนื่อย ส่วนหลอดเลือดสมองมักเป็นอาการอวัยวะอ่อนแรงครึ่งซีก ทดสอบได้จากการพยายามยกแขนขึ้นทั้งสองข้าง จะพบว่าไม่สามารถยกได้ หรือยกแล้วแขนข้างใจข้างหนึ่งตกลงมา
นอกจากนี้ยังอาจมีปัญหาด้านการทรงตัว ทรงตัวไม่ได้
3. ปวดศีรษะ คลื่นไส้
อาจเป็นอาการของหลอดเลือดหัวใจหรือหลอดเลือดสมองก็ได้ สำหรับโรคหลอดเลือดสมองอาจมีอาการเวียนศีรษะบ้านหมุนนานเกิน 5 นาทีโดยไม่สัมพันธ์กับการเปลี่ยนท่าทาง มักเป็นร่วมกับการเดินเซ อาจเกิดร่วมกับอาการแน่นหน้าอก เกิดจากความดันโลหิตต่ำเฉียบพลัน
4. เหงื่อออกมาก เป็นลม
โดยมากเป็นลักษณะเหงื่อเย็น มักจะเกิดในกรณีที่หลอดเลือดหัวใจอุดตันหรือกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน นอกจากนี้อาการเหงื่อออกมาและเป็นลมยังพบได้ในผู้เป็นโรคหลอดเลือดแดงใหญ่ปริหรือฉีก
5. ปวดบริเวณแขนหรือไหล่
บ่งชี้ถึงหลอดเลือดหัวใจตีบ เลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่เพียงพอ มักมีลักษณะเริ่มปวดจากหน้าอก แน่นร้าวไปยังกราม แขน จนถึงไหล่
อย่างไรก็ตาม ในผู้ป่วยบางรายก็อาจมีอาการเจ็บเพียงเล็กน้อย หรือไม่เจ็บเลย เรียกว่า Silent Heart Attack หรือบางรายอาจเจ็บมากจนลามไปถึงแผ่นหลังก็ได้
6. หน้าเบี้ยว
หน้าเบี้ยว มักเป็นอาการของโรคหลอดเลือดสมอง (STROKE) สามารถสังเกตเห็นได้ชัดเจนเมื่อพยายามยิ้มแล้วพบว่ามุมปากข้างหนึ่งตกหรือยกไม่ขึ้น นอกจากนี้ยังอาจมีปัญหาในการกลืน การพูดร่วมด้วย
7. มีปัญหาด้านการมองเห็น
ภาวะหลอดเลือดสมองสามารถส่งผลต่อการมองเห็นได้ เช่น มองเห็นภาพซ้อน มองไม่ชัด มองไม่เห็น มองเป็นเพียงบางส่วนหรือมีภาวะลานสายตาผิดปกติ อาจเกิดกับตาข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง มักเกิดในระยะเวลาสั้นๆ ชั่วคราว
สัญญาณโรคหัวใจและหลอดเลือดอาจเกิดในระยะเวลาสั้นๆ แล้วกลับเป็นปกติ แต่ไม่ควรนิ่งนอนใจว่าไม่เป็นไร ควรให้คนใกล้ชิดพาไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดโดยด่วนเพื่อรับการวินิจฉัยและรักษา
สำหรับหลอดเลือดสมอง หากรักษาไม่ทันอาจทำให้สมองได้รับความเสียหายอย่างถาวร นำไปสู่โรคอัมพฤกษ์ อัมพาตได้
ปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
ส่วนใหญ่แล้วโรคหัวใจขาดเลือดและโรคหลอดเลือดสมองมักเกิดจากพฤติกรรม เช่น การรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย ซึ่งสะสมมาเป็นเวลานาน ดังนี้
- พฤติกรรมการกิน เช่น กินอาหารโซเดียมสูง ไขมันสูง คอเลสเตอรอลสูง เนื่องจากไขมันสามารถเข้าไปสะสมในหลอดเลือด ทำให้เกิดภาวะตีบตันได้
- ไม่ค่อยออกกำลังกาย เคลื่อนไหวร่างกายน้อย หรือเป็นผู้น้ำหนักเกิน ไม่ได้ควบคุมจนเข้าสู่ภาวะอ้วน เนื่องจากผู้มีภาวะอ้วนหรือน้ำหนักเกินหัวใจจะทำงานหนักกว่าปกติ
- สูบบุหรี่หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากในบุหรี่มีนิโคตินและสารอื่นๆ ซึ่งทำอันตรายต่อผนังบุด้านในของหลอดเลือด รวมถึงทำให้หลอดเลือดหดตัว ลดปริมาณเลือดที่จะไปเลี้ยงหัวใจ
- ความเครียด เนื่องจากความเครียดส่งผลให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนที่ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น เลือดสูบฉีดมากขึ้น และตับยังผลิตคอเลสเตอรอลเพิ่มมากขึ้น ที่สุดแล้วมีผลให้หลอดเลือดอุดตันขึ้นได้
แม้สาเหตุส่วนใหญ่จะเกิดจากพฤติกรรมดังกล่าวไปแล้ว ดูเหมือนสามารถป้องกันได้ แต่หากเป็นพฤติกรรมที่ทำอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ และยังไม่เคยมีปัญหาสุขภาพที่สังเกตได้ชัด บางคนจึงไม่ได้ปรับเปลี่ยน นำไปสู่การสะสมปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายโรคหัวใจขาดเลือด หลอดหลอดสมองตีบ หลอดเลือดสมองแตก ก็เกิดขึ้นอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
แนวทางการรักษาโรคหัวใจและหลอดเลือดในปัจจุบัน ราคา
แนวทางการรักษาโรคในกลุ่มโรคเกี่ยวกับหัวใจในปัจจุบันราคาค่อนข้างสูง และมักเป็นการรักษาที่ต้องทำอย่างเร่งด่วน มิฉะนั้นจะเป็นอันตรายถึงชีวิต
ตัวอย่างค่ารักษาโรคหลอดเลือดหัวใจ*
- ผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจ ประมาณ 700,000-900,000 บาท
- ทำบอลลูนหัวใจ ประมาณ 200,000-1,000,000 บาท
- ผ่าตัดเบี่ยงทางเดินหลอดเลือดหัวใจ หรือทำบายพาส ประมาณ 300,000-600,000 บาท
ตัวอย่างค่ารักษาโรคหลอดเลือดสมอง*
- ค่ายาละลายลิ่มเลือดต่อครั้ง 10,000-40,000 บาท
- ลากลิ่มเลือดผ่านสายสวนหลอดเลือด ประมาณ 200,000 บาท
- เจาะศีรษะดูดน้ำและเลือดออกจากสมอง กรณีเส้นเลือดในสมองแตก ประมาณ 600,000 บาท
*ค่ารักษาโรคหัวใจและหลอดเลือดดังกล่าวเป็นเพียงตัวอย่างโดยประมาณ ค่ารักษาพยาบาลจริงอาจแตกต่างไปจากนี้ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค ภาวะแทรกซ้อน รวมไปถึงเงื่อนไข ข้อกำจัดต่างๆ ของตัวผู้ป่วยเอง และสถานพยาบาล ควรตรวจสอบราคาก่อนเข้ารับบริการ
รักษาโรคร้ายด้วยประกันสุขภาพ พรูอีซี่แคร์ รับมืออาการเจ็บป่วย จากพรูเดนเชียล
โรคภัยไข้เจ็บซึ่งรวมถึงโรคหัวใจและหลอดเลือด อาจเกิดได้โดยไม่คาดคิด และมีค่าใช้จ่ายในการรักษาค่อนข้างสูง แต่คุณสามารถบริหารความเสี่ยงทางการเงินเพื่อรับมือค่ารักษาได้ ด้วยการทำประกันสุขภาพ กดเช็คเบี้ยหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่
พรูอีซี่ แคร์ จากพรูเดนเชียล ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลต่างๆ กรณีผู้ป่วยใน เช่น ค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าบริการพยาบาล ให้คุณหายจากโรคอย่างไร้กังวล
การดูและและรักษาสุขภาพก่อนเกิดโรคเป็นสิ่งที่ดีที่สุด แต่หากละเลยจนไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้แล้ว อย่างน้อยการเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่ดี ก็จะช่วยให้คุณมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ และไม่ต้องวิตกกังวลจนเกินไป การทำประกันสุขภาพเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าพิจารณา อย่างไรก็ตาม เงื่อนไขประกันภัยอาจมีการเปลี่ยนแปลง ควรติดต่อตัวแทนประกันจากพรูเดนเชียล ประกันชีวิต และศึกษาเงื่อนไขโดยละเอียดก่อนทำประกันทุกครั้ง